ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1434 ทำไมรู้สึกคุ้นเคย
“หลี่ซีลูกสาวบุญธรรมของท่านประธานบริษัท JR จำกัดกำลังจะกลับประเทศในอีกไม่กี่วันนี้ พร้อมกับรับตำแหน่งประธานบริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียของบริษัท JR จำกัด”
“ท่านประธาน บริษัท JR จำกัดรัก หลี่ซี มาก ดูแลปกป้องเธอเป็นอย่างดี โลกภายนอกรู้จักเธอน้อยมาก แต่ก็ยังสืบได้ว่าเธอเป็นนักศึกษาที่มีผลการเรียนสูงสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ มีไอคิวและอีคิวที่สูงมาก ”
……
ช่วงระยะนี้ ไม่ว่าจะเป็นบนโลกโซเชียลหรือว่าข่าวเศรษฐกิจในโทรทัศน์ ต่างก็รายงานข่าวถึงหลี่ซีคนนี้เต็มไปหมด คงเป็นเรื่องยากที่จะไม่มีใครไม่รู้จักเธอ
“ยังจะบอกว่าปกป้องคุ้มครองอย่างดี ผมว่าไม่แน่ทั่วทั้งโลกคงรู้จักหลี่ซีคนนี้กันหมดแล้วมั้ง”
เห็นข่าวแบบเดียวกันในช่วงหลายวันมานี้ จิ้นเฟิงเหราอดไม่ได้ ที่จะบ่นออกมา
เจียงสื้อสื้อได้ยิน ยิ้มแล้วพูดว่า “คนเขาจะกลับมาเป็นประธานบริหาร ก็ต้องป่าวประกาศก่อนสิ ให้พวกบรรดาบริษัทที่อยากจะทำธุรกิจกับJRจะได้รู้ว่าควรจะต้องประจบเอาใจใคร”
“แม้ว่าJRจะเป็นบริษัทระดับนานาชาติ แต่ก็ยังสู้จิ้นกรุ๊ปไม่ได้” จิ้นเฟิงเหราเชิดหน้า พูดอย่างหยิ่งยโส
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทรัพย์สินเงินทองหรือว่าอำนาจ JRจะเทียบกับจิ้นกรุ๊ปได้ที่ไหนกัน
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด แต่พอJRกลับมาให้ความสำคัญกับภายในประเทศใหม่อีกครั้ง……” เจียงสื้อสื้อชะงักไป “มีเพื่อนเพิ่มดีกว่ามีศัตรูเพิ่มนะ”
ได้ยินดังนั้น จิ้นเฟิงเหราก็ส่ายหน้า “จุ๊ๆ” “พี่สะใภ้ครับ นับตั้งแต่พี่มาทำงานที่บริษัท ดูเหมือนว่าจะเก่งขึ้นมากเลยนะครับ”
เจียงสื้อสื้อหันหน้าไปมองจิ้นเฟิงเฉินที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดเวลา รอยยิ้มที่มุมปากกว้างมากขึ้น “ได้ฟังมาเยอะก็ต้องซึมซับเข้าไปบ้าง อะไรที่ควรจะรู้ก็รู้หมด”
“เฮ้อ!” จิ้นเฟิงเหราหน้าย่นเข้าหากันอย่างหมั่นไส้ “พวกคุณสามีภรรยารักกันมาก ก็ไม่ต้องมาโอ้อวดต่อหน้าผมก็ได้นะ”
เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้ว “ถ้านายอิจฉา ก็รอให้หวั่นหวั่นคลอดเสร็จแล้ว นายก็ให้เธอไปทำงานที่บริษัทก็ได้นะ”
“ช่างเถอะครับ” จิ้นเฟิงเฉินชอบที่จะให้ส้งหวั่นชีงอยู่บ้านดูแลลูกมากกว่า ไม่อยากให้เธอต้องกังวลอะไรมาก
เจียงสื้อสื้อเข้าใจความคิดเขา ได้แต่ยิ้มๆไม่ได้พูดอะไรอีก
……
วินาทีที่ลงจากเครื่องบินนั้น หลี่ซีมองเห็นภาพทุกสิ่งที่คุ้นเคย เกิดความรู้สึกเหมือนอยู่กันคนละโลกขึ้นมาทันที
วินาทีต่อมา มุมปากเธอกระดกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะอย่างดูถูก
ก็อยู่กันคนละโลกจริงๆ
เธอไม่ใช่ซ่างกวนหยวนแล้ว แต่เป็นหลี่ซี!
พอออกจากสนามบิน บรรดานักข่าวที่พากันมารออยู่นานแล้วก็กรูกันเข้ามา ขวางหลี่ซีเอาไว้
“คุณหลี่ ขอถามหน่อยค่ะว่าครั้งนี้ที่คุณกลับประเทศมีการวางแผนอะไรบ้างคะ”
“คุณหลี่ คุณกลับมาคนเดียวเหรอคะ”
“คุณหลี่ ทำไมคุณเลือกที่จะกลับประเทศแทนที่จะอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของJRล่ะคะ”
……
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามของบรรดานักข่าวที่ถามกันต่อเนื่องไม่หยุด บนใบหน้าของหลี่ซีก็ยังคงยิ้มอ่อนๆ ตอบทีละคำถามด้วยความอดทนอย่างมาก
ตอนแรกคิดว่าเธอจะต้องเป็นคุณหนูผู้เย่อหยิ่งจองหอง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะคนเรียบง่ายธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายแบบนี้
นอกจากความตื่นตกใจของบรรดานักข่าวแล้ว ต่างก็รู้สึกละอายเล็กน้อยที่ทำให้เธออึดอัดใจ จึงไม่ได้ถามคำถามที่ล่อแหลมอะไรกับเธอ
“ไม่ทราบว่าคุณคุณหลี่มีบริษัทไหนในประเทศที่อยากร่วมงานด้วยหรือเปล่าคะ”
หลี่ซียิ้ม “ร่วมงานกับบริษัทไหนเหรอคะ อืม……”
เธอคิดอย่างเอาจริงเอาจัง พูดว่า “บริษัทในประเทศไม่น้อยต่างพัฒนาได้ดีมาก ถ้ามีโอกาส ก็อยากจะร่วมงานกับทุกบริษัทค่ะ”
“ฉลาดจริงๆ ตอบแบบนี้จะได้ไม่ต้องผิดใจกับใคร”
“คนก็หน้าตาสะสวย แล้วยังฉลาดแบบนี้ ช่างน่าอิจฉาจริงๆเลย”
บรรดานักข่าวต่างพากันส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเบาๆ
“แต่ว่า……”
ทันใดนั้นหลี่ซีก็เปลี่ยนคำพูดขึ้นมา เธอจ้องมองไปที่หน้ากล้องถ่ายทำข่าว รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “บริษัทที่ฉันอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดก็คือจิ้นกรุ๊ป หวังว่าเมื่อท่านประธานจิ้นได้เห็นข่าวนี้แล้ว จะช่วยพิจารณาJRกรุ๊ปด้วยนะคะ”
สื่อสำนักต่างล้วนถ่ายทอด จิ้นเฟิงเหราเห็นภาพนี้ ก็ส่งเสียงฮึ่มว่า “ขอโทษด้วยนะครับ คุณหลี่คุณอาจจะต้องผิดหวังแล้ว”
“พี่ครับ พี่คงไม่ได้อยากจะร่วมงานกับJRหรอกนะ” จิ้นเฟิงเหราหันกลับมองจินเฟิงเฉินที่อยู่หลังโต๊ะทำงาน
จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้ามามองเขา พูดเบาๆว่า “ฉันไม่เคยคิด”
“งั้นก็ดีครับ” จิ้นเฟิงเหราถอนหายใจอย่างโล่งอก สองมือกอดอก สายตากลับไปจับจ้องหลี่ซีบนหน้าจออีกครั้ง ขมวดคิ้ว “ไม่รู้ทำไม ผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอย่างมาก”
ได้ยินดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ลุกขึ้นเดินมา มองเห็นหญิงสาวบนหน้าจอที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของบอดี้การ์ด เดินผ่านบรรดานักข่าวที่รุมล้อมเธอ
“นี่คือหลี่ซีเหรอ” จิ้นเฟิงเฉินถาม
“อืม” จิ้นเฟิงเหราหันไปมองเขา “พี่เองก็รู้สึกแปลกๆหรือเปล่า”
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองหญิงสาวตรงกลางหน้าจอ คิ้วขมวดเล็กน้อย
เห็นชัดว่าเป็นใบหน้าของคนแปลกหน้าคนหนึ่ง แต่ทำไมถึงมีความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่าง
“พี่ จู่ๆJRก็ย้ายกลับมาที่ภายในประเทศใหม่ ต้องมีความคิดอะไรแน่นอน ผมว่าพวกเราต้องเตรียมป้องกันไว้ก่อน”
มองเห็นหลี่ซีผู้หญิงคนนั้น ในใจจิ้นเฟิงเหรารู้สึกกังวลเล็กน้อย
จิ้นเฟิงเฉินส่งเสียง “อืม” พูดว่า “จับตาความเคลื่อนไหวของJR มีอะไรให้รีบมารายงานฉันทันที”
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า “ครับ”
……
ก่อนกลับประเทศ เจี่ยงฉือให้คนมาซื้อคฤหาสน์หลังหนึ่งในเมืองจิ่น เพื่อให้หลี่ซีมีที่พักตอนกลับมา
เขาและหลี่ซีกลับมาด้วยเที่ยวบินเดียวกัน แต่เขากลับมารอหลี่ซีที่คฤหาสน์ก่อน
พอหลี่ซีกลับมา เขาก็รีบลุกขึ้นมาต้อนรับทันที ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เหนื่อยมั้ย”
“ไม่เหนื่อย” หลี่ซีเดินไปทางห้องรับแขกพลาง มองรอบๆตัวไปพลาง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอ่ยชื่นชม “ไม่เลวเลยนะคะ”
ได้ยินดังนั้น เจี่ยงฉือที่เดินตามหลังเธอก็ยิ้ม “ตกแต่งตามสไตล์ที่คุณชอบทุกอย่าง”
“ไม่รู้ว่าตระกูลจิ้นเห็นข่าวที่ฉันกลับประเทศหรือเปล่า” หลี่ซีนั่งบนโซฟา สีหน้าเขาดูงุนงง
เจี่ยงฉือขมวดคิ้ว “คุณสนใจมากเลยเหรอ”
หลี่ซีหันไปมองเขา “ฉันกลับมาก็เพื่อที่จะเล่นงานตระกูลจิ้น ฉันก็ต้องสนใจแน่นอน”
เจี่ยงฉือแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินไปนั่งตรงข้ามเธอ “ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นหรือไม่ ก็มีโอกาสที่จะให้พวกเขาได้เจอคุณ”
“อ๋อ” หลี่ซีขมวดคิ้ว ยิ้มพลางถามว่า “คุณมีแผนเหรอ”
“ไม่ได้มีแผนอะไรหรอก” เจี่ยงฉือเอนหลังพิงไปในโซฟา ขายาวไขว้กัน มุมปากยกขึ้น “ขอแค่ผมเต็มใจ จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ทางธุรกิจหรือว่างานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ส่งหนังสือเชิญให้จิ้นกรุ๊ป จิ้นเฟิงเฉินก็จะมา”
ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ได้ยินชื่อจิ้นเฟิงเฉินสามคำนั้น ภายในใจหลี่ซีก็ยังหวั่นไหวอยู่บ้าง
แต่ไม่ใช่ความรัก เป็นความเกลียด
เธอเกลียดผู้ชายคนนี้!
เกลียดความเย็นชาไร้ความรู้สึกของเขา
เพื่อเขาแล้ว เธอยอมทำทุกอย่าง แต่สุดท้าย ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอก็คือไม่เห็นคุณค่าทอดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย ในสายตาเขามีเพียงเจียงสื้อสื้อนังแพศยานั่นคนเดียว!
มองเห็นความเกลียดชังที่ออกมาจากสายตาเธอ เจี่ยงฉือก็เผยให้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจ “ซีซี คุณต้องจดจำไว้ว่าตอนแรกตระกูลจิ้นทำร้ายคุณให้ตกนรกอย่างไร ”
“ฉันรู้” หลี่ซีเงยหน้ามองเขา “ฉันแทบจะทนรอเจอเจียงสื้อสื้อไม่ไหวแล้ว”