ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 145 สืบเรื่องเจียงสื้อสื้อ
บทที่ 145 สืบเรื่องเจียงสื้อสื้อ
จิ้นเฟิงเฉินเลือกเสื้อผ้าต่อ เขารู้ว่าเจียงสื้อสื้อจะต้องปฎิเสธ ดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า “แลกกันไง คุณซื้อของขวัญให้เสี่ยวเป่า ผมก็ซื้อให้คุณ ไม่ได้มีอะไรเลย”
“ฉันให้ของขวัญเสี่ยวเป่า ไม่ได้ต้องการให้คุณให้ของขวัญฉันกลับ”เจียงสื้อสื้อพูด
เธอก็แค่เห็นว่าเสื้อผ้าพวกนั้นน่ารักดี อยากจะซื้อให้ลูก แต่ใครจะคิดว่าจิ้นเฟิงเฉิงจะให้เธอจ่ายตัง แล้วมาซื้อของให้เธออย่างนี้
“ผมรู้ ผมก็แค่หาข้ออ้างซื้อของให้คุณ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็พูดด้วยเสียงเล็กๆว่า “ฉันไม่ต้องการจริงๆ………..”
นอกจากนี้ เสื้อผ้าพวกนี้ก็แพงมากด้วย แต่ละชุดน่าจะพันหยวนขึ้น แพงกว่าที่เธอซื้อให้เสี่ยวเป่าตั้งหลายเท่า
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้สนใจการปฏิเสธของเจียงสื้อสื้อ และเลือกเสื้อผ้าต่อ แต่เขาก็รู้ความเหมาะสม จึงไม่ได้ซื้อเยอะ เพราะกลัวว่าจะเป็นภาระเจียงสื้อสื้อ
หลังจากเลือกชุดที่เหมาะสมกับเธอแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็จ่ายเงิน เหล่าพนักงานก็มองเจียงสื้อสื้ออย่างอิจฉา เมื่อได้เห็นแววตาของจิ้นเฟิงเฉินก็ยิ่งรู้สึกบ้าคลั่ง และทั้งสองคนก็ออกจากร้านไป
เจียงสื้อสื้อเห็นในมือเขาถือถุงเล็กถุงใหญ่มากมาย จึงยิ้มเจื่อนๆ “คุณเป็นแบบนี้ดูเหมือนฉันเอาเปรียบคุณเลย” จิ้นเฟิงเฉินจึงยิ้ม และโน้มตัวหาเจียงสื้อสื้อแล้วพูดว่า “คุณเอาเปรียบผมแบบนี้ แบบนี้คุณก็ใช้หนี้ผมสิ ต่อไปจะหลบซ่อนก็ซ่อนไม่ได้แล้วนะ”
ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ หัวใจเจียงสื้อสื้อเต้นแรงอยู่ครู่หนึ่ง เธอตื่นตระหนกไปทั้งตัว และเธอก็รีบพูดว่า “เรา…………เรากลับกันเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินมองดูสีหน้าเขา ในใจแค่รู้สึกว่าทำไมผู้หญิงคนนี้น่ารักอย่างนี้ มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย และเดนออกไปด้วยกันกับเจียงสื้อสื้อ
ในมุมๆหนึ่ง มีสายตาอาฆาตแค้นคู่หนึ่งจ้องมองทั้งสองคนจากด้านหลัง ซึ่งก็คือซูชิงหยิงและเพื่อนสาวของเธอ
จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธที่จะมาทานข้าวกันเธอ ใจซูชิงหยิงก็รู้สึกไม่ดีแล้ว หลังจากเลิกงานเธอจึงนัดเพื่อนสาวมาทานข้าว หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ออกมาช๊อปปิ้ง
แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอกับเจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉิน
ซูชิงหยิงกำถุงช๊อปปิ้งเอาไว้แน่น เธอเพิ่งจะเข้าใจ ที่จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธการมากินข้าวกับเธอ ที่แท้ก็มีนัดกับเจียงสื้อสื้อแล้ว เป็นเพราะผู้หญิงสารเลวคนนี้อีกแล้วที่ทำลายสิ่งดีๆของเธอ
ถ้าไม่เป็นเพราะเธอ จิ้นเฟิงเฉินก็ต้องตอบตกลงมาทานข้าวกับเธอแน่
ตอนนี้ เพื่อนสาวที่อยู่ข้างๆจึงเอ่ยปากถาม “ชิงหยิง ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆคุณจิ้นเป็นใครเหรอ คุณจิ้นถึงได้มาเดินช๊อปปิ้งเป็นเพื่อนเธอ ไม่ใช่ว่าพวกเธอกำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น สีหน้าซูชิงหยิงก็ค่อยๆแสดงความตะขิดตะขวง ปกติเวลาพวกเธออยู่ด้วยกัน ทุกคนต่างซุบซิบกันไม่น้อยว่าเธอและจิ้นเฟิงเฉินกำลังจะแต่งงานกัน
เพื่อนสาวเธอก็ไม่รู้ว่าตั้งใจหรืออะไร เธอพูดต่อไปว่า “คุณจิ้นดูเหมือนรักผู้หญิงคนนั้นมากเลยนะ เมื่อกี้คุณจิ้นยังยิ้มให้เขาอยู่เลย ดูอบอุ่นมาก ยังช่วยเธอถือของอีก ตอนข้ามถนนก็ดูแลเธอ น่าอิจฉามาก ทำไมไม่เคยเห็นคุณจิ้นมาเดินช๊อปปิ้งกับเธอมากเลย”
แม้ปกติเพื่อนๆจะดีต่อซูชิงหยิงมาก แต่ก็มีใครแอบอิจฉาหรือเกลียดเธอ ทุกคนก็แค่แสดงออกว่าเป็นมิตรกับเธอ วันนี้จะปล่อยโอกาสที่จะเหน็บแนมซูชิงหยิงให้เธอเจ็บปวดไปได้ยังไง
ในใจซูชิงหยิงก็โกรธมาก แต่ก็ยังยิ้มและอธิบาย “นั่นเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของเขา”
“จริงเหรอ งั้นทำไมเมื่อกี้เธอไม่ไปทักทายเขาล่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซูชิงหยิงก็มีสีหน้าครึมไปชั่วขณะ เพื่อนสาวเธอยิ้ม และพูดเหมือนยอมรับ จับมือกับซูชิงหยิงและพูดว่า “ฉันรู้แล้ว เธอไม่อยากทิ้งฉันใช่ไหม ชิงหยิงเธอช่างดีจริงๆ ไปกันเถอะพวกเราไปช๊อปปิ้งกันต่อ”
ตอนนี้ซูชิงหยิงหมดอารมณ์จะเดินช๊อปปิ้ง เธอไม่คิดเลยว่า จิ้นเฟิงเฉินจะมาเดินห้างเป็นเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ยังซื้อของให้เธออีกตั้งเยอะแยะ โตมาขนาดนี้ ซูชิงหยิงเพิ่งจะเคยเห็นเขาดีต่อผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้
เจียงสื้อสื้อก็เป็นปีศาจจิ้งจอก ทำไมจิ้นเฟิงเฉินถึงดีกับเธอมากขนาดนี้
ไม่ใช่สิ หรือเมื่อวานแม่จิ้นกลับไปแล้วไม่ได้ไปหาจิ้นเฟิงเฉินเหรอแน่ๆ ทำไมวันนี้เขายังมาเดินกับเจียงสื้อสื้อ
แววตาซูชิงหยิงเงียบครึม ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เกิดอะไรขึ้นทางฝั่งแม่จิ้น หรือเธอเองต้องจ้องมองเจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินอย่างนี้ต่อไป
ไม่ได้ แบบนี้จิ้นเฟิงเฉินคงต้องถูกผู้หญิงแพศยาคนนั้นแย่งไปเร็วๆนี้แน่ ดูเหมือนว่าตัวเองต้องคิดหาวิธีหน่อยแล้ว
ซูชิงหหยิงก็เข้าใจดีว่าถ้าผู้หญิงอย่างเจียงสื้อสื้อยังไม่หายไป ตัวเองก็อย่าคิดจะได้อยู่กับจิ้นเฟิงเฉินเลย
เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเดินห้างต่อ จึงคิดหาเหตุผลเพื่อบอกกับเพื่อสาวของเธอ และกลับไปที่บ้าน
……….
คฤหาสน์ตระกูลซู หลังจากแม่ซูได้ยินว่าแม่จิ้นหมดหนทางแล้ว ตาของเธอก็กระพริบเล็กน้อย แม้แต่แม่แท้ๆของจิ้นเฟิงเฉินก็ไม่มีวิธีจัดการ แล้วพวกเขาจะทำอะไรได้อีก
หรือว่าจะให้ยืนมองลูกเขยที่ดีๆคนหนึ่งถูกคนอื่นแย่งไปเหรอ
ในตอนนี้ ได้ยินแค่คำพูดจากพ่อซูที่อยู่ข้างๆ “ไม่งั้นก็ต้องจัดการจากครอบครัวของเจียงสื้อสื้อ ครอบครัวนั้นเกลียดลูกคนนี้จะตาย ถ้าเพิ่มกำลังอีกนิด ไม่งั้นก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายความสัมพันธ์ของจิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อ”
“ใช่ๆ ยังไงแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เป็นลูกสาวตระกูลเจียง พวกเขาต้องรู้จุดอ่อนของเจียงสื้อสื้อแน่นอน ก่อนหน้านี้ในงานวันเกิดของเสี่ยวเป่าก็ได้ยินคนจากตระกูลหลานคุยกันอยู่ว่าทำไม
เมื่อได้ยินอย่านั้น ซูชิงหยิงเงยหน้าขึ้นทันที ใช่ ให้คนจากตระกูลเจียงหรือตระกูลหลานเป็นคนลงมือ
“ฉันรู้แล้ว พ่อคะ แม่คะ พวกคุณวางใจได้เลย ไม่ว่าจะยังไง ฉันจะไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นแย่งเฟิงเฉินไปแน่นอน”
มีแสงริบหรี่ในดวงตาของซูชิงหยิง คนของคฤหาสน์ตระกูลซูก็เชื่อใจเธอมาก ยังไงเธอก็เป็นลูกสาวที่ดีขนาดนี้ เจียงสื้อสื้อก็เป็นแค่เด็กโง่คนหนึ่งที่ไม่สามารถมาเทียบชั้นได้ จะมาแข่งกับลูกสาวเขาได้ยังไง
ตอนนี้ ซูชิงหยิงก็สั่งให้ผู้ช่วยของเธอไปสืบเรื่องของเจียงสื้อสื้อและคนตระกูลเจียง เมื่อก่อนเธอก็เคยตรวจสอบมาแล้วแค่ผิวเผผิน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าเจียงสื้อสื้อและพวกเขามีปัญหาอะไรกัน เมื่อผู้ช่วยได้รับคำสั่งจึงรีบไปทันที
บ่ายวันต่อมาเมื่อพูดถึงครอบครัวของเจียงสื้อสื้อ และภูมิหลังของเจียงสื้อสื้อก็ขาวสะอาด ยกเว้นปีที่เธอหายไป.
“คุณหนู มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าทำไมคุณเจียงจึงไปที่นั่นในปีนั้น เรื่องนี้ลึกลับมาก จะใช้เวลาตรวจสอบอีกสักครู่”
เมื่อได้ยิน ซูชิงหยิงเหล่มองเล็กน้อย
ทำไมเจียงสื้อสื้อถึงหายตัวไปหนึ่งปี ในปีนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซูชิงหยิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก “ดำเนินการตรวจสอบต่อไป หาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจียงสื้อสื้อในปีนั้นให้ได้โดยเร็วที่สุด”
“ค่ะ คุณซู”
ผู้ช่วยก็แยกออกไป ซูชิงหยิงนั่งใช้ความคิดอยู่ที่โต๊ะทำงาน เธอรู้สึกไม่แน่ใจ เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจียงสื้อสื้อในปีนั้นต้องไม่ง่ายแน่ อาจมีบางสิ่งที่น่าอับอายเกิดขึ้น ดังนั้นมันจึงลึกลับมาก
เธอต้องรู้ให้แน่ชัดให้ได