ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1465 พูดแล้วต้องทำให้ได้
“ขอโทษด้วยนะ”
เห็นจิ้นเฟิงเฉินขอโทษจริงๆ เจียงสื้อสื้อก็รีบอธิบายว่า: “ฉันแค่ล้อเล่นเอง”
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ “ฉันรู้”
“แล้วทำไมนายต้องขอโทษด้วย?” เจียงสื้อสื้อไม่เข้าใจ
“เธอรอฉัน ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่ได้กินข้าวเย็นอีก”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า พูดอย่างตั้งใจว่า: “ไม่เป็นไร ฉันแค่รอนายเอง เทียบกับความเหนื่อยของนายไม่ได้หรอก”
“ต่อไปฉันจะพยายามกลับมาให้เช้าที่สุดนะ” จิ้นเฟิงเฉินสัญญากับเธอ
“นายพูดเองนะ” เจียงสื้อสื้อหรี่ตาแล้วอมยิ้มพูดว่า “พูดแล้วต้องทำให้ได้ด้วย เข้าใจไหม?”
“อืม”
ไม่นาน คนขับรถก็ส่งอาหารเย็นร้อนๆมาให้
เจียงสื้อสื้อเปิดกล่องอาหารออก กลิ่นหอมนั้นอบครวญเต็มทั้งห้องทันที ทำให้เธอยิ่งหิวมากขึ้นไปอีก
จิ้นเฟิงเฉินเห็นเธอเหมือนแมวที่หิวมาก ก็รีบเอาตะเกียบยื่นให้เธอ แล้วหัวเราะพูดว่า: “รีบกินเถอะ”
“อืม นายก็กินด้วยสิ” เจียงสื้อสื้อรับตะเกียบมา แล้วยิ้มให้เขา
“อืม”
จิ้นเฟิงเฉินมองดูเธอด้วยแววตาที่หวานแหววจนมดจะขึ้นเต็มห้องแล้ว
พอกินข้าวเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เตรียมทำงานต่อ
เห็นแววตาที่เหนื่อยล้าของเขา เจียงสื้อสื้อก็เป็นห่วงมาก จึงพูดว่า: “เฟิงเฉิน เลิกงานแล้วกลับบ้านก่อนไหม เดี๋ยวค่อยทำต่อพรุ่งนี้”
“ไม่เป็นไร เธอกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ” จิ้นเฟิงเฉินยิ้มให้กับเธอ ต่อมาก็จ้องไปที่หน้าจอคอมอีกครั้ง
เจียงสื้อสื้อรู้จักนิสัยของเฟิงเฉินดี ถ้าทำงานไม่เสร็จ เกรงว่าเขาจะไม่ยอมพักผ่อนง่ายๆ
เธอจึงต้องยอมแล้วเดินไปช่วยเขา “งั้นฉันช่วยนายนะ”
เธอยกโน้ตบุ๊กของตัวเองมา วางไว้ตรงข้ามกับจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินเห็นแล้วก็อมยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
เขารู้ว่าตัวเองพูดว่าไม่ให้เธอช่วย ยังไงเธอก็จะช่วยอยู่ดี
ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ตามใจเธอเถอะ
ภายในห้องทำงานเงียบมาก เหลือเพียงแต่เสียงกดแป้นพิมพ์กับลมหายใจ
……
ตระกูลจิ้น
แม่จิ้นส่ายหัวถอนหายใจไม่หยุด “ตั้งแต่บริษัทเกิดเรื่อง เฟิงเฉินกับเฟิงเหราแทบจะไม่ได้กลับบ้านเลย สื้อสื้อก็เอาแต่ไปช่วยงานบริษัท ดูตอนนี้สิ ขนาดตอนบ่ายหวั่นหวั่นยังไปหาเฟิงเหราที่บริษัท จนถึงตอนนี้ยังไม่กลับบ้านเลย”
แม่จิ้นกังวลและเป็นห่วงมาก เธออยากโทรศัพท์หาลูกชายลูกสะใภ้ตัวเอง ให้พวกเขากลับมาพักผ่อน
แต่ไม่คิดว่า ถูกพ่อจิ้นห้ามไว้ก่อน “พวกเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าร่างกายไม่ไหวแล้ว พวกเขาจะกลับมาบ้านเอง”
“รอไม่ไหวแล้วกลับบ้านได้ยังไงกัน?” แม่จิ้นถอนหายใจหนักๆ “เรื่องในบริษัทเมื่อไหร่จะจบกันนะ?”
“อีกไม่นานหรอก” พ่อจิ้นพูด
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ” แม่จิ้นถอนหายใจ “ฉันขึ้นไปดูพวกเด็กๆก่อนนะ”
เสี่ยวเป่ารู้ว่าพ่อแม่งานยุ่ง ช่วงนี้ก็เป็นเขาที่ดูแลเถียนเถียน และเถียนเถียนยังติดพี่ชายมากด้วย ทั้งสองเล่นกันจนทั้งคืน แล้วก็งีบหลับด้วยกันที่บนเตียงของเสี่ยวเป่า
แม่จิ้นขึ้นไปก็เห็นเด็กสองคนนอนด้วยกัน แล้วยังหลับอย่างสบายด้วย
เด็กสองคนไม่ดื้อเลยเป็นเด็กดีจริงๆ แม่จิ้นก็ไม่รู้ว่าควรดีใจไหม
พวกเขาเป็นวัยที่ต้องมีพ่อแม่อยู่ข้างๆด้วย
แต่ช่วงนี้ เด็กสองคนเหมือนรู้อะไร พวกเขาเป็นเด็กดี เชื่อฟังผู้ใหญ่ ไม่ดื้อไม่สน น่าประทับใจจริงๆ
เธอช่วยพวกเขาห่มผ้าให้ดี แล้วกลับหลังหันเดินออกไป จากนั้นก็ปิดประตูลงเบาๆ
……
จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อทำงานกันจนถึงเที่ยงคืน
เจียงสื้อสื้อยกมือขึ้นนวดคอที่ปวดเมื่อยของตัวเอง และหันหน้าไปมองจิ้นเฟิงเฉินที่กำลังยุ่งอยู่ แล้วก็ขมวดคิ้วเป็นปม
สีหน้าเขาเหมือนจะแย่ลงนะ?
เจียงสื้อสื้อปิดโน้ตบุ๊กลง แล้วถามว่า: “เฟิงเฉิน ยังไม่เสร็จเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้าขึ้น “ยังไม่เสร็จเลย ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วด้วย เธอเข้าไปนอนพักในห้องพักผ่อนก่อนเถอะ”
เขาคิดว่าเธอคงเหนื่อยแล้ว อยากจะพักผ่อน
“อีกนานแค่ไหน?” เจียงสื้อสื้อถาม
จิ้นเฟิงเฉินกระตุกยิ้มอ่อนๆ “ทำไมเหรอ?”
“สีหน้านายดูไม่ดีเลย ถ้างานที่เหลือไม่รีบล่ะก็ ปล่อยไว้ก่อนค่อยทำพรุ่งนี้เถอะ” เจียงสื้อสื้อพูดอย่างเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นไร” จิ้นเฟิงเฉินยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้ว ต่อมาก็กดโทรศัพท์ “กู้เนี่ยน ชงกาแฟมาให้หน่อย”
“ยังจะดื่มกาแฟอีกเหรอ? นายอยากจะทำงานทั้งคืนเลยหรือไง?”
เจียงสื้อสื้อทั้งเป็นห่วงทั้งโมโหเขา “นายไม่รักสุขภาพตัวเองเลยเหรอ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ” จิ้นเฟิงเฉินอยากจะหัวเราะ “ฉันแค่อยากกระตุ้นให้สมองแล่นน่ะ จะได้ทำงานให้เสร็จเร็วๆ”
เจียงสื้อสื้อถอนหายใจ “ดื่มกาแฟติดต่อกันหลายวันมันไม่ดีนะ ฉันนวดให้นายเถอะ จะได้ผ่อนคลาย”
ว่าแล้ว เธอก็เดินอ้อมโต๊ะแล้วเดินไปด้านหลังเขา ใช้สองมือกดไปที่ขมับของเขา แล้วนวดเบาๆ
เธอนวดไปแล้ว แล้วพูดโน้มน้าวไปด้วยว่า: “ฉันรู้ว่านายอยากจะทำงานให้เสร็จไวๆ แต่ถ้าคนเหนื่อยแล้วก็ต้องพักผ่อน ไม่งั้นร่างกายจะรับไม่ไหวแล้วป่วยเอาได้ ถ้านายป่วยขึ้นมา บริษัทจะทำยังไงล่ะ?”
“สื้อสื้อ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ”
เจียงสื้อสื้อเหนื่อยใจ แล้วพูดว่า: “ฉันนวดให้นายห้านาที แค่ห้านาที นายหลับตาก่อน ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ปล่อยสมองให้โล่ง”
จิ้นเฟิงเฉินรู้ว่านี่เป็นคำขอที่เล็กน้อยของเธอ ดังนั้นเลยพิงไปที่พนักเก้าอี้ หลับตาที่เริ่มมีความเมื่อยล้าลง
รับรู้ได้ถึงแรงนวดของเธอได้อย่างชัดเจน ความเครียดในสมองของเขาก็คลายลงเรื่อยๆ
ไม่นาน ความรู้สึกง่วงก็จู่โจมเข้ามา
เขานอนหลับแล้ว
เห็นเขาหายใจเข้าออกยาวๆ หลังจากที่เจียงสื้อสื้อแน่ใจว่าเขาหลับแล้ว ก็อดไม่ได้โล่งอก เธอลดมือตัวเองลงอย่างระมัดระวัง
หลายวันมานี้ แทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย เขาเหนื่อยมากแล้วจริงๆ ที่ยังทำงานได้จนถึงตอนนี้ก็เพราะสติที่แข็งแกร่งของตัวเขาเอง
ไม่ว่าเขาจะนอนนานเท่าไหร่ แม้จะเป็นครึ่งชั่วโมงก็ยังดี
เจียงสื้อสื้อลุกขึ้น แล้วบังเอิญเจอจิ้นเฟิงเหราที่หน้าลิฟต์พอดี
“พี่ชายผมล่ะ?” จิ้นเฟิงเหราถามอย่างสงสัย
“เพิ่งหลับไปน่ะ” เจียงสื้อสื้อถามกลับว่า: “ทำไมเหรอ?”
“ไม่หรอก ผมแค่มาดูว่าพวกพี่กลับบ้านแล้วหรือยัง?” จิ้นเฟิงเหราก็มีสีหน้าที่เหนื่อยมากเหมือนกัน ดวงตาของเขาแดงก่ำ ดูท่าแล้วคงจะเหนื่อยมาก
เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกเป็นห่วง “ลำบากหน่อยนะ”
จิ้นเฟิงเหราหัวเราะ “ไม่เหนื่อยหรอก ขอแค่ผ่านช่วงนี้ไปได้ก็ดีแล้วล่ะครับ”