ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 157 เขาต้องชอบพี่แน่ๆ
บทที่ 157 เขาต้องชอบพี่แน่ๆ
เช้าวันต่อมา เจียงสื้อสื้อก็มาถึงสนามบินพร้อมกับเพื่อนร่วมงานสวีหน้า สวีหน้าคือพนักงานที่ถูกซูซานส่งมาเป็นผู้ช่วยชั่วคราวให้กับเจียงสื้อสื้อ
ทั้งคู่ขึ้นเครื่องฯแล้วหาที่นั่งตัวเองที่ระบุไว้บนตั๋ว ก่อนที่เจียงสื้อสื้อจะเห็นเงาร่างที่คุ้นตาของใครบางคน พลันเอ่ยเรียกอย่างตกใจว่า:”รุ่นพี่ลู่”
ลู่เจิงที่กำลังก้มอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
“สื้อสื้อ! นี่เธอ……” ลู่เจิงตาลุกวาว
เจียงสื้อสื้อยิ้มเสียงขำ:พอดีฉันมีงานน่ะ นี่เพื่อนร่วมงานฉันสวีหน้า แล้วรุ่นพี่ล่ะ? ไปทำงานเหมือนกันเหรอ?”
“อืม” ลู่เจิงพยักหน้า:”บริษัทที่ต่างประเทศมีปัญหานิดหน่อย ก็เลยต้องรีบไปจัดการน่ะ”
“งั้นเหรอ? บังเอิญจังเลยนะ ที่ได้ขึ้นเครื่องฯเที่ยวเดียวกัน แถมที่นั่งเรายังใกล้กันอีก”
“นั่นสิ! ทีนี้ฉันก็ไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะเบื่อแล้ว”
ลู่เจิงมองเจียงสื้อสื้อด้วยสายตาอ่อนโยน ตอนนี้เขาก็ยังคงอึ้งไม่หาย โชคชะตาช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะโชคดีได้เจอกับคนที่ตัวเองชอบ
เจียงสื้อสื้อแต้มยิ้ม ก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งข้างๆ
กว่าจะถึงจุดหมายก็ต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณสิบกว่าชั่วโมง เจียงสื้อสื้อพูดคุยกับลู่เจิงสักพัก ก่อนจะเริ่มง่วนอยู่กับงานต่อ
โปรเจกต์แพลนเมื่อคืนเธอดูไปแล้วคร่าวๆ แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก ดังนั้นเธอจึงต้องรีบลงมือเขียนให้เร็วที่สุด
ลู่เจิงที่นั่งถัดจากเจียงสื้อสื้อรู้จักกับ SR กรุ๊ปพอดี เขาจึงอธิบายถึงความเป็นไปเป็นมาของบริษัทนี้ให้เจียงสื้อสื้อฟังคร่าวๆ
พวกเขาพูดคุยกัน เจียงสื้อสื้อพลางกำหนดทิศทางโปรเจกต์แพลนจากข้อมูลที่ได้รับฟังมาประกอบไปด้วย
แม้ว่าตอนนี้จะยังเป็นเพียงแค่แบบแพลนคร่าวๆ แต่ถ้าเสร็จสมบูรณ์แล้วก็น่าจะไม่ได้แย่ไปไหน ผนวกกับมีลู่เจิงคอยแนะนำอยู่ข้างๆ จึงยังถือได้ว่าผ่านไปอย่างราบรื่น
กระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไปเจ็ดแปดชั่วโมง เจียงสื้อสื้อก็ทำเสร็จไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
ลู่เจิงเห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจของเจียงสื้อสื้อแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้
“รู้จักกับเธอมานานขนาดนี้ถึงเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเธอจะเป็นพวกบ้างาน หยุดพักสักแป๊บเถอะ มากินข้าวก่อน”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม:”ก็ต้องขอบคุณรุ่นพี่แหละค่ะที่คอยช่วยแนะนำฉัน ไม่งั้นจนถึงตอนนี้ฉันก็คงยังไม่ได้ลงมือทำแน่ๆ”
ลู่เจิงเองก็ไม่เกรงใจ พลันเอ่ยปากยิ้มๆว่า:”ถ้าจะขอบคุณฉันก็เลี้ยงข้าวฉันหลังจากถึงอเมริกาเลยเป็นไง ถึงตอนกลางวันฉันจะค่อนข้างยุ่ง แต่ตอนกลางคืนก็ยังมีเวลาว่างอยู่นะ”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ขอแค่รุ่นพี่ไม่กินแพงไปจนทำให้ฉันหมดตัวก็ได้แล้วค่ะ” เจียงสื้อสื้อไม่ปฏิเสธ เพราะก็แค่กินข้าวด้วยกัน
ลู่เจิงยิ้มขำ หลังจากกินข้าวเสร็จได้ไม่นานพวกเขาก็มาถึงนิวยอร์ก
ลู่เจิงมีคนมารอรับอยู่ก่อนแล้ว ทีแรกเจียงสื้อสื้อกะจะพาสวีหน้าโบกรถไปที่โรงแรม แต่พอลู่เจิงเสิร์ชดูตำแหน่งของโรงแรมแล้วก็เอ่ยปากทันทีว่า:”พวกฉันพักอยู่ใกล้ๆกันเลย ให้ฉันส่งพวกเธอไปไหม?”
เจียงสื้อสื้อครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยตกลงว่า:”งั้นรบกวนรุ่นพี่แล้วนะคะ”
ไม่นาน เจียงสื้อสื้อกับสวีหน้าก็มาถึงที่โรงแรม ลู่เจิงเอ่ยก่อนไปว่า:”งั้นไว้ค่อยติดต่อกันอีกทีนะ มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้เลย ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
“อืม” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า มองดูรถของลู่เจิงขับออกไปแล้วจึงจะเข้าไปในโรงแรมกับสวีหน้า
หลังจากที่ลู่เจิงไป สวีหน้าก็พลันเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า:”พี่สื้อสื้อ ประธานลู่คนนี้เนี่ยหล่อจังเลยนะ! คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นรุ่นพี่ของพี่ด้วย!”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้ายิ้มขำๆ:”นั่นสินะ! ตอนนั้นที่ได้รับโปรเจกต์ของบริษัทลู่ซื่อแล้วบังเอิญเจอกันที่คาเฟ่ฉันก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่าเขาก็คือคนเดียวกันกับรุ่นพี่ตอนเรียนมหา’ลัย”
“อ๋อ~” สวีหน้ามองเจียงสื้อสื้อด้วยสายตามีเลศนัย ก่อนจะเอ่ยต่อว่า:”งั้นแฟนปริศนาคนนั้นของพี่ก็คือประธานลู่ใช่ไหม!”
สิ้นเสียง เจียงสื้อสื้อก็ปฏิเสธทันที
“แฟนปริศนาบ้าอะไรล่ะ อย่าพูดเพ้อเจ้อน่า ฉันกับประธานลู่เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“ฉันไม่เชื่อ ถึงเขาไม่ใช่แฟนพี่แต่ก็ดูออกอ่ะว่าเขาต้องชอบพี่แน่ๆ”
“หยุดพูดบ้าๆได้แล้วน่า!”
สวีหน้าเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังหนักแน่นว่า:”ฉันไม่ได้พูดบ้าๆนะ พี่แค่ไม่เห็น ว่าสายตาของประธานลู่ตอนที่เห็นพี่บนเครื่องบินนั้นเซอร์ไพรส์ดีใจขนาดไหน ถ้าไม่ใช่เพราะชอบพี่ แล้วเขาจะยอมสละเวลามาช่วยงานพี่ ช่วยแนะนำมากขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วไหนจะชวนพี่ไปกินข้าวด้วยกันอีก พี่สื้อสื้อ หนูมีเซนส์ในการมองผู้ชายเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้นะ หนูมั่นใจว่าประธานลู่เขาต้องแอบชอบพี่อยู่แน่ๆ”
ทั้งคู่คุยไปพลางเช็คอินไปพลาง จากนั้นก็ถือกระเป๋าสัมภาระไปขึ้นลิฟต์ เจียงสื้อสื้อฟังที่สวีหน้าพูดแล้วก็อดคิดมากไม่ได้
พลันนึกย้อนไปถึงคำพูดของรุ่นพี่ในงานมหา’ลัยวันนั้น หรือรุ่นพี่จะแอบชอบเธอจริงๆ?
ไม่หรอก คงไม่ใช่ และหวังว่าจะไม่ใช่แบบนั้น ไม่งั้นเธอจะไปสู้หน้ารุ่นพี่ได้ยังไง?
สวีหน้าที่เดินอยู่ข้างๆก็ยังคงพูดต่ออีกว่า:”พี่สื้อสื้อ พี่ก็ยังโสดอยู่ทั้งที ลองพิจารณาท่านประธานลู่ดูดีไหม? ผู้ชายที่ทั้งหล่อและแสนจะอ่อนโยนแบบนั้น คือสเปคเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของสาวๆหลายๆคนเลยนะ ถ้าพี่ได้คบกับเขาก็คงจะมีความสุขมากแน่ๆ”
เจียงสื้อสื้อเหลือบมองสวีหน้าที่ทำหน้าเพ้อฝันอย่างหมดคำพูด:”พอเลย หยุดไร้สาระได้ละ รุ่นพี่เขามีคนที่ชอบแล้วน่า”
“งั้นคนๆนั้นก็ต้องเป็นพี่แหงๆ เชื่อหนูเถอะ”
“ไม่ใช่”
“ใช่ชัวร์ๆ”
ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่พวกเขาพักกันแล้ว เจียงสื้อสื้อไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับสวีหน้าอีก หลังจากที่เสียบคีย์การ์ดเข้าไปในห้อง ทั้งคู่ก็ลงมือจัดเก็บสัมภาระทันที
จากนั้นเจียงสื้อสื้อก็เปิดเครื่องมือถือ พลันมีสายเข้าโทรเข้าจากจิ้นเฟิงเฉินพอดี เธอเหลือบมองสวีหน้าครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปรับสายตรงหน้าระเบียง
“ถึงหรือยัง?” เสียงทุ้มนุ่มของอีกฝ่ายดังขึ้นจากปลายสาย
“อืม ถึงแล้ว” เจียงสื้อสื้อตอบ
ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน จู่ๆเธอก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเสียซะดื้อๆ
“งั้นก็ดีแล้ว อยู่เมืองนอกก็ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลานะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลย”
“อืม”
ทั้งคู่พูดคุยกันต่ออีกสักเล็กน้อย ก่อนจะกดวางสายไป ไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้ในหัวสมองของเจียงสื้อสื้อมีแต่จิ้นเฟิงเฉินเต็มไปหมด
เธอมาทำงานนะ เลิกคิดเรื่องพวกนี้ได้แล้วสักที เจียงสื้อสื้อพยายามบอกกับตัวเอง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จิตใจที่เคยยุ่งเหยิงจึงจะสงบลง
เธอกลับเข้าไปในห้อง พลันให้สวีหน้าไปติดต่อคนรับผิดชอบของ SR ให้นัดมาเจอกันพรุ่งนี้
สวีหน้าพยักหน้า ก่อนจะไปคุยโทรศัพท์ ส่วนเจียงสื้อสื้อก็ก้มหน้าทำงานต่อ
กระทั่งถึงเวลาประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆ สวีหน้าอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำ เจียงสื้อสื้อก็ยังคงง่วนอยู่กับงาน
“พี่สื้อสื้อ ตอนอยู่บนเครื่องหนูก็เห็นพี่เอาแต่นั่งทำงานตั้งนานแล้วนะ นี่ก็ดึกมากแล้ว หนูว่าพี่พักหน่อยก็ดี” สวีหน้าพูดพลางอ้าปากหาวหวอด
เจียงสื้อสื้อมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะตอบว่า:”เธอนอนก่อนเลย เดี๋ยวฉันทำเสร็จแล้วค่อยนอน”
สวีหน้าเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผนวกกับง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้ว จึงพยักหน้าจะไปเข้านอนก่อน
“งั้นพี่รีบทำรีบเข้านอนนะ!”
“อืม” เจียงสื้อสื้อตอบรับในลำคอ ก่อนจะลงมือทำงานต่อ
………
กระทั่งตีห้าเช้าวันต่อมา สวีหน้าลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ เจียงสื้อสื้อก็ยังคงไม่เข้านอน
“พี่สื้อสื้อ ทำไมพี่……ยังไม่เข้านอนล่ะ?”