ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 203น้อมรับการจูบของเขา
บทที่ 203น้อมรับการจูบของเขา
คุณท่านฉินอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ จึงได้เอ่ยปากถามไปว่า “แม่สาวน้อย ลึกๆ แล้วเธอก็คงจะสนใจหลานชายคนนี้ของฉันเหมือนกันใช่ไหมหล่ะ?”
เมื่อคำถามแบบนี้ถูกยิงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว นั่นจึงทำให้เจียงสื้อสื้อต้องหยุดชะงักไป ใบหน้าเริ่มแดง ชั่วขณะหนึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปว่ายังไงดี
ชายชรายิ้มออกมาอย่างชอบใจ แล้วพูดต่อไปว่า “ในเมื่อพวกเธอสองคนก็อยู่ด้วยกันแล้ว แล้วมีแผนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่หล่ะ? เสี่ยวเป่าจะได้มีครอบครัวที่อบอุ่นสักที”
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หลานชายกับเหลนของเขาจะเจอคนที่ทั้งคู่ชอบ และชายชราเองก็ถูกใจเจียงสื้อสื้อมากเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงต้องรีบส่งเสริมพวกเขา เพราะหลายสะใภ้ที่ดีเลิศขนาดนี้ต้องมีคนหมายตาอยู่มากแน่ๆ ถ้ารีบแต่งงานให้มันจบๆ ไปก็คงไม่ต้องมานั่งกังวลอะไรมากมายขนาดนั้นแล้ว
เสี่ยวเป่าเองก็ไม่ต่างกัน เขาเบิ่งตากว้างมองไปที่จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อ ถ้าพ่อกับน้าสื้อสื้อแต่งงานกันจริงๆ ก็แสดงว่าเขาสามารถอยู่กับน้าสื้อสื้อได้ทุกวันเลยสิ นี่มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ!
พอได้ยินอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อแทบจะสำลักอาหารเย็นที่กินเข้าไปออกมาหมดเลย เธออยากบอกกับชายชราไปว่าตัวเองกับจิ้นเฟิงเฉินนั้นไม่ได้พักอยู่ด้วยกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะแต่งงานกันเลย แต่พอมาคิดดูแล้วต่อให้อธิบายไปท่านก็คงไม่เชื่ออยู่ดี
เจียงสื้อสื้อจึงทำได้เพียงแค่จ้องไปที่จิ้นเฟิงเฉิน……
ริมฝีปากของจิ้นเฟิงเฉินค่อยๆ เปิดออกอย่างไม่รีบไม่ร้อน แล้วพูดไปว่า “คุณปู่ครับ เรื่องแบบนี้ยังเร็วไป คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ยังเร็วอะไรกัน ไม่เลยสักนิด เฟิงเฉิน ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันยอมรับให้เจียงสื้อสื้อคนนี้เป็นหลานสะใภ้แล้วของฉันแล้ว ถ้าแกกล้ารังแกเธอตาไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่คอยดู”
ชายชราบ่นออกมาอย่างพึมพำ แล้วหันไปหาเจียงสื้อสื้อด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “สื้อสื้อ ถ้าไอ้หมอนี่มันกล้ารังแกหนู หนูก็บอกตามาได้เลย ตาจะอยู่ข้างหนูเสมอนะ”
เจียงสื้อสื้อที่กำลังรู้สึกเขิน ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปว่ายังไงดี
จิ้นเฟิงเฉินมองดูท่าทางของคุณปู่จนทนไม่ไหวต้องขำออกมา เขาจะไปรังแกเจียงสื้อสื้อลงได้ยังไงกัน!
แล้วทุกคนก็กินอาหารเย็นกันต่อ ลึกๆ แล้วเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกตื้นตันอยู่เหมือนกัน เพราะเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจิ้นเฟิงเฉินจะเป็นหลานชายของคุณท่านฉิน ไม่นึกเลยว่าเรื่องที่มันบังเอิญขนาดนี้จะเกิดขึ้นกับเธอได้
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาในหลายวันนี้มันช่างเหมือนกับฝันจริงๆ
เนื่องจากเสี่ยวเป่าไม่ได้มาที่วิลล่าพักใหญ่แล้ว หลังจากกินอาหารเสร็จเสี่ยวเป่าจึงไปเล่นกับหมาชิบะที่คุณท่านฉินเลี้ยงไว้อยู่นานเลย ส่วนจิ้นเฟิงเฉืนก็เล่นหมากรุกเป็นเพื่อนชายชรา เจียงสื้อสื้อเองก็นั่งดูอยู่ข้างๆ
พอเล่นหมากรุกจบไปตาหนึ่ง ทุกคนก็เตรียมที่จะแยกย้าย เจียงสื้อสื้อจึงหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ให้ชายชราเมื่อคืนออกมา
“คุณปู่คะ หนูต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ หนูทำให้งานเลี้ยงเมื่อคืนต้องวุ่นวายขนาดนี้ ของขวัญที่เตรียมไว้ก็ไม่มีโอกาสได้มอบให้ แม้แต่เค้กวันเกิดยังไม่มีโอกาสได้ตัดกับท่านเลย”
คุณท่านฉินรับของขวัญมาด้วยความยินดี “พอแล้ว เธอไม่ต้องรู้สึกผิดแล้ว เรื่องมันผ่านไปแล้ว ส่วนของขวัญชิ้นนี้ตาจะรักษามันไว้อย่างดีเลย”
เจียงสื้อสื้อยิ้มตอบ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว เสี่ยวเป่าเองก็เหนื่อยแล้ว หลังจากล่ำลากับชายชราแล้วจิ้นเฟิงเฉินก็อุ้มเขาขึ้นมาโดยมีเจียงสื้อสื้อเดินอยู่ข้างๆ ทั้งคู่เดินจากไปอย่างช้าๆ
เงาของพวกเขาสะท้อนอยู่ใต้แสงไฟ เงาทั้งสามที่ปรากฏออกมานั้นช่างดูเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันจริงๆ เจียงสื้อสื้อรู้สึกสับสนไปชั่วขณะหนึ่ง เธอหวังอยู่ลึกๆ ว่าอยากให้ทั้งสามคนสามารถเดินด้วยกันอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ
……
พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวเป่าได้ลงมาจากบนตัวของจิ้นเฟิงเฉินไปเกาะอยู่ในอ้อมอกของเจียงสื้อสื้อแล้ว หนุ่มน้อยพูดออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “น้าเจียงสื้อสื้อครับ คืนนี้ให้เสี่ยวเป่านอนค้างคืนกับน้าเจียงสื้อสื้อได้ไหมครับ?”
กับคำขอร้องของหนุ่มน้อยคนนี้เจียงสื้อสื้อไม่มีทางปฏิเสธแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดว่าเสี่ยวเป่านอนที่นี่แล้วจิ้นเฟิงเฉิน………
จิ้นเฟิงเฉินเองก็แสดงออกอย่างชัดเจนเลยว่าเขาไม่ยอมกลับแน่นอน เจียงสื้อสื้อเริ่มหน้าแดงแล้ว เธอแกล้งไอออกมาแล้วหันไปพูดกับเขาว่า “คุณนอนได้แค่ที่โซฟานะคะ”
เมื่อคืนตอนอยู่ที่โรงพยาบาลจิ้นเฟิงเฉินก็นอนโซฟามาแล้วคืนหนึ่ง วันนี้เขายังต้องมานอนที่โซฟาอีก คิดแล้วเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกเจ็บปวดนิดๆ เหมือนกัน
จิ้นเฟิงเฉินเองก็ไม่อยากนอนที่โซฟาเหมือนกัน เขาจึงถอนหายใจออกมาแล้วพูดไปว่า “ไหนๆ เราก็อยู่ด้วยกันแล้วยังจะให้ผมนอนที่โซฟาอีกทำไม?”
พอได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อยิ่งแดงมากยิ่งขึ้นไปอีก เธอจึงตอบกลับไปอย่างขัดใจตัวเองว่า “ใครไปรับปากว่าจะอยู่กับคุณกัน ถ้าไม่อยากนอนก็เชิญกลับไปเลยค่ะ!”
พอพูดจบเจียงสื้อสื้อก็ชิงตัวเสี่ยวเป่ามาแล้วรีบเข้าไปในห้องนอนของตัวเองทันที
อารมณ์ขบขันปรากฏขึ้นในแววตาของจิ้นเฟิงเฉิน โดยที่เขายืนมองเจียงสื้อสื้อที่กำลังห่มผ้าห่มให้กับเสี่ยวเป่าอยู่หน้าห้อง และเธอก็ทำตัวระแวดระวังมากเป็นพิเศษ
“เสี่ยวเป่าหนูนอนไปก่อนนะ น้าสื้อสื้อไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวน้าค่อยมาเล่านิทานให้ฟังนะ”
เจียงสื้อสื้อพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน เสี่ยวเป่าก็พยักหน้าตอบด้วยความว่าง่าย
พอเห็นภาพนี้เข้า แววตาที่เย็นชาของจิ้นเฟิงเฉินก็สลายหายไป ในใจของเขาตอนนี้ถูกเติมเต็มไปด้วยความอบอุ่นแล้ว
ส่วนเจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลย เธอหยิบชุดนอนมาแล้วเตรียมตัวไปอาบน้ำ ตอนที่เดินผ่านหน้าห้องโดยมีจิ้นเฟิงเฉินยืนอยู่ตรงนั้น ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ดึงตัวเธอมากอดไว้ แล้วดันให้เธอไปชิดกับกำแพง
เจียงสื้อสื้อตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะที่เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยริมฝีปากของเขาก็จูบลงมาที่เธอทันที
“อื้ม……”
พอได้สติมาเจียงสื้อสื้อก็พยายามจะผลักเขาออก แต่จิ้นเฟิงเฉินก็กอดตัวเธอไว้ไม่ยอมปล่อย
เมื่อได้สูดดมกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ดวงตาของเจียงสื้อสื้อเริ่มเคลิบเคลิ้มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เธอเริ่มไม่ต่อต้านแล้วเธอค่อยๆ ผ่อนคลายลง แล้วยอมน้อมรับการจูบจากเขาแต่โดยดี
พอเห็นว่าเธอตอบสนองกลับมาแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินยิ่งจูบหนักขึ้นไปอีก จากนั้นมือของเขาก็เริ่มกอดรัดเธอแน่มากยิ่งขึ้นไปอีก
ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว จนเจียงสื้อสื้อรู้สึกอ่อนแรงไปหมดแล้ว และในตอนที่เจียงสื้อสื้อกำลังจะหายใจไม่ออก จิ้นเฟิงเฉินก็ค่อยๆ ปล่อยเธอออก
“คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ!” เสียงเขาพูดออกมานั้นค่อนข้างแหบร้าน ไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินนั้นตัดใจจากการได้ครอบครองตัวเธอได้ยังไงกัน
ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อนั้นแดงก่ำเป็นอย่างมาก เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปราวกับว่ามีตัวอะไรกำลังไล่ตามเธออยู่
ในห้องอาบน้ำ จนเวลาผ่านไปสักพักหัวใจดวงน้อยที่เต้นรัวของเจียงสื้อสื้อยังไม่หายสั่นเลย เธอรู้ตัวเลยว่าตัวเองได้ถลำลึกเข้าไปมากขึ้นทุกทีแล้ว การที่เธอจะขัดขืนผู้ชายคนนี้มันเริ่มยากขึ้นทุกที
หลังจากอาบน้ำเสร็จเจียงสื้อสื้อก็นอนลงบนเตียง เล่านิทานให้เสี่ยวเป่าฟัง พอเห็นเสี่ยวเป่าหลับแล้ว เธอก็ค่อยๆ หลับตามไปเหมือนกัน
……
เช้าวันต่อมา เจียงสื้อสื้อตื่นมาทำอาหาร จิ้นเฟิงเฉินที่นอนอยู่ตรงโซฟาก็ถูกกวนจนตื่น
พอเห็นเจียงสื้อสื้อที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารอยู่ในครัว จิ้นเฟิงเฉินก็ทนไม่ไหวเดินไปกอดเธอจากด้านหลัง
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
เสียงทุ้มลึกเย้ายวนของชายหนุ่มที่ดังอยู่ข้างหู ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อก็เริ่มแดงขึ้นมา ในตอนที่เธออยากให้เขาปล่อยตัวเธอออกก็มีเสียงที่ไร้เดียงสาดังขึ้น
“น้าสื้อสื้อครับ น้ากำลังทำอะไรอยู่ครับ? หอมจังเลย!”
พอเสี่ยวเป่าพูดจบถึงได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องครัว หนุ่มน้อยถึงกับเบิ่งตาโต เขาคิดในใจนี่ตัวเองไปขัดจังหวะพ่อกับน้าสื้อสื้อเข้าหรือเปล่าเนี่ย?
เจียงสื้อสื้อหน้าแดงจนเหมือนเลือดจะออก เธอเขินจนรีบเด้งตัวออกจากจิ้นเฟิงเฉินทันที
ผู้ชายคนนี้……ยิ่งนับวันยิ่งไม่รู้จักเกรงใจแล้วนะ
จิ้นเฟิงเฉินกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่มุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มอ่อนปรากฏออกมา จากนั้นเขาก็พาเสี่ยวเป่าไปอาบน้ำ