ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1469 ช่วยฉันสืบหาใครบางคนหน่อย
พอได้รู้ว่าเงินกู้ยังทำไม่ได้ จิ้นเฟิงเหราก็ไม่ลางานอีก แล้วรีบเข้ามาถามสถานการณ์ในบริษัท
“พี่ หลินเซียวสงกับคริสมินร่วมงานกันจริงเหรอ?”
“ใช่” จิ้นเฟิงเฉินดึงเนกไทออกเบาๆ
จิ้นเฟิงเหราหัวเราะ แววตากลับดุร้ายขึ้นมา “ร่วมงานกันตั้งหลายปี สุดท้ายกลับเลือกคนอื่น หลินเซียวสงนายนี่มันน่าสนใจจริงๆ!”
เขาเน้นคำว่า “น่าสนใจ” หนักๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจหลินเซียวสงแค่ไหน!
เห็นพี่ชายตัวเองยังทำงานได้อย่างใจเย็น จิ้นเฟิงเหราก็สูดหายใจแล้วพ่นออกมาช้าๆ ทำใจให้สงบแล้วค่อยถามว่า: “พี่รู้ใช่ไหมว่ามันจะเป็นแบบนี้?”
จิ้นเฟิงเฉินแสยะยิ้ม “วันนั้นฉันไปสนามกอล์ฟ คริสมินก็อยู่ด้วย ตอนนั้นฉันก็รู้แล้วว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้”
“แล้วจะปล่อยไปแบบนี้เหรอ?” จิ้นเฟิงเหราไม่พอใจ
หลินเซียวสงทั้งที่รู้ว่าเวลานี้จิ้นกรุ๊ปต้องการเงินทุน กลับเลือกที่จะไปร่วมงานกับคริสมิน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ไว้หน้าจิ้นกรุ๊ปกับพี่ชายเขา!
เห็นแก่ได้จนน่าโมโห!
“งั้นนายคิดว่าควรทำยังไง?” จื้นเฟิงเฉินไม่ตอบแต่ถามเขากลับ
“ผมจะไปถามหลินเซียวสงให้ชัดเจน”
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะเสียงเบา “ถ้าพวกเราทำแบบนี้ แค่ไปหาเรื่องให้ตัวเองอายเท่านั้น ที่เขาเลือกที่จะร่วมงานกับคริสมิน เหตุผลมันชัดเจนมาก คริสมินให้กำไลที่สูงกว่ากับเขา หลินเซียวสงเจ้าหมอนั่น เป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ ที่ทำแบบนี้ก็สมเหตุสมผลดี”
“แต่ว่า……” จิ้นเฟิงเหรายอมปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้จริงๆ
“ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือติดต่อธนาคารอื่น” จิ้นเฟิงเฉินพูดแทรกเขา “โครงการมากมายในบริษัทต้องการเงินทุน จะต้องไปกู้จากธนาคารอื่นให้ได้”
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ”
เขาหันหลังเดินออกไป ในตอนนี้เอง ด้านหลังก็มีเสียงของจิ้นเฟิงเฉินดังขึ้นอีกครั้ง “สั่งคนให้จับตาดูโครงการของคริสมินเอาไว้”
จิ้นเฟิงเหราได้ยินแล้วก็หันหน้ากลับไปมอง
ก็ได้ยินจิ้นเฟิงเฉินพูดต่อว่า: “โครงการครั้งนี้ของคริสมินใหญ่มาก จะต้องใช้เงินทุนมหาศาล หลินเซียวสงให้เขายืมเงินเยอะขนาดนั้น อาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้”
จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้ว “พี่หมายความว่า…….”
“เรื่องราวดำเนินการไปแล้ว แต่จะราบรื่นไหม นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง” จิ้นเฟิงเฉินแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
จิ้นเฟิงเหราก็เข้าใจได้ทันที จากนั้นก็แสยะยิ้มตาม “ผมเข้าใจแล้วล่ะ”
พูดจบ เขาก็เดินออกไปทันที
ตอนที่ปิดประตูลงนั้น รอยยิ้มของจิ้นเฟิงเฉินหายไปช้าๆ สีหน้าเย็นชาลง ดวงตามืดมนคู่นั้นเหมือนกับบ่อน้ำ ที่ลึกจนไม่เห็นพื้น
ตั้งแต่คริสมินกลับประเทศ ก็ตั้งใจหาเรื่องจิ้นกรุ๊ปอยู่ตลอด
ตอนแรกเขาคิดว่าเพราะไปขัดผลประโยชน์กัน ตอนนี้ดูแล้ว เรื่องนี้คงไม่ธรรมดาแล้วล่ะ
เขาครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรไปสายหนึ่ง
ไม่นาน ทางนั้นก็ได้รับสาย: “คุณชายครับ”
เสียงของเห้อซูหานดังขึ้นจากทางปลายสาย
จิ้นเฟิงเฉินหรี่ตาลงแล้วพูดเสียงทุ้มต่ำว่า: “ไปสืบคนให้ฉันหน่อย”
“ใครครับ”
“คริสมิน สืบเรื่องครอบครัวของเขา และสถานการณ์นอกประเทศของเขาด้วย”
“คุณชายครับ ทำไมถึงอยากสืบเขากะทันหันล่ะครับ?” เห้อซูหานอดไม่ได้ถามเขา
จิ้นเฟิงเฉินพูดเสียงเรียบว่า: “สืบหาจุดอ่อนของศัตรู เหมือนว่าไม่ต้องมีเหตุผลนะ”
“รับทราบครับ ผมจะรีบไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้”
หลังจากที่วางสายไปแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะทำงาน ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ที่ยาวถึงพื้น
ด้านนอกท้องฟ้าแจ่มใส ลมพัดอ่อนๆ
เขาหรี่ตาลง อากาศดีแบบนี้เหมาะกับการพาครอบครัวออกไปเที่ยวจริงๆ
อีกไม่นาน
อีกไม่นาน เขาก็จะได้พาสื้อสื้อกับลูกๆออกไปเที่ยวเล่นแล้ว
“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”
ด้านหลังมีเสียงของเจียงสื้อสื้อดังขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกวุ่นวายใจ เขาลุกขึ้นมองเธอ รู้สึกเรื่องวุ่นวายที่รบกวนจิตใจได้หายวับไปทันที “กำลังคิดว่าเมื่อไหร่จะได้พาเธอกับลูกๆออกไปเที่ยวเล่น”
“อีกไม่นานหรอก”
เจียงสื้อสื้อเดินเข้าไปกอดเอวเขาไว้ นานมากถึงเงยหน้าขึ้นมามองเขา แล้วถามว่า: “ได้ยินกู้เนี่ยนบอกว่า ทางธนาคารร่วมงานกับคริสมินแล้วเหรอ?”
เขาพยักหน้าเบาๆ “ใช่”
“งั้นเงินทุนที่หมุนเวียนในบริษัทเกิดปัญหาเหรอ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างเป็นห่วง
“ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร” จิ้นเฟิงเฉินพูด “แม้เงินทุนจะยังไม่ได้รับการอนุมัติ แต่ตอนนี้เงินทุนในบริษัทก็ยังสามารถทำให้เราผ่านพ้นวิกฤติช่วงนี้ไปได้”
เจียงสื้อสื้อยกมือขึ้นลูบคิ้วที่ขมวดเป็นปมของเขาให้คลายออก แล้วพูดว่า: “เฟิงเฉิน นายอย่าหักโหมเกินไปสิ ด้วยความสามารถของจิ้นกรุ๊ป จะต้องมีธนาคารที่รอร่วมงานกับพวกเราแน่”
จิ้นเฟิงเฉินขยี้ผมเธอเบาๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว”
ตอนนี้เอง โทรศัพท์ที่จิ้นเฟิงเฉินวางไว้บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น
เจียงสื้อสื้อเดินไปหยิบมันขึ้นมา ชื่อบนหน้าจอที่ปรากฏทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้น คือฟางยู่เชิน
ต่อมา ก็ยื่นโทรศัพท์ให้จิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินรับสายแล้วพูดว่า “ยู่เชิน”
“น้องเขย ช่วงนี้ฉันมาทำงานที่ต่างประเทศ เพิ่งกลับมาก็ได้ยินเรื่องจิ้นกรุ๊ป ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปช่วย”
“ไม่เป็นไร ทุกอย่างจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นก็ดี แต่ว่า ฉันได้ยินผู้ช่วยบอกว่าเงินทุนจากธนาคารยังไม่มาสักที ใช่ไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินตอบเสียงเดียวว่า “อืม”
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ทางปลายสายมีเสียงพูดของฟางยู่เชินดังขึ้น
“เรื่องมันยาวน่ะ”
ฟางยู่เชินหัวเราะเสียงเบาพูดว่า “งั้นต่อไปเจอกันแล้วค่อยคุยกันต่อนะ มีอะไรให้ฉันช่วยก็โทรมาหาฉันได้ตลอด”
……
พอเงินทุนจากธนาคารมาถึง คริสมินก็รีบเอาไปลงทุนในโครงการทันที
เรื่องนี้ ซ่างกวนเชียนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
“นายลงทุนเงินทั้งหมดแบบนี้ จะเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า?” ซ่างกวนเชียนรู้สึกกังวล
คริสมินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำธุรกิจใหญ่ จะใจอ่อนไม่ได้”
“นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องใจอ่อนหรือไม่ใจอ่อน แต่เป็นนาย…….” ซ่างกวนเชียนถอนหายใจอย่างหนัก “ช่างเถอะ ยังไงเงินก็ลงทุนเข้าไปแล้ว ตอนนี้จะพูดอะไรก็คงสายไปแล้วล่ะ”
คริสมินตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “อย่ากังวลเลย ในเมื่อฉ้นกล้าลงทุนเงินทั้งหมดของฉัน ก็แสดงว่าฉันมั่นใจพอกับสิ่งที่ทำอยู่”
ซ่างกวนเชียนจิบไวน์ ทำหน้าตึงเครียดไม่ได้พูดอะไร
คริสมินเห็นแบบนี้แล้วก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “แม้ว่าการรั่วไหลของโครงการจะส่งผลกระทบบางอย่างกับจิ้นกรุ๊ป แต่นายก็เห็นแล้ว จิ้นเฟิงเฉินทำให้สถานการณ์เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้จิ้นกรุ๊ปกำลังจะกลับมาเหมือนปกติ ถ้าจิ้นกรุ๊ปลุกขึ้นมาได้ใหม่ พวกเราจะต้องแย่แน่”
“ฉันเข้าใจ”
ความกังวลของเขาก็เป็นเหมือนกับซ่างกวนเชียน แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งใจร้อนไม่ได้
ซ่างกวนเชียนครุ่นคิดแล้วถามว่า: “ตอนนี้โครงการเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
“ทุกอย่างราบรื่นดีมาก ฉันเชื่อว่าการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในอนาคตจะสร้างความตื่นเต้นให้กับการตลาดในประเทศและต่างประเทศอย่างแน่นอน และจะมีผลกระทบบางอย่างต่อผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ที่มีอยู่ตอนนี้”
คริสมินมั่นใจกับโครงการนี้มาก
ซ่างกวนเชียนพยักหน้า “งั้นก็ดี”
ลงเงินทุนเข้าไปหมดแล้ว ขอแค่โครงการดำเนินการไปอย่างราบรื่น สำคัญกว่าสิ่งไหน