ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1437 พบกันครั้งแรก
“จะให้JRร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปไม่ได้เด็ดขาด!” ซ่างกวนเชียนหน้าบึ้ง
คริสมินขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดครู่หนึ่ง พูดว่า “พวกเราจะต้องหาวิธีไปพบกับหลี่ซีสักครั้ง พูดเรื่องความร่วมมือต่อหน้า เธออาจจะเห็นแกความจริงใจของพวกเรา เลือกที่จะร่วมงานกับพวกเรา”
“พบกันสักครั้งเหรอ” ซ่างกวนเชียนหัวเราะเยาะออกมา “นายคิดว่าฉันคิดวิธีนี้ไม่ได้เหรอ ฉันเคยโทรไปแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีอยากจะพบใครทั้งนั้นในตอนนี้”
“เป็นไปไม่ได้! ในเมื่อJRเลือกที่จะย้ายกลับเข้ามาในประเทศอีกครั้ง ก็ต้องเป็นฝ่ายขอให้ทุกบริษัทร่วมมือกับพวกเขาถึงจะถูก”
“อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ผมได้รับมาคือแบบนี้” ซ่างกวนเชียนเอนหลังพิงโซฟา ภายในใจที่ยังหงุดหงิดในตอนแรก ตอนนี้เขากลับสงบนิ่งลงแล้ว
“ยังไงก็ต้องได้พบกัน” มุมปากซ่างกวนเชียนยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นยะเยือก
หลี่ซีไม่อยากพบเจอใครทั้งนั้น ถ้าเช่นนั้นก็ให้เขาไปพบเธอด้วยตัวเอง
……
หลังจากเลิกงาน จิ้นเฟิงเหราทำตามความต้องการของพี่ชายตนเอง ขับรถมุ่งหน้าไปร้านอาหารที่หลี่ซีนัดไว้
เข้าไปในร้านอาหารแล้ว พนักงานก็พาเขามาที่ห้องรับรองห้องสุดท้ายตรงระเบียงทางเดินบนชั้นสอง
“คุณหลี่อยู่ด้านในครับ” พนักงานก้มศีรษะให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวลงไปชั้นล่าง
จิ้นเฟิงเหรายืนอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง แล้วจึงผลักประตูเปิดเข้าไป
หลี่ซีมารอที่ร้านอาหารก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง เธอรู้ดีว่าจิ้นเฟิงเฉินชอบคนที่รักษาเวลามาตลอด ดังนั้นความประทับใจครั้งแรกที่พบกันสำคัญมาก
ถ้าเขาเห็นความจริงใจของเธอ อย่างนั้นก็น่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่จะร่วมงานกับJR
แต่ว่า……
หลี่ซีกำมือแน่น บนใบหน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางอย่างสวยงามนั้นมีเมฆหมอกปกคลุมอยู่อีกชั้น
อารมณ์เธอสับสนมาก
ด้านหนึ่งก็ทนรอที่จะพบจิ้นเฟิงเฉินแทบไม่ไหว อีกด้านก็เกลียดจิ้นเฟิงเฉินมาก กลัวว่าพอเห็นเขาก็จะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ไอยู่
“เธอไม่ใช่ซ่างกวนหยวนแล้ว เธอคือหลี่ซี หัวใจของเธอตายไปแล้วตั้งแต่ก่อนที่จะถูกคุมขัง ตายอย่างสนิท!”
หลี่ซีพูดกับตัวเองเบาๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความแค้นอย่างรุนแรง
เวลานี้ เธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ก็หันหน้าไปทันที ใจเต้นขึ้นมา
แต่พอเห็นคนที่เข้ามาเป็นจิ้นเฟิงเหรา แสงสว่างในดวงตาเธอก็ดับมอดไปในทันที หัวใจก็ตกลงในหุบเหว
จิ้นเฟิงเหรามองเธอ คิ้วค่อยๆขมวด
ดูเหมือนว่าเธอจะผิดหวังมาก
เป็นเพราะคนที่มาเป็นเขา ไม่ใช่พี่ชายเขาหรือ
ว่ากันตามเหตุผล เธอและพี่ชายเขาต่างฝ่ายก็น่าจะไม่รู้จักกัน ดังนั้นมีอะไรน่าผิดหวัง
หรือว่าจะเป็นผู้หญิงที่แอบรักพี่ชายเขาอีกคน
คิดมาถึงตรงนี้ จิ้นเฟิงเหราก็ตั้งสติขึ้นมาได้
เพื่อความสุขของพี่ชายและพี่สะใภ้ของเขา เขาต้องหยุดความคิดของหลี่ซี
เขาก้าวขาเดินไป มีรอยยิ้มที่ห่างเหินเกรงใจบนใบหน้า แนะนำตัวเองตามมารยาทว่า “คุณหลี่ สวัสดีครับ ผมคือจิ้นเฟิงเหราแห่งจิ้นกรุ๊ป”
หลี่ซีลุกขึ้นยืน สีหน้าเรียบเฉย “สวัสดีค่ะ เชิญนั่งค่ะ”
หลังจากรอให้จิ้นเฟิงเหรานั่งลงแล้ว หลี่ซีรินน้ำชาให้เขาพลาง แกล้งถามอย่างไม่ตั้งใจพลางว่า “ประธานจิ้นไม่ได้มาด้วยตัวเองเหรอคะ”
“ขอบคุณครับ” จิ้นเฟิงเหรายกแก้วชาขึ้นมาดื่ม ยิ้มมุมปาก “ผมมา กับพี่ชายผมมา ก็เหมือนกันครับ”
“เหรอคะ” หลี่ซีหัวเราะเบาๆ “อย่างนั้นเรื่องความร่วมมือ คุณสามารถตัดสินใจได้เลยเหรอคะ”
จิ้นเฟิงเหราเงยหน้ามองเธอ รอยยิ้มที่มุมปากกว้างมากขึ้น “เรื่องความร่วมมือ ไม่ใช่การตัดสินใจของคนคนเดียวมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ ต้องใช้การประเมินร่วมกัน ถ้าทำได้ จึงสามารถนำมาประกอบการตัดสินใจว่าจะร่วมมือกัน”
หลี่ซีมองเขาครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดอีกครั้งว่า “แต่การที่ประธานจิ้นไม่ได้มา ก็แสดงถึงท่าทีของจิ้นกรุ๊ปแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินในตอนนี้ น่าจะอยู่กับเจียงสื้อสื้อและลูกๆที่บ้านแล้ว
เขาไม่มา เท่ากับว่าไม่ได้เห็นJRอยู่ในสายตาเลย!
คิดมาถึงตรงนี้ หลี่ซีกำถ้วยชาในมือแน่น จนเล็บขาวซีดเลย
จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าตนเองคิดไปเองหรือเปล่า ทำไมถึงรู้สึกว่ามีกลิ่นอายของความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงแผ่ออกมาจากตัวเธอ
เขาเห็นหน้าหลี่ซีหม่นหมองไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงเรียกอย่างระมัดระวังว่า “คุณหลี่”
ได้ยินเสียงเขา หลี่ซีก็รีบสลัดความคิดทั้งหมด ยิ้มให้เขา “หวังว่าต่อไปจะมีโอกาสได้พบกับประธานจิ้นนะคะ”
จิ้นเฟิงเหราเลิกคิ้ว “ต้องมีโอกาสแน่ครับ”
เขายกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม สายตามองไปยังหลี่ซีที่อยู่ตรงข้าม สีหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่
ความเงียบงันค่อยแผ่ขยายออกไประหว่างคนทั้งสอง
เนิ่นนาน จิ้นเฟิงเหราจึงเอ่ยขึ้นว่า “คุณหลี่ นี่คุณเพิ่งจะกลับประเทศมา ก็รีบมาเสนอตัวร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปแล้ว มันไม่รีบร้อนไปหน่อยหรือครับ ”
“คุณคิดว่านี่เป็นการรีบร้อนเกินไปเหรอคะ” หลี่ซีแสดงท่าทางที่ประหลาดใจมากออกมา
จิ้นเฟิงเหรายักไหล่เล็กน้อย “ไม่รีบร้อนเหรอครับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขอบข่ายทางด้านธุรกิจของจิ้นกรุ๊ป แตกต่างกับของJRอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันอย่างไรครับ”
หลี่ซีนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆอธิบายว่า “ก่อนที่กลับมา ฉันได้ให้คนไปตรวจสอบข้อมูลกิจการที่มีชื่อเสียงบางอย่างภายในประเทศแล้ว จิ้นกรุ๊ปเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการร่วมงานกัน”
“อย่างนั้นอยากจะร่วมงานด้านไหนครับ” จิ้นเฟิงเหราถาม
“อืม……” หลี่ซีขบคิดอย่างจริงจังครู่หนึ่ง “ช่วงนี้จิ้นกรุ๊ปไม่ได้ทำโครงการเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์เหรอคะ ฉันสนใจมาก คุณพ่อบุญธรรมฉันเองก็สนใจอย่างมากเช่นกัน นี่เป็นเรื่องที่พวกเราไม่เคยทำมาก่อน”
“ปัญญาประดิษฐ์เหรอครับ” จิ้นเฟิงเหราหัวเราะออกมา “บริษัทภายในประเทศที่ทำโครงการแบบนี้ก็ยังมีซ่างกวนกรุ๊ป คุณอาจจะไปชวนซ่างกวนกรุ๊ปมาร่วมงานได้”
พอเอ่ยถึงซ่างกวนกรุ๊ป สีหน้าหลี่ซีก็เปลี่ยนไปทันที แต่ไม่นานก็กลับเป็นปกติ พูดเบาๆว่า “ซ่างกวนกรุ๊ปไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของฉันชั่วคราวค่ะ”
“อ้อเหรอครับ” จิ้นเฟิงเหราเผยให้เห็นท่าทีว่าสนอกสนใจอย่างมากออกมา “พอจะบอกเหตุผลกับได้มั้ยครับ”
หลี่ซียิ้มอ่อนๆ “ชื่อเสียงของจิ้นกรุ๊ปโด่งดังไปไกล ใครจะไม่อยากร่วมงานด้วยบ้างล่ะคะ แน่นอนว่า นอกเหนือจากคนปัญญาอ่อนเท่านั้น”
“ฮ่าๆ……” จิ้นเฟิงเหราหัวเราะอย่างร่าเริง “ขอบคุณที่ชื่นชมจิ้นกรุ๊ปขนาดนี้ แต่เรื่องความร่วมมือกัน พวกเรายังต้องการพิจารณาทบทวนอีก”
“ไม่เป็นไร ฉันรอได้” หลี่ซียกถ้วยชาขึ้นมา “ขอใช้ชาแทนสุรา หวังว่าจะมีวันที่ได้ร่วมงานกันค่ะ”
ถ้วยชาทั้งสองชนกระแทกกัน
จิ้นเฟิงเหราเงยหน้าดื่มชาในถ้วยจนหมด สายตามองไปที่หลี่ซีราวกับกำลังค้นหา
ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นเธอในทีวี ก็ทำให้ตนเองรู้สึกไม่สบายใจบางอย่าง
เห็นตัวจริงตอนนี้ จึงเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกไม่สบาย
ผู้หญิงคนนี้บางครั้งก็มีกลิ่นอายของความเย็นยะเยือกบางอย่างออกมา ในคำพูดก็แฝงด้วยความหน้าซื่อใจคด ไม่จริงใจ
“ประธานจิ้นเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” หลี่ซีเห็นเขาไม่พูดไม่จา จึงถามด้วยความแปลกใจ
จิ้นเฟิงเหราดึงสติกลับมา ยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่มีอะไรครับ”
“ประธานจิ้น หลังจากกลับไปคุณช่วยพูดสนับสนุนฉันต่อหน้าท่านจิ้นด้วยนะนะ อย่างไรเสีย JRของพวกเราอยากจะร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปด้วยความจริงใจจริงๆ”
หลี่ซีพูดด้วยสีหน้าจริงใจ
ในใจจิ้นเฟิงเหราหัวเราะเยาะเย้ย แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนครับ ผมต้องพูดชื่นชมคุณต่อหน้าพี่ชายผมแน่นอน”
เขาจงใจเน้นย้ำคำว่า “ชื่นชม” สองคำนี้หนักมากเป็นพิเศษ
หลี่ซีขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
อาหารมื้อนี้ แม้ปากทั้งสองคนต่างก็พูดด้วยความเกรงใจกัน แต่ในใจของแต่ละคนมีความคิดที่แตกต่าง
หลังจากกินเสร็จ หลี่ซีและจิ้นเฟิงเหราเดินออกมาจากร้านอาหารพร้อมกัน พูดอย่างเกรงใจตามมารยาทอีกสองสามประโยค แล้วจึงต่างฝ่ายต่างร่ำลากันก่อนจากกัน