ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 200 ให้พวกเขาได้เห็นถึงด้านที่แท้จริงของเธอ
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 200 ให้พวกเขาได้เห็นถึงด้านที่แท้จริงของเธอ
บทที่ 200 ให้พวกเขาได้เห็นถึงด้านที่แท้จริงของเธอ
ซูชิงหยิงกำมือแน่นขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ จิ้นเฟิงเฉินกอดกับเจียงสื้อสื้ออยู่ที่ด้านนอกโรงแรม เขาไม่เกรงกลัวที่จะพุ่งตรงเข้าไปกอดเธอไว้จากด้านหลัง เห็นเธอหมดสติไปก็มีท่าทางเป็นกังวลกระวนกระวายใจ……
แต่กลับตนเองนั้น จิ้นเฟิงเฉินพูดคุยกับตนในงานเลี้ยงวันนี้ไม่เกินสามประโยค และยังไม่มองมาทางเธอแม้แต่นิดเดียว
ทุกครั้งที่คิดถึงตรงนี้ ซูชิงหยิงก็เกิดความอิจฉาขึ้นมา เธอจะต้องหาโอกาสที่จะทำให้จิ้นเฟิงเฉินและตระกูลจิ้นได้รู้ถึงเรื่องนั้นแน่ เธอจะต้องทำให้ทุกคนได้เห็นถึงธาตุแท้ของเจียงสื้อสื้อ
……
บนรถอีกฝั่งหนึ่ง ฉินมู่หลันยังคงเกลี้ยกล่อมคุณพ่ออยู่เช่นเดิม
“คุณพ่อ หรือว่าคุณพ่อคิดว่า เจียงสื้อสื้อกับเฟิงเฉินนั้นเหมาะสมที่จะเคียงคู่กัน?”
“ทำไมจะไม่เหมาะสมล่ะ? ทั้งสองล้วนมีความสามารถขนาดนั้น เมื่อครู่ลูกก็ยังชมว่าคนออกแบบงานเลี้ยงมีฝีมือดีอยู่เลย? ไม่เหมาะสมกันตรงไหน?” คุณปู่ฉินตอบกลับไป
ฉินมู่หลันถอนหายใจออกมา เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่า
ฉินมู่หลันถอนหายใจออกมา เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่างานนี้เป็นผลงานออกแบบของเจียงสื้อสื้อ……ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะให้คุณท่านตระกูลฉินช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้กับจิ้นเฟิงเฉิน แต่ตอนนี้ คุณท่านตระกูลฉินกลับสนับสนุนพวกเขาให้คบกันอีก
“คุณพ่อ หนูไม่ได้หมายความแบบนั้น ผู้หญิงอย่างเจียงสื้อสื้อคนนี้นั้นซับซ้อนมาก เฟิงเฉินเป็นถึงประธานจิ้นกรุ๊ป ในอนาคตจะเป็นคนจัดการกับโครงการของตระกูลจิ้นทั้งหมด อีกทั้งยังข้องเกี่ยวกับตระกูลฉินอีก อย่างไรเจียงสื้อสื้อก็ไม่เหมาะสมกับเขา”
พอแล้ว พอแล้ว มู่หลาน ฉันรู้ดีว่าลูกทำเพื่อเฟิงเฉิน แต่ลูกต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับและเข้าใจเขาด้วย” คุณท่านตระกูลฉินพูดออกมาอ่างทนไม่ไหว
ฉินมู่หลันอยากจะพูดต่อ แต่ตอนนี้รถขับมาถึงหน้าโรงพยาบาลแล้ว ทุกคนก็เดินทางไปยังห้องพักผู้ป่วยทันที
คุณปู่มองไปยังสีหน้าซีดขาวของเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกสงสาร “ไม่ใช่ว่าไม่เป็นไรหรอกเหรอ ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก?”
“คุณปู่ คุณหมอบอกแล้วว่าฉีดยาเข้าไปแล้วอาจจะตื่นขึ้นมาช้าหน่อย” จิ้นเฟิงเฉินตอบออกมา
ได้ยินแล้ว คุณปู่ถึงจะพยักหน้าอย่างวางใจ
อยู่ในห้องคนไข้สักพัก จิ้นเฟิงเฉินก็เอ่ยปากขึ้นมา “คุณปู่ พ่อ แม่ กลับไปพักก่อนเถอะ! เดี๋ยวผมจะอยู่เป็นเพื่อนสื้อสื้อเอง”
คุณท่านตระกูลฉินพยักหน้ารับ แต่ฉินมู่หลันกลับเอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจ “เฟิงเฉิน ลูกก็กลับไปพักผ่อนด้วยกันเถอะ ยุ่งมาทั้งวันแล้ว โรงพยาบาลก็มีทั้งหมอทั้งพยาบาล อีกทั้งเธอก็ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆแล้ว
ห้องคนไข้นี้มีเพียงแค่เตียงหนึ่งตัวกับโซฟาหนึ่งตัว ฉินมู่หลันคิดในใจว่าถ้าหากจิ้นเฟิงเฉินจะอยู่ที่นี่ต่อคืนนี้ก็คงจะไม่ไปไหนแล้ว เธออดทนเห็นลูกเธอเฝ้าเจียงสื้อสื้อทั้งคืนไม่ได้
“คุณแม่ ผมไม่เหนื่อย พวกท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!”
จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยปากออก เขาจะปล่อยให้เจียงสื้อสื้ออยู่โรงพยาบาลคนเดียวได้อย่างไรกัน
ฉินมู่หลันอยากจะพูดอะไรต่อ แต่กลับโดนคุณท่านตระกูลฉินลากจากไปก่อน ก่อนจะแสดงความโกรธแล้วเดินออกจากโรงพยาบาลไป
หลังจากที่กลุ่มคนเมื่อครู่จากไปแล้ว ห้องพักคนไข้ก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง จิ้นเฟิงเฉินก็นั่งนิ่งๆเป็นเพื่อนเจียงสื้อสื้ออยู่ข้างๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ
……
อีกฝั่งของจิ้นเฟิงเหรา หลังจากออกจากโรงพยาบาลมา เขารีบสั่งคนให้ไปสืบเรื่องในอดีตของเจียงสื้อสื้อทันที
ถึงแม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินสั่งห้าม แต่เรื่องนี้เป็นแผลที่อยู่ในใจของพี่สะใภ้ แต่ว่าถ้ามีคนไปรู้ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ
จิ้นเฟิงเหรารู้สึกว่า เจียงนวลนวลคงจะไม่รามือไปง่ายๆแย่ ดังนั้นเลยต้องป้องกันไว้
หวังว่าตอนเองจะทำถูกนะ ที่ทำอย่างนี้ก็เพราะเพื่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั่นเอง
จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว จิ้นเฟิงเหราก็กลับบ้านเดี่ยวไปดูแลเสี่ยวเป่าต่อ
หลังจากจบงานเลี้ยงเสี่ยวเป่าก็ถูกคนส่งกลับมา แต่เขาก็ยังนอนไม่หลับ พี่เห็นเฟิงเหรากลับมาแล้วก็รีบถามทันที “คุณอา น้าสื้อสื้อเป็นอย่างไรบ้าง?”
จิ้นเฟิงเหราอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมา ก่อนจะเริ่มปลอบประโลมขึ้น “วางใจเถอะ! ไม่มีอะไรแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปเยี่ยมได้แล้ว”
“จริงเหรอ……”
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้ารับ “หรือว่าเสี่ยวเป่าไม่เชื่อคำพูดของคุณอา?”
“แน่นอนว่าเชื่อสิ แต่ว่าคุณอา เมื่อครู่น้าสื้อสื้อเป็นอะไรไปหรือ?”
นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครู่ เขาไม่เคยเห็นเจียงสื้อสื้อเป็นเช่นนี้มาก่อน พรุ่งนี้ยังจะเป็นแบบนี้อยู่ไหมนะ……
จิ้นเฟิงเหรารู้ดีว่าเสี่ยวเป่ากำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเลยรีบปลอบใจขึ้น“เสี่ยวเป่า น้าสื้อสื้อป่วยแล้วต่างหากล่ะ พรุ่งนี้ถ้าหายดีแล้วก็ไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว รีบเข้านอนกันเถอะ!”
“ได้เลยครับ คุณอา”เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟังก่อนจะนอนหลับไป
……
อีกฝั่งหนึ่ง ณ โรงพยาบาล
เวลาตีสามกว่าๆ ผู้ป่วยเจียงสื้อสื้อที่นอนอยู่บนเตียงถึงจะรู้สึกตัวขึ้น
รอบตัวสีขาวสะอาด จิ้นเฟิงเฉินนอนหลับอยู่ที่ข้างเตียง เจียงสื้อสื้อค่อยๆนึกถึงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่งานเลี้ยง……
ชั่วพริบตาเดียว เจียงสื้อสื้อก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีก
เจียงสื้อสื้อพยายามพยุงตัวขึ้น จิ้นเฟิงเฉินก็เริ่มรู้ตัวขึ้นมา มองเห็นว่าเจียงสื้อสื้อตื่นแล้ว เขาก็เอ่ยถามอย่างใส่ใจ “เธอเป็นอะไรไปเหรอ? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
เจียงสื้อสื้อลุกขึ้นมา ก่อนจะดื่มน้ำไปแก้วหนึ่ง เธอไม่ได้ตอบคำถามของจิ้นเฟิงเฉิน แต่กลับถามต่อ “ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
หรือว่าพอตนเองเป็นลมแล้วเจียงนวลนวลก็ไม่ได้พูดความจริงต่อหรอกเหรอ?
“ผมไม่ควรอยู่ตรงนี้เหรอ?”
“ข้องเกี่ยวกับฉันไม่มีเรื่องอะไรที่ดีๆหรอก จิ้นเฟิงเฉิน คุณยังดูไม่ออกเหรอ?”
“ดูไม่ออก”
เห็นลักษณะที่ดื้อรั้นของจิ้นเฟิงเฉินแล้ว เจียงสื้อสื้อก็อดจะโกรธขึ้นมาไม่ได้
“คุณก็เห็นลักษณะนั้นของฉันแล้ว ทำไมถึงยังไม่ยอมแพ้อีก เจียงนวลนวลพูดถูก ฉันทำเพื่อเงิน ฉันทรยศแม้กระทั่งตัวเอง คุณยังไม่รู้อีกเหรอ?”
นึกถึงเรื่องที่เกิดที่งานเลี้ยง เจียงสื้อสื้อคิดแล้วก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ เรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีตไม่เคยหายไปจากสมองเธอ เด็กคนนั้น……ราวกับถูกอุ้มออกไปเมื่อครู่นี้
ตอนนี้ในสมองของเจียงสื้อสื้อค่อนข้างที่จะไม่เป็นระบบ ในใจนั้นเจ็บปวดประดุจถูกมีดหลายด้ามทิ่มแทงก็ไม่ปาน
เจียงสื้อสื้อหมุนตัวกลับมามอง จิ้นเฟิงเฉินก่อนจะเอ่ยปากขึ้น “จิ้นเฟิงเฉิน คุณรีบไปเถอะ อย่าอยู่ตรงนี้เลย ห่างจากฉันไปให้ไกลๆได้ยิ่งดี พวกเราไม่ใช่คนในโลกเดียวกัน……”
ตอนนี้เธอรู้ชัดเจนดีว่าเรื่องของเธออีกไม่นานก็คงจะถูกเปิดโปงแน่ วันนี้จิ้นเฟิงเฉินยังไม่รู้ วันหลังก็ต้องรู้แน่นอน พวกเขาคบหากันไม่ได้จริงๆ……