ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 147 ดีไม่เท่าลูกชาย
บทที่ 147 ดีไม่เท่าลูกชาย
ทางด้านนี้ ในคืนนั้น หลังจากไปส่งเจียงสื้อสื้อที่บ้านแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ขับรถกลับบ้าน
เจียงสื้อสื้อก็อารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เหลือบมองเสื้อผ้าบนโซฟาที่จิ้นเฟิงเฉินซื้อให้ เจียงสื้อสื้อใส่โดยไม่รู้ตัว เพราะว่าตอนอยู่ในร้านเธอพูดปฏิเสธที่จะรับจึงไม่ได้ลองชุด จิ้นเฟิงเฉินเห็นว่าเหมาะสมก็ซื้อแล้ว
ไม่คิดว่าเมื่อเอากลับมาให้เจียงสื้อสื้อใส่จะเหมาะสมมากอย่างเหลือเชื่อ มันเหมือนออกแบบมาเพื่อเธอ เมื่อดูตัวเองในกระจก เจียงสื้อสื้อ เกิดรอยยิ้มที่ลึกซึ้งในแววตาของเจียงสื้อสื้อ ในใจคิดถึงจิ้นเฟิงเฉินอย่างไม่รู้ตัว
เวลานี้ โทรศัพท์บนโต๊ะก็มีเสียงดังขึ้น เป็นข้อความจากจิ้นเฟิงเฉิน
“ผมถึงบ้านแล้ว เสี่ยวเป่าชอบเสื้อผ้าของคุณมาก”
เมื่อได้อ่านอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็ยกยิ้มที่มุมปาก
“เสี่ยวเป่าชอบก็ดี ให้เขารีบนอนนะ คุณก็ด้วย”
“ครับ ฝันดีครับ”
ฝันดี เจียงสื้อสื้อพูดในใจ
และปิดโทรศัพท์มือถือไป เธอเปลี่ยนเป็นใส่ชุดนอนและนอนลงบนเตียง ในใจของเจียงสื้อสื้อยังคงคิดถึงเรื่องวันนี้
ที่ผนังยังคงแขวนภาพที่เสี่ยวเป่าเขียนให้เธอ เมื่อคิดถึงเสี่ยวเป่าที่ตัวเธอได้ซื้อเสื้อผ้าให้ สีหน้าอาการของเจียงสื้อสื้อก็อ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว
เธอคิดว่านับวันสองพ่อลูกจะแยกกันไม่ออกขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆการกระทำทุกๆคำพูดของจิ้นเฟิงเฉินล้วนสามารถดึงสติของเธอมาก ความกลัวนั้นยิ่งจมยิ่งลึกแต่ความรู้สึกที่ซับซ้อนก็อยากเข้าใกล้
…………….
ที่ตระกูลจิ้นในตอนนี้ เสี่ยวเป่ากำลังลองชุดทั้งห้าชุดที่เจียงสื้อสื้อซื้อให้ คงไม่ต้องบอกว่าเด็กน้อยมีความสุขมากแค่ไหน
“แด๊ดดี้ นี้เป็นของที่น้าสื้อสื้อซื้อให้จริงๆเหรอครับ เธอเลือกเองเลยไหมครับ”
ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านนี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เสี่ยวเป่าถามคำถามนี้ จิ้นเฟิงเฉินไม่อยากสนใจเขาแล้ว
เสี่ยวเป่าก็ยังถามอีก “แล้วคุณน้าสื้อสื้อไม่ได้ซื้อให้แด๊ดดี้เหรอครับ”
จิ้นเฟิงเฉิน “……….”
จู่ๆมันก็แทงทะลุหัวใจ ใช่ เจียงสื้อสื้อซื้อของให้ลูกตั้งมากมาย กลับไม่ซื้อให้เขาสักชุด ตอนนี้เขาแม้แต่ลูกชายตัวเองก็สู้ไม่ได้
“แด๊ดดี้ทำไมไม่พูดล่ะครับ พรุ่งนี้แด๊ดดี้พาผมไปหาน้าสื้อสื้อได้ไหมครับ ผมไม่ได้ไปกินข้าวที่บ้านคุณ้าสื้อสื้อนานแล้ว”
นับวันเสี่ยวเป่ายิ่งเศร้าใจ แต่ดีที่คุณน้าสื้อสื้อไม่ลืมเขา ยังซื้อเสื้อผ้าให้เขา ตอนนี้เสี่ยวเป่ารู้สึกว่าตัวเองดีใจจนจะขึ้นสวรรค์แล้ว
ในใจคุณชายจิ้นกำลังหึงลูกชายตัวเอง เมื่อได้ยินจึงพูดว่า “ไม่ดี พรุ่งนี้ลูกต้องไปอยู่บ้านคุณปู่คุณย่าเป็นเวลาหนึ่งเดือน”
“ห่ะ” เสี่ยวเป่าตะลึง
“ทำไมครับ”
“ไม่ทำไม”
เมื่อพูดจบ คุณชายจิ้นก็เดินขึ้นห้องไปอย่างภาคภูมิใจ
เสี่ยวเป่ายืนอยู่ข้างหลังด้วยหน้าตาที่ตกตะลึง มันเรื่องอะไรกัน
…………
ในวันถัดไป เจียงสื้อสื้อตื่นจากความฝัน
เธอฝันว่ามีเด็กคนหนึ่งร้องไห้เรียกชื่อเธอ “แม่ครับ ผมก็อยากได้ชุดใหม่………….”
“แม่ครับ ทำไมแม่ไม่มาหาผม………”
เจียงสื้อสื้อลืมตาทั้งสองข้าง เจ็บไปทั้งใจ น้ำตาจากมุมตาของเธอไหลลงมาไม่หยุด
ลูกของเขา…………
เธอก็อยากไปหาเขา เธอก็อยากซื้อเสื้อผ้าของเล่นเยอะๆให้ลูกตัวเอง แต่เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน……………
ลูก แม่ขอโทษ
และไม่รู้ว่านั่งอยู่บนเตียงนานแค่ไหน เจียงสื้อสื้อสูดลมหายใจลึก หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็เปลี่ยนชุดใหม่ที่จิ้นเฟิงเฉินซื้อให้ใส่ไปทำงาน
………….
หลังจากมาถึงบริษัท เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกว่า ต้องทำงานหนัก วันนี้ต้องเขียนแผนโครงการออกมาให้ได้
เมื่อถึงเวลาเที่ยง เสียงจากโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น เป็นจิ้นเฟิงเฉินที่โทรมา น้ำเสียงนุ่มนวลและดึงดูดของชายหนุ่มดังจากปลายสาย
“กินข้าวรึยัง”
เจียงสื้อสื้อ รีบตอบทันที “กินแล้วค่ะ”
ที่จริงก็ยังไม่ได้กิน เธอยุ่งอยู่ตลอดเวลา เธอลืมทานข้าวเหมือนเมื่อคืน แต่ก็กลัวว่าพอจิ้นเฟิงเฉินรู้แล้วจะมาที่นี่เหมือนเมื่อคืนก่อน
เมื่อวานเธอทำโอที เพื่อนร่วมงานก็กลับหมดแล้ว เพียงแต่ตัวเองอยู่ที่บริษัทคนเดียว แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน ที่บริษัทยังมีคนเยอะแยะ ถ้าจิ้นเฟิงเฉินมาที่นี่ คิดว่าจะทำให้เกิดความปั่นป่วนได้มากทีเดียว พอถึงตอนนั้น…………..
เสียงหัวเราะเบา ๆ จากจิ้นเฟิงเฉินดังเข้ามา เขาจับโกหกของเจียงสื้อสื้อได้อย่างรวดเร็ว
“รีบไปกินข้าวเลย คืนนี้ผมจะพาเสี่ยวเป่าไปหาคุณ”
ทำไมเขารู้ว่าเธอโกหก เจียงสื้อสื้อก็พูดออกไปอย่างตะขิดตะขวง “คืนนี้เกรงว่าจะไม่ได้ คืนนี้ฉันอยู่จนดึกกว่าจะได้กลับ”
จิ้นเฟิงเฉินรู้ว่าเจียงสื้อสื้อยุ่งเรื่องการเขียนแผนโครงการ เขาจึงถอนหายใจอย่างหมดหนทาง ที่ตัวเองเป็นคนบ้างานก็ช่างไปเถอะ แต่แม้แต่คนที่ตัวเองชอบก็ยังบ้างาน
“งั้นก็ได้ คุณทำงานเสร็จแล้วก็รีบกลับนะ”
ความแปลกใจมาโดยไม่รู้ตัว เธอไอแห้ง ๆ และพูดว่า “ฉันรู้แล้ว งั้นฉันวางก่อนนะ”
หลังพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็วางสายไป
เพื่อนร่วมงานของเจียงสื้อสื้อที่เพิ่งออกไปกินข้าวได้เอาอาหารมาวางไว้บนเก้าอี้ เมื่อเห็นสีหน้าของเจียงสื้อสื้อ เพื่อร่วมงานหญิงห้ามพูดมั่วๆนะ “สื้อสื้อ เป็นอะไรไป แฟนเธอโทรมาเหรอ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็รีบมีน้องปฏิต่าง
“ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ เธอพูดมั่วอะไรอยู่”
“ฉันก็แค่พูดไปเฉยๆเอง ดูหน้าเธอสีแดงหมดแล้ว เมื่อไหร่จะพาแฟนเธอมาเปิดตัวให้เราเจอสักทีล่ะ”
เพื่อนร่วมงานชายก็พูดขึ้น “สื้อสื้อ รีบพาเขามาเร็ว มาเจอคู่แข่งหัวใจกันหน่อย ผมจะเตรียมมีดไว้สักเล่มหนึ่ง”
“พวกคุณหยุดได้แล้ว อย่าพูดเรื่องไร้สาระนี่อีกนะ ฉันขอไปกินข้าวก่อน”
เมื่อเห็นสีหน้าทุกคนกำลังซุบซิบกัน เจียงสื้อสื้อก็รีบถืออาหารและรีบเข้าไปในห้อง เธอกับจิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้เป็นแฟนอะไรกัน
เจียงสื้อสื้อแอบพูดในใจ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอลึกขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่เจียงสื้อสื้อเองก็ไม่รู้ตัว เธอในขณะนี้เหมือนผู้หญิงที่กำลังมีความรัก
…………
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็รีบไปทำงานต่อ เมื่อถึงตอนบ่าย เธอนำแผนโครงการเบื้องต้นไปปรึกษาหารือกับซูซาน ซูซานถามอย่างตกใจว่า “ไม่ถึงวัน ทำไมเธอทำออกมาได้แล้ว”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม ส่งเอกสารให้ซูซาน
“เป็นเพียงแผนโครงการเบื้องต้นเท่านั้น ผู้จัดการซูคุณดูหน่อยว่ามีตรงไหนต้องแก้ไขไหม”
แววตาซูซานรู้สึกซานซึ้ง คนอื่นเขียนแผนโครงการต้องใช้เวลาประมาณสามสี่วัน มากสุดก็หนึ่งสัปดาห์ ที่เป็นแบบเจียงสื้อสื้อนี้พบเจอน้อยจริงๆ ที่สำคัญคือไม่เพียงมีผลสำเร็จตายังมีคุณภาพอีก
แน่นอนว่าเป็นผู้หญิงที่เจ้านายใหญ่ชอบ เพราะแต่ต่าง
ในช่วงเวลานี้ ซูซานค้นพบว่าเจียงสื้อสื้อคนนี้แม้ว่าจะดูธรรมดา แต่จริงๆแล้วเก่งกว่าหลาย ๆ คน.