ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 202กินอาหารหมาไปอย่างเงียบๆ
บทที่ 202กินอาหารหมาไปอย่างเงียบๆ
เสิ่นซูหลันที่รู้สึกเห็นใจลูกสาวจึงได้รีบออกมาปกป้อง
“จะให้โทษนวลนวลคนเดียวก็ไม่ได้นะคะ! ถ้าเจียงสื้อสื้อไม่ไปทำอะไรที่น่ารังเกลียดอย่างนั้นเรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอกค่ะ แล้วอีกอย่างถ้ามีคนคิดจะตรวจสอบเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ คงถูกเปิดเผยไปนานแล้ว ตอนนั้นเราก็แค่รับปากไปแบบส่งๆ เท่านั้นเอง แต่ถ้าเกิดมันถูกแพร่งพรายออกไปจริงๆ คิดว่าเจียงสื้อสื้อมันจะทำอะไรเราได้เหรอคะ
“พอได้แล้ว ถ้าต่อไปยังพูดถึงเรื่องนี้อีก ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่”
เจียงเจิ้นเดินจากไปอย่างโกรธเกรี้ยว ส่วนเสิ่นซูหลันก็กำลังทำหน้าร้อนรน
“ตกลงตามนั้นนะ นวลนวล ฟังที่พ่อแกพูด ต่อไปถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก แล้วดูแลตัวเองดีๆ ด้วย ส่วนพ่อของแกเดี๋ยวแม่จะเกลี้ยกล่อมเอง”
พอพูดจบเสิ่นซูหลันก็รีบเดินตามหลังเจียงเจิ้นออกไป
พอทั้งสองคนจากไปหลานซือเฉินก็เดินไปที่ห้องหนังสือ
เจียงนวลนวลนั่งอยู่ที่โซฟาพักหนึ่งแล้วก็ตามเข้าไปในห้องหนังสือเหมือนกัน เธอกอดไปที่แขนของหลานซือเฉินแล้วพูดกับเขาเบาๆ ว่า “พี่ซือเฉินคะ พี่ยังโกรธฉันอยู่อีกเหรอคะ?”
นับตั้งแต่ที่กลับมาจากโรงพยาบาล หลานซือเฉินก็ทำตัวเย็นชาใส่เธอมาตลอด เมื่อกี้ตอนอยู่ต่อหน้าคุณพ่อ เขาก็จงใจเล่าเรื่องนั้นออกมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าถ้าคุณพ่อรู้เรื่องนี้เข้าท่านต้องต่อว่าเธอแน่ๆ ก็ตาม
หลานซือเฉินยังคงก้มอ่านหนังสือที่อยู่ในมือของเขาโดยที่ไม่ได้สนใจเจียงนวลนวลเลยแม้แต่นิดเดียว
ทั้งที่ตัวเองยอมถ่อมาสำนึกผิดด้วยตัวเองแล้วแท้ๆ แต่เขากลับยังแสดงพฤติกรรมแบบนี้กับเธออีก เจียงนวลนวลจึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจขึ้นมา จนตอนนี้เธอก็แอบสงสัยแล้วว่าถ้าเธอไม่ได้กำลังตั้งท้องอยู่เขาคงจะขอหย่ากับเธอไปแล้วแน่ๆ!
ทั้งที่เมื่อก่อนหลานซือเฉินไม่เป็นแบบนี้มาก่อนเลย รู้สึกว่านับตั้งแต่เจียงสื้อสื้อปรากฏตัวเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
เมื่อคืนตอนอยู่ในงานเลี้ยงเขายังไปช่วยปกป้องเจียงสื้อสื้ออีก ยิ่งคิดเจียงนวลนวลก็ยิ่งรู้สึกโกรธ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจถามเขาไป “พี่ซือเฉินคะ ในใจของพี่ยังมีผู้หญิงที่ชื่อเจียงสื้อสื้ออยู่ใช่ไหมคะ พอฉันอยากจะแฉมันพี่ถึงได้ไม่พอใจอย่างนี้ใช่ไหมคะ?”
เจียงนวลนวลรู้สึกสงสัยมากขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว หลานซือเฉินไม่ได้รักเขาเธอเลยแต่ไฟรักที่มีต่อเจียงสื้อสื้อกลับกำลังลุกไหม้ขึ้นมาอีกครั้ง
“เจียงนวลนวลนี่คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณกำลังพูดอะไรออกมา?” ในน้ำเสียงของหลานซือเฉินนั้นแฝงไปด้วยความรำคาญ
เจียงนวลนวลได้ขำออกมา “แล้วที่ฉันพูดออกมามันผิดตรงไหนกันคะ? เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่าเมื่อคืนในงานเลี้ยง ตอนที่ฉันพยายามจะพูดเรื่องนั้นออกมาพี่ก็คงไม่ห้ามฉันหรอกค่ะถ้าพี่ไม่มีใจให้มัน พี่กำลังปกป้องมันอยู่ ในใจของพี่ยังคิดถึงมันอยู่ พอแล้วค่ะ พี่ซือเฉิน ถ้าพี่ยังมีใจให้มันอยู่จริงๆ พี่ก็ไปหามันเลยค่ะ! ส่วนฉันกับลูกในท้องพี่ไม่ต้องสนใจแล้วก็ได้ค่ะ”
หลานซือเฉินรู้สึกว่าเจียงนวลนวลยิ่งพูดยิ่งไม่มีเหตุผลแล้ว เขาอยากจะเถียงกับเธอจริงๆ แต่ก็กลัวว่าจะส่งผลเสียต่อเด็กในท้อง สุดท้ายพอทนไม่ไหวเขาจึงได้เดินหนีออกไป
พอเห็นเขาตอบโต้แบบนั้น มันยิ่งทำให้เจียงนวลนวลโมโหมากยิ่งขึ้นไปอีก เธอจึงเขวี้ยงเอกสารบนโต๊ะลงไปจนกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด
“อ้าาาาาาาาาาาา! เจียงสื้อสื้อนังสารเลว”
เมื่อคืนไม่สามารถพูดเรื่องนั้นออกมาได้ เจียงนวลนวลนั้นรู้สึกไม่พอใจเอามากๆ
และสถานการณ์ตอนนี้ เธอก็คงจะไม่สามารถพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนตระกูลจิ้นได้อีกแล้ว เพราะไม่อย่างนั้นพ่อของเธอต้องจัดการเธอแน่ๆ
เจียงนวลนวลกัดฟันแน่นจนเกิดเสียงดัง แต่จะว่าไปแล้ว ในเมื่อซูชิงหยิงก็รู้เรื่องนี้เข้าแล้ว ต่อให้เธอไม่พูดมันออกมา ซูชิงหยิงก็ไม่มีทางนิ่งเฉยแน่
พอคิดได้ ที่มุมปากของเจียงนวลนวลก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา
เจียงนวลนวลมั่นใจว่าสักวันหนึ่งเจียงสื้อสื้อจะต้องสูญเสียทุกอย่างไปอย่างแน่นอน พอวันนั้นมาถึงเธอจะต้องระบายความเจ็บแค้นที่เธอได้รับในวันนี้กลับคืนไปอย่างสาสม
……
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่เจียงสื้อสื้อได้พักฟื้นอยู่ที่บ้านมาแล้วหนึ่งวัน ในเย็นวันนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็มาเยี่ยมเธอแถมยังพาเสี่ยวเป่ามาด้วย
และในมือของเสี่ยวเป่ายังถือดอกคาเนชั่นมาด้วยช่อหนึ่ง มันช่างดูสดใหม่เหลือเกิน คิดว่าคงเพิ่งซื้อมาจากร้านดอกไม้แน่ๆ
เมื่อคืนเสี่ยวเป่าคงจะถูกทำให้ตกใจมากแน่ๆ วันนี้พอเห็นหน้าเจียงสื้อสื้อเขายังดูระมัดระวังตัวอยู่เลย
เจียงสื้อสื้ออุ้มเขาขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วถามเขาไปด้วยเสียงที่อบอุ่น “ดอกไม้ช่อนี้หนูเอามาให้น้าสื้อสื้อใช่ไหมจ๊ะ?”
น้ำเสียงที่คุ้นเคย อ้อมกอดที่คุ้นเคย มันทำให้เสี่ยวเป่ารู้สึกสบายใจ เด็กน้อยได้ลืมเลือนภาพเหตุเมื่อคืนไปจนหมดสิ้น เขาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “ใช่ครับ! คุณอาบอกว่าน้าสื้อสื้อไม่สบาย เสี่ยวเป่าจึงได้ซื้อดอกไม้ช่อนี้มามอบให้น้าสื้อสื้อครับ ขอให้น้าสื้อสื้อหายป่วยเร็วๆ นะครับ”
พอได้ยินอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็ได้ยิ้มออกมา ในใจก็ยังรู้สึกผิดที่ให้เสี่ยวเป่าต้องมาเห็นเข้ากับภาพเหตุการณ์แบบนั้น โชคยังดีที่เด็กคนนี้ไม่ได้ตีตัวออกห่างเธอไป
พอเข้าห้องมา เจียงสื้อสื้อก็รีบเอาดอกไม้ช่อนั้นไปเสียบไว้ที่แจกัน ดอกคาเนชั่นสีชมพูอ่อนทำให้ทั่วทั้งห้องอบอวลไปได้กลิ่นหอมของดอกไม้
“ขอบคุณเสี่ยวเป่ามากนะจ๊ะ ดอกไม้ที่หนูให้มันสวยมากเลย น้าสื้อสื้อชอบมากเลย”
พอได้ยินอย่างนั้นเสี่ยวเป่าก็รู้สึกดีใจมากเขายิ้มออกมาจนแก้มบาน “น้าสื้อสื้อชอบมันก็ดีมากแล้วครับ!”
จิ้นเฟิงเฉินที่ยืนมองทั้งสองคนก็ได้ยิ้มออกมาอย่างอ่อนๆ เหมือนกัน แล้วก็ได้พูดออกมาว่า “ไปเตรียมตัวก่อนเถอะครับเดี๋ยวผมจะพาคุณไปพบคุณปู่”
เจียงสื้อสื้อชะงักไป แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แล้วเธอก็เดินเข้าห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ครั้งนี้ที่ไปไม่ใช่ร้านขายของเก่า หากแต่เป็นวิลล่าที่คุณท่านฉินอาศัยอยู่
เมื่อขับรถมาถึงหน้าวิลล่า พอลงจากรถ จิ้นเฟิงเฉินก็เดินจูงมือเจียงสื้อสื้อแล้วเข้าบ้านไป
เจียงสื้อสื้อนั้นอยากจะถอยกลับเหลือเกิน แต่ว่าจิ้นเฟิงเฉินก็ได้จับมือของเธอไว้แน่ๆ ไม่ยอมปล่อย สุดท้ายเจียงสื้อสื้อก็ล้มเลิกความตั้งใจจนยอมเดินตามเขาเข้าไปแต่โดยดี แล้วทั้งสองคนเดินเข้าไปข้างในพร้อมกัน
พอเห็นอย่างนั้นแววตาของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้ยิ้มออกมา
ส่วนเสี่ยวเป่าที่อยู่ข้างๆ ก็ “……”
กินอาหารหมาไปอย่างเงียบๆ
หลังจากที่เข้ามาในห้องรับแขก พอคุณท่านฉินเห็นทั้งสามคนมาก็ลุกขึ้นมาต้อนรับทันที
“สื้อสื้อ เธอมาแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง? ร่างกายดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง? ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอยู่หรือเปล่า? มาให้ตาดูหน่อยเร็ว”
ความเป็นห่วงของคุณท่านฉินมันทำให้หัวใจของเจียงสื้อสื้อนั้นอบอุ่นเหลือเกิน แต่ในเวลาเดียวกันมันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้นไปอีก
“คุณปู่ฉินคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรแล้วค่ะ หนูต้องขอโทษมากจริงๆ นะคะที่เมื่อคืนทำให้งานเลี้ยงต้องวุ่นวายขนาดนั้น แถมยังทำให้คุณปู่ต้องเป็นห่วงอีก”
ถึงงานเลี้ยงจะวุ่นวายขนาดนั้นแต่คุณท่านฉินก็ไม่ได้ใส่ใจเลย แต่สิ่งที่เขาสนใจที่สุดคือเจียงสื้อสื้อ
“ไม่ต้องขอโทษหรอก หนูไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ต้องโทษที่ตาดูแลไม่ทั่วถึงเอง”
พูดไปชายแก่ก็พาเจียงสื้อสื้อไปนั่งที่โซฟา พอพูดคุยกันไปสักพัก คุณท่านฉินก็สั่งให้พ่อบ้านไปเตรียมอาหาร แล้วทั้งสามคนก็อยู่กินข้าวเย็นที่วิลล่า
ช่วงอาหารเย็นบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกับเสียงหัวเราะที่มีความสุข ทุกคนทำตัวเหมือนคนบ้านเดียวกันโดยเฉพาะเสี่ยวเป่าที่โน้มตัวไปทับอยู่บนตัวเจียงสื้อสื้อแล้ว
“น้าสื้อสื้อครับ น้าต้องกินปลาเยอะๆ นะครับ ปลามันดีต่อร่างกาย กินเยอะๆ น้าจะได้หายไวๆ ครับ”
พอเห็นเสี่ยวเป่าคีบปลาให้เจียงสื้อสื้อชิ้นหนึ่ง เจียงสื้อสื้อก็ได้ยิ้มออกมา “ขอบคุณเสี่ยวเป่ามากๆ”
พอชายชราได้เห็นภาพนี้เข้าก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก เพราะตั้งแต่เสี่ยวเป่าเกิดมา เขาก็เป็นเด็กที่ค่อนข้างเก็บตัว คุณท่านฉินยังจำได้ดีว่าเมื่อหลายเดือนก่อน ก่อนที่เจียงสื้อสื้อจะปรากฏตัว ตอนที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะอาหารไม่เคยแม้แต่จะพูด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการคีบผักให้คนอื่นเลย
พอเห็นเหลนชายของตัวเองกลายเป็นคนที่ร่าเริงแบบนี้ คุณท่านฉินก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
แต่ว่าเจียงสื้อสื้อคนนี้เป็นคนน่ารักจริงๆ ส่วนเรื่องที่เธอกับจิ้นเฟิงเฉินอยู่ด้วยกันนั้น คุณท่านฉินก็รู้สึกชอบใจเหมือนกัน