ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1435 เกาะส่วนตัว
ช่วงนี้เจียงสื้อสื้อนอนไม่หลับตลอด ตอนกลางคืนมักจะอดนอน ต้องลุกขึ้นมาดูลูกทั้งสองชั่วคราว
ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดอาการแบบนี้มาก่อนเลย
น่าจะหลังจากที่เถียนเถียนถูกจับตัวไป เธอก็ไม่เคยได้นอนหลับสนิทเลย
เหนื่อยเหลือเกิน
เจียงสื้อสื้อปิดดวงตาที่อ่อนล้า อยากจะงีบสักครู่ แต่สมองสับสนมาก ในใจก็กระวนกระวายมาก ทำอย่างไรก็สงบจิตใจลงไม่ได้เลย
แบบนี้จะนอนหลับได้อย่างไร
เห็นสีหน้าเธอแย่ลงทุกวัน จิ้นเฟิงเฉินก็สงสารมาก รู้ดีว่าเธอเป็นอะไร แต่ไม่เขาและคนอื่นจะปลอบเธออย่างไร ก็ไร้ประโยชน์
เธอก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่อย่างนั้น
วันนี้ พอเจียงสื้อสื้อกลับมาถึงบ้านก็ตรงไปที่ห้องเลย
แม่จิ้นรีบตามขึ้นไป
“สื้อสื้อ เรียกคุณหมอประจำตระกูลมาตรวจดูสักหน่อยดีมั้ย” แม่จิ้นถาม
เจียงสื้อสื้อหมุนตัวมา เผยให้เห็นรอยยิ้มอับจนหนทาง “แม่คะ หนูก็แค่นอนไม่หลับ คุณหมอมาก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ”
“นี่เธอเป็นห่วงลูกทั้งสองคนมองเกินไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ร่างกายของเธอจะรับไม่ไหวเอานะ” แม่จิ้นมองเธออย่างสงสาร
“แม่คะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง หนูจะปรับตัวให้ดี”
ถ้าเธอปรับตัวได้จริง ก็คงปรับตัวไปได้นานแล้ว ไม่ต้องมีสภาพจิตใจย่ำแย่อย่างในช่วงหลายวันนี้
“ไม่ได้ ฉันว่ายังไงก็ต้องให้หมอมาตรวจดูสักครั้ง” ไม่รอให้เจียงสื้อสื้อมีปฏิกิริยาตอบโต้อะไร แม่จิ้นก็หมุนตัวเดินออกไปทันที
เจียงสื้อสื้อทั้งจนปัญญาทั้งรู้สึกผิด หลายวันมานี้เป็นเพราะเธอ ทำให้คนทั้งบ้านต้องเป็นกังวล คนนี้มาปลอบโยนเธอ คนนั้นก็คอยมาปลอบใจเธอ
ทุกคนต่างบอกเธอว่าอย่าคิดฟุ้งซ่าน ลูกทั้งสองคนจะไม่มีทางเป็นอะไร
ความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้อยากจะคิดฟุ้งซ่านอะไร แต่ก็ควบคุมไม่ได้
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง คุณหมอก็มา
ผ่านการตรวจจากคุณหมอแล้ว ร่างกายของเจียงสื้อสื้อไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็แค่มีความเครียดในใจมากเกินไป จนทำให้นอนไม่หลับ
“ทางที่ดีที่สุดควรจะในที่สงบเงียบ พักผ่อนสักสองสามวัน หลังจากผ่อนคลายแล้ว สภาพจิตใจก็จะค่อยๆดีขึ้น”
นี่คือคำแนะนำของคุณหมอ
หลังจากจิ้นเฟิงเฉินรู้ ก็ตัดสินใจว่าจะพาเจียงสื้อสื้อไปเที่ยวพักผ่อนทันที
“แล้วบริษัทจะทำยังไงคะ” เจียงสื้อสื้อไม่อยากให้ตนเองเป็นสาเหตุที่กระทบต่อการทำงานของเขา
“มีเฟิงเหราอยู่” จิ้นเฟิงเฉินกุมมือของเธอไว้ พูดอย่างอ่อนโยน “เมื่อเทียบกับบริษัทแล้ว คุณกับลูกสำคัญที่สุด”
ความซาบซึ้งตื้นตันเข้ามาเติมเต็มหัวใจในทันที
แต่สิ่งที่ตามมาก็คือความรู้สึกผิดที่เต็มเปี่ยม
“ขอโทษนะคะ เป็นเพราะฉันที่ไม่สามารถจัดการสภาพจิตใจตัวเองได้”
“นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ” จิ้นเฟิงเฉินเอาเธอมากอดไว้ในอ้อมอก พูดเบาๆข้างหูเธอว่า “อย่าคิดฟุ้งซ่าน มีผมอยู่ จะไม่เกิดเรื่องอะไร”
“อืม” เจียงสื้อสื้อหลับตา ฟังเสียงหัวใจเขาเต้นอย่างสม่ำเสมอ ความกระวนกระวายภายในใจค่อยๆจางหายไป
วันรุ่งขึ้น จิ้นเฟิงเฉินพาเจียงสื้อสื้อและลูกๆไปที่เกาะส่วนตัวแห่งหนึ่ง
เกาะนี้เป็นเกาะที่พ่อจิ้นแม่จิ้นซื้อไว้ในตอนแรก คิดจะมาใช้ชีวิตบั้นปลายบนเกาะนี้ ทั้งยังสร้างคฤหาสน์ไว้บนเกาะหนึ่งหลัง
เป็นครั้งแรกที่มาเกาะ เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนตื่นเต้นมาก ไปดูจนทั่ว บางครั้งก็ตั้งคำถามในบางเรื่อง
จิ้นเฟิงเฉินตอบแต่ละคำถามของพวกเขาด้วยความอดทน
“แด๊ดดี้ หนูชอบที่นี่ พวกเราอยู่นานอีกหน่อยได้มั้ยคะ” เถียนเถียนหันไปมองจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน “ได้แน่นอนจ้ะ อีกเดี๋ยวจัดข้าวของเสร็จเรียบร้อย แด๊ดดี้จะพาพวกหนูไปตกปลาที่ชายทะเล”
“ดีจังเลยครับ” เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนต่างพากันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
มองเห็นลูกทั้งสองคนดีใจขนาดนี้ อารมณ์ของเจียงสื้อสื้อก็ค่อยๆผ่อนคลายลงมา
คฤหาสน์ไม่ใหญ่นัก สูงสามชั้น ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกบานใหญ่ หันหน้าเข้าหาทะเลกว้างใหญ่ เพียงแค่เปิดผ้าม่าน ก็จะมองเห็นพื้นน้ำสีคราม
พอเด็กทั้งสองเขามาในบ้าน ก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจวิ่งไปทั่วบ้าน
จิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อยืนอยู่ด้านหน้าของกระจก มองพื้นผิวทะเลที่พุ่งขึ้นเป็นเกลียวคลื่นแต่ละชั้นไม่ไกล
“ชอบที่นี่มั้ย” จิ้นเฟิงเฉินถาม
เจียงสื้อสื้อหันข้างมามองเขา แววตาอ่อนโยนมาก “ชอบค่ะ”
“ชอบก็ดี” จิ้นเฟิงเฉินเดินมาที่ด้านหลังเธอ กอดเธอไว้จากด้านหลัง “รอคุณหายดีแล้ว พวกเราค่อยกลับไป”
“ได้เหรอคะ” เจียงสื้อสื้อยกมือขึ้นมากุมมือเขาที่โอบกอดตนเองไว้ เงยหน้าขึ้น สายตามองไปยังกรามที่ชัดเจนของเขา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ
จิ้นเฟิงเฉินหลุบตาลง
ดวงตาทั้งสี่ดวงประสานกัน
มือที่กอดเธอไว้รัดแน่น เขาค่อยๆก้มศีรษะลงช้าๆ ตามด้วยเสียงพูดว่า “ได้สิ” จูบลงบนริมฝีปากเธอ
“แด๊ดดี้ หม่ามี๊!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกดังขึ้น เจียงสื้อสื้อผลักจิ้นเฟิงเฉินออกด้วยความตกใจ หันไปดูด้วยความตื่นตระหนก
เห็นเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนวิ่งตามกันลงมาจากบันได
“พวกหนูช้าๆหน่อย ระวังล้มนะลูก!” เจียงสื้อสื้อเห็นพวกเขาวิ่งกันเร็วมาก ก็ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไปเลย
“หม่ามี๊หลังคาทำจากกระจกด้วยนะคะ!” เถียนเถียนจับมือเธอ พูดอย่างตื่นเต้น
“ทำจากกระจกเหรอ” เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว เธอหันไปมองจิ้นเฟิงเฉิน ใบหน้าเล็กๆที่งดงามเต็มไปด้วยความสงสัย
“ขึ้นไปดูสิ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้อธิบาย จูงมือเธอขึ้นไปชั้นบนทันที
ชั้นสามมีเพียงห้องเดียว
ห้องใหญ่มาก ที่สำคัญที่สุดก็คือพอแหงนหน้าก็มองเห็นท้องฟ้าสีฟ้า
“สวยจังเลย”
ดวงตาคู่ที่สวยงามคู่นั้นของเจียงสื้อสื้อเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“หม่ามี๊ รีบมาดูเร็ว หลังคาทำมาจากกระจกจริงๆ สวยมากเลย”
เถียนเถียนที่อยู่ข้างๆเธอเขย่ามือเธอไม่หยุด ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“นี่ไม่ร้อนเหรอคะ” หลังจากความแปลกประหลาดใจแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ถามความสงสัยในใจออกมา
หลังคาที่ทำจากกระจก สวยก็สวยอยู่ แต่ว่าดวงอาทิตย์สาดแสงลงมาแยงตาเหลือเกิน และก็น่าจะร้อนมาก
“ทำแผ่นกันความร้อนหมดแล้ว และยังทำให้มีหลังคาได้นะ” จิ้นเฟิงเฉินพูดพลางเดินไปที่ข้างโต๊ะพลาง หยิบรีโมทที่วางอยู่ข้างบนขึ้นมา พอกด
หลังคาสองด้านก็ค่อยๆพับเข้าหากันตรงกลาง
พอปิดผ้าม่าน ห้องที่สว่างในตอนแรกก็มืดลงไปมากทีเดียว
เถียนเถียนปากจู๋ พูดอย่างไม่พอใจ “แด๊ดดี้ หนูไม่ชอบมืดๆ”
จิ้นเฟิงเฉินกดรีโมท ฉวยจังหวะที่เด็กทั้งสองคนจับจ้องอยู่ที่หลังคา เขาก็ลากเจียงสื้อสื้อเดินออกจากห้อง
“ทำไมเหรอคะ” เจียงสื้อสื้อมองเขาอย่างแปลกใจ
“ต่อไง”
“อะไรคะ”
เจียงสื้อสื้อยังไม่เข้าใจที่เขาพูดว่า “ต่อไง” หมายความว่าอะไร ทันใดนั้นตรงหน้าก็มืดมิด เขาจูบที่ริมฝีปากเธอ
ที่แท้ที่เขาพูดว่าต่อไปก็คือเรื่องนี้
เจียงสื้อสื้อทำอะไรไม่ถูกทั้งยังรู้สึกน่าขำ แต่ก็ยังยกมือขึ้นมาโอบรอบคอของเขา ตอบสนองต่อการจูบของเขา
การจูบที่ยืดเยื้อเนิ่นนาน
เมื่อการจุมพิตสิ้นสุดลง จิ้นเฟิงเฉินยังอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากริมฝีปากเธอ นัยน์ตาหลุบลง สายตามองมาที่ริมฝีปากแดงสวยงามที่ถูกจูบของเธอ ดวงตาหม่นหมองลงเล็กน้อย
“ถ้าไม่ใช่ว่ามีลูกอยู่ด้วย ก็อยากจะกินคุณไปเลยจริงๆ”
เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าฟังแล้วช่างเซ็กซี่เย้ายวนเป็นพิเศษ ดังเข้าไปในหู ทำให้หัวใจเจียงสื้อสื้อวุ่นวาย
เธอทั้งอายทั้งโกรธ ผลักหน้าอกเขา แม้แต่ใบหูก็ยังแดงเรื่อ
“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ต้องเขินขนาดนี้หรอก”
จิ้นเฟิงเฉินกัดริมฝีปากเธอเบาๆ “ทุกวันที่อยู่ที่นี่ ผมจะอยู่กับคุณอย่างเต็มที่”
เขาจะใช้ช่วงเวลานี้ชดเชยช่วงที่เขาละเลยเธอกับลูกไปกลับมา