ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 187 ทำถูกต้อง
บทที่ 187 ทำถูกต้อง
หลังจากที่อยู่ร้านขายของโบราณนั้นครู่หนึ่ง เจียงสื้อสื้อก็กลับบ้านทันที
จนแล้วจนรอดเจียงสื้อสื้อก็ยังไม่ได้ข่าวคราวจากจิ้นเฟิงเฉินที เธอจึงคิดว่า เขาคงกำลังยุ่งอยู่กับงานแน่ๆ!
แต่ก่อนหน้านี้ ถึงจิ้นเฟิงเฉินจะยุ่งกับงานยังไง ก็ไม่มีทางไม่มาหาเธอแบบนี้ เจียงสื้อสื้อจึงรู้สึกสงสัย คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าตัวเองน่าตลกจริงๆ เห็นๆ อยู่ว่าตัวเองอยากจะผลักเขาให้ไปไกลๆ แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเขา หรือแค่ได้รับข้อความสั้นๆ จากเขา เธอก็ดีใจแทบแย่แล้ว
เรื่องที่เกิดทำให้ทั้งคืนนี้ เจียงสื้อสื้อนอนพลิกไปพลิกมา ไม่หลับเสียที
ต่อจากนั้นอีกหลายวัน จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้มาหาเธอเลย เสี่ยวเป่าเองก็เหมือนกัน เจียงสื้อสื้อเองก็ได้รับสายตาหนุ่มน้อยอยู่บ่อยๆ แต่กลับไม่ได้เห็นหน้าสองพ่อลูกเลย
ส่วนเว่ยฉีเฟิงเองก็นัดเธอมากินข้าวด้วยกันอีกครั้ง แต่เจียงสื้อสื้อก็ขอเลื่อนไปก่อน เป็นเพราะซูซานแบ่งงานให้เธอทำเยอะทีเดียว
ทำให้เจียงสื้อสื้อที่รับสายจากเว่ยฉีเฟิงพูดขอโทษขึ้น : “ต้องขอโทษจริงๆ นะคะคุณเว่ย พอดีช่วงนี้มีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะน่ะค่ะ เอาเป็นว่าข้าวมื้อนี้ขอยกไปครั้งหน้านะคะ แล้วเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”
เว่ยฉีเฟิงเองก็เข้าใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงอ่อนนุ่มเหมือนเดิม
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ถ้าอย่างนั้นคุณก็จัดการงานของคุณก่อนเถอะครับ เอาไว้คุณว่างเมื่อไหร่ ค่อยไปหาอะไรกินด้วยกันอีกนะครับ”
“ค่ะ”
หลังจากวางสายไป เจียงสื้อสื้อก็มองดูกองเอกสารตรงหน้า แล้วก็นวดที่ขมับอย่างอดไม่ได้
เป็นเพราะการโฆษณาของหลายๆ บริษัทที่ร่วมมือกันก่อนหน้านี้ ก็ล้วนแล้วแต่มอบหมายให้เจียงสื้อสื้อวางแผนทั้งนั้น แถมยังได้รับความนิยมอย่างมาก จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ได้รับผลประโยชน์ผลกำไรมากมาย
แน่นอนว่าหนึ่งในบริษัทพวกนั้นก็เป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้บริษัทจิ้นกรุ๊ปด้วย การได้มาร่วมมือกับบริษัทจิ้นกรุ๊ป ถือเป็นความฝันของคนนับไม่ถ้วน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอาผลิตภัณฑ์ของตนเอง มาเผยแพร่โดยใช้แบรนด์ของบริษัทจิ้นกรุ๊ปเป็นหลักเลย เพราะมันมีอิทธิพลสูงมากจริงๆ
ส่วนบริษัทจิ่นเส้อเองก็สามารถสร้างความร่วมมือกับบริษัทย่อยของจิ้นกรุ๊ปได้ ทำให้ทุกคนต่างก็เข้ามาแก่งแย่งกัน ซึ่งก็มีบริษัทใหญ่ๆ อยู่หลายบริษัท ที่กำหนดให้เจียงสื้อสื้อเป็นคนวางแผนแทน
ซูซานเองก็เลือกให้งานสำคัญๆ กับเจียงสื้อสื้อเป็นคนจัดการ เป็นเพราะเรื่องที่เธอเองต้องจัดการก็มีอยู่เยอะแล้ว ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้สวีหน้าเป็นคนช่วยประสานงานให้เจียงสื้อสื้อโดยตรง หลังจากนี้เธอจะได้อยู่ช่วยกันในระยะยาว
และการที่ได้มาทำงานร่วมกับเจียงสื้อสื้อนั้น ทำให้สวีหน้าดีใจอย่างมาก เธอรินกาแฟให้เจียงสื้อสื้อก่อนแก้วหนึ่ง พอเห็นว่าเธอวางสายแล้ว สวีหน้าก็ถามขึ้นว่า : “พี่สื้อสื้อคะ ใช่เว่ยฉีเฟิงคนนั้นโทรมานัดหรือเปล่า?”
“อืม” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า
“แล้วพี่ไม่ไปหรือคะ? พี่ไม่ได้อยากจะหาคู่งั้นหรือคะ?”
เจียงสื้อสื้อเหลือบตามองสวีหน้า “แล้วเธอว่าตอนนี้พี่ไปได้หรือไง?”
ตอนนี้เธอยุ่งเสียจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้เลย แล้วจะไปมีเวลานัดกินข้าวดูตัวได้ยังไงกัน
สวีหน้าหัวเราะ ก่อนจะพูดอะไรอย่างสงสัย : “พี่สื้อสื้อ พี่คิดสิคะว่าทำไมจู่ๆ ผู้จัดการซูถึงได้ยัดงานมาให้พี่เยอะขนาดนี้กันน่ะ! ตอนนี้ฉันเห็นพี่ยุ่งจนจะเป็นบ้าไปแล้วนะคะเนี่ย”
ก็จริงอย่างที่พูด แถมงานพวกนี้ก็ถูกส่งมาให้เธอแบบกะทันหันไม่กี่วันก่อนหน้านี้ด้วย ไม่รู้ว่าทำไม แต่สวีหน้ารู้สึกว่ามันประหลาดเกินไป
เจียงสื้อสื้อกลับคิดว่ามันไม่มีอะไร หากงานเยอะ เงินก็เยอะตามไปอยู่แล้ว ซูซานเองก็คงจะรู้ว่าเธอมีแม่ที่ป่วยอยู่หนึ่งคน ก็เลยอยากจะช่วยเธองั้นสินะ
หากซูซานมอบหมายงานใหญ่ๆ ที่สำคัญให้กับเจียงสื้อสื้อแบบนี้ ยังไงเธอก็ต้องรู้สึกเบิกบานใจอยู่แล้วล่ะนะ
แน่นอนว่า จะยังไงเธอก็คิดไม่ถึงเลย ว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่จิ้นเฟิงเหรามอบหมายมาให้อีกที
ซึ่งขณะนี้เองซูซานก็กำลังรายงานสถานการณ์ให้จิ้นเฟิงเหราทราบ อยู่ภายในห้องทำงานของเธอ
“คุณชายสองคะ ตอนนี้ฉันได้ทำตามที่คุณชายสองสั่งไว้หมดแล้วค่ะ ช่วงนี้สื้อสื้อยุ่งกับงานมาก ไม่มีเวลาไปทำเรื่องอย่างอื่นแน่นอนค่ะ”
จิ้นเฟิงเหราที่อยู่อีกฝั่งของสาย ก็ฉายแววยิ้มแย้มออกมาทางดวงตา “ทำได้ดีมาก หากยังอยากคิดจะไปดูตัวอีกล่ะก็ คงต้องเหนื่อยแน่ๆ”
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ที่เธอได้รู้ข่าวที่เจียงสื้อสื้อไปดูตัวนั้น จิ้นเฟิงเหราก็ตกตะลึงอย่างมาก ถึงพี่ชายของเขาจะบอกว่าไม่ทำอะไรก็ตาม แต่จิ้นเฟิงเหราเองจะยอมยืนมองให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง
หากพวกเขาไม่ยอมทำอะไรเลย พี่สะใภ้ก็คงจะไปนัด ไปกินข้าวด้วยกันกับคู่ดูตัว พอถึงตอนนั้นพี่ชายของเขาก็จะโกรธ แล้วเอามาลงที่ตัวเองกับคนที่บริษัทอีกแน่
ตอนนี้ถือว่าดีแล้วล่ะ พี่สะใภ้ก็กำลังยุ่งอยู่กับงาน ไม่มีความคิดที่จะไปกินข้าวหรือนัดพบอะไรแน่ ส่วนต่อไปจะทำยังไงนั้น จิ้นเฟิงเหราเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่มันก็พอจะประวิงเวลาเอาไว้ได้อยู่ล่ะนะ!
ซูซานเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี เธอเองก็ได้แต่มองดูเจียงสื้อสื้อในแผนกของเธอเอง ด้วยแววตาที่รับรู้และเข้าใจ
แต่เธอเองก็สงสัยมากเช่นกัน ทั้งๆ ที่ประธานจิ้นก็ดีมากแล้วแต่เธอก็ไม่เอา กลับไปนัดดูตัวเสียอย่างนั้น สมองของเธอถูกควักออกไปแล้วหรือไง?
ซูซานถอนหายใจดังเฮือก เจียงสื้อสื้อไม่มีทางรู้ได้เลยว่าที่เธอยุ่งแบบนี้ เป็นเพราะเรื่องดูตัวของเธอแท้ๆ เธอเองก็รู้สึกว่าแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน ยุ่งอยู่กับงาน ไม่ต้องไปคิดอะไรให้มากความ
……
เมื่อถึงเวลาโพล้เพล้ เจียงสื้อสื้อก็ได้รับสายจากคนๆ หนึ่ง ซึ่งคนที่โทรมาก็คือลู่เจิงนั่นเอง
“สื้อสื้อ พอมีเวลาหรือเปล่า? ตอนเย็นไปกินข้าวด้วยกันกับพี่ไหม?”
เจียงสื้อสื้อวางเอกสารในมือลง ก่อนจะตอบปฏิเสธด้วยความขอโทษไปเหมือนทุกที
“ต้องขอโทษด้วยนะคะรุ่นพี่! พอดีช่วงนี้มีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะเลย คาดว่าเย็นนี้คงต้องทำงานล่วงเวลาอีกน่ะค่ะ”
“ยุ่งขนาดนั้นเลยหรือ?”
“ใช่เลยค่ะ! ช่วงนี้ที่บริษัทมีงานเยอะมากๆ เลยล่ะค่ะ”
เจียงสื้อสื้อนวดขมับ ถ้าหากไม่ใช่เพราะลู่เจิงโทรมาล่ะก็เธอก็คงจะลืมไปแล้วแน่ๆ หลังจากที่เสร็จงานพวกกนี้ เธอคงต้องไปเลือกของขวัญไปให้เขาเสียหน่อยแล้วล่ะ
ลู่เจิงยังคงสงสัยอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้รบกวนอะไรเจียงสื้อสื้อต่อ
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำงานก่อนก็ได้ ถ้าว่างแล้วก็อย่าลืมโทรมาหาพี่ด้วยล่ะ”
“ค่ะ” เจียงสื้อสื้อส่งเสียงตอบรับ
หลังจากวางสายไป สวีหน้าก็เดินเข้ามา พร้อมด้วยสีหน้าที่อิจฉาตาร้อน
“พี่สื้อสื้อ นี่พี่จะมีโชคดีไปถึงขนาดไหนกันเนี่ย! ไหนจะเว่ยฉีเฟิงไหนจะประธานลู่อีก อีกเดี๋ยวก็คงมีข่าวคราวของประธานจิ้นล่ะสิคะเนี่ย?”
พอพูดถึงจิ้นเฟิงเฉิน แววตาของเจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะส่อประกายบางอย่างออกมา ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเธอไม่ได้ข่าวคราวอะไรจากจิ้นเฟิงเฉินเลย นอกเสียจากเสี่ยวเป่าที่มีพูดถึงเขาอยู่ในโทรศัพท์บ้างเป็นครั้งคราว
เจียงสื้อสื้อเองก็ยอมรับ ว่าในใจของเธออยากจะพบเขามาก แต่เธอก็กลัวการไปพบกับเขา พลันเสียงของสวีหน้าก็ดังขึ้นอีกรอบ ขัดความคิดของเจียงสื้อสื้อขึ้น
“อ้อ ใช่แล้วพี่สื้อสื้อ ถึงพี่จะยุ่งยังไง แต่พี่จะยุ่งจนเป็นแบบนี้ไม่ได้นะคะ! ตอนนี้ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว กลับให้เร็วไปหาอะไรกิน นอนหลับเพื่อฟื้นฟูจิตใจและร่างกายดีกว่าไหมคะ พี่ดูหลายวันที่ผ่านมาสิ ว่าพี่ทำงานมากแค่ไหน หากเป็นแบบนี้ต่อไปร่างกายพี่จะแบกรับไม่ไหวเอานะคะ”
หลายวันที่ผ่านมาที่สวีหน้าอยู่กับเจียงสื้อสื้อนั้น เธอก็ได้รู้ความจริงว่าอะไรคือคนบ้างานกันแน่ ปริมาณงานของพี่สื้อสื้อนั้น คงไม่มีทางเยอะไปมากกว่านี้แล้วล่ะ
“เอาล่ะ รู้แล้วน่า เธอกลับไปกินข้าวก่อนเถอะ! เดี๋ยวพี่ทำพวกนี้เสร็จแล้วจะกลับไปเอง ทันทีเลยล่ะ” เจียงสื้อสื้อตอบกลับ
“ค่ะ” สวีหน้าพยักหน้ารับ
เดิมทีเธอเองก็อยากจะกลับไปด้วยกันกับเจียงสื้อสื้อ แต่ที่เธอยังมีเรื่องที่ต้องทำที่บ้านอีก จึงทำได้เพียงกลับไปก่อน
……
เรื่องวางแผนนโยบายเหมือนจะมีปัญหานิดหน่อย เจียงสื้อสื้อเองก็ยุ่งจนประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ ความคิดของเธอทั้งหมดอยู่ที่งาน โดยไม่ได้สนใจเวลาเลย จนกระทั่งมือถือของเธอดังขึ้น
สายที่โทรมาก็ยังคงเป็นลู่เจิงเหมือนเดิม เจียงสื้อสื้อนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรับสายขึ้น
“สื้อสื้อ ยังยุ่งอยู่หรือเปล่า?” พลันมีน้ำเสียงที่อ่อนโยนของลู่เจิงดังขึ้น
เจียงสื้อสื้อจึงหันไปดูเวลา ก่อนจะพบว่านี่มันสี่ทุ่มกว่าแล้ว