ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 227 แต่ผมไม่อยากเป็นลูกชายของคุณ
บทที่ 227 แต่ผมไม่อยากเป็นลูกชายของคุณ
ลูกบุญธรรมหนึ่งคำ ทำให้สีหน้าหลายคนล้วนต่างกัน
เจียงสื้อสื้อคืนสติกลับมา โดยสัญชาตญาณจ้องมองจิ้นเฟิงเฉิน พบเห็นสีหน้าของเขาอึมครึมอย่างมาก
จิ้นเฟิงเฉินให้เกียรติฉินมู่หลันเป็นแม่ของตนเอง ก็ไม่ดีที่จะทำให้เธอขายหน้าต่อหน้าทุกคน ได้แค่นั่งนิ่งด้วยสีหน้าเย็นชา
หลายคนในนั้น ก็มีแค่หลี่หยวนหยวนคนเดียว ที่รู้สึกโล่งอกอย่างมาก
ที่แท้คือลูกบุญธรรมนั่นเอง ถ้าไม่อย่างนั้นหน้าตาที่มีความงดงามหลายส่วนอย่างเจียงสื้อสื้อเช่นนี้ ถ้าหากว่ามีอะไรบ้างกับจิ้นเฟิงเฉิน กลัวว่าคงยากมากที่จะจัดการได้บ้าง
ทั้งสี่คนเงียบๆ ต่างคนต่างแฝงความในใจ สถานการณ์เงียบตายไปสักพัก
แต่ฉินมู่หลันก็ยังรีบถามขึ้นมาอีกประโยคว่า “คุณเจียง ขออภัยในการล่วงเกินของฉัน คุณยินดีที่จะเป็นลูกบุญธรรมของฉันไหม?”
เจียงสื้อสื้อนัยน์ตาเฉยเมย เอามีปิดปากอย่างแน่น บนใบหน้าค่อยๆยิ่งสูญสิ้นสีเลือด
ฉินมู่หลันพูดย้ำอยู่ข้างหูเหมือนเดิมว่า “ฉันก็ได้แค่ลูกชายสองคน ก็ขาดแค่ลูกสาวคนหนึ่ง……..”
เจียงสื้อสื้อตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่สามารถคืนสติกลับมา ในสมองของเธอว่างเปล่าไปหมด
เธอก็ไม่โง่เลย ฉินมู่หลันพูดเช่นนี้ทำเช่นนี้ คืออยากจะตัดความคิดของเธอให้หมดจด
อีกทั้ง ฉินมู่หลันฝีมือยอดเยี่ยมจริงๆ ทั้งๆที่ไม่ชอบเธอ กลับยังสามารถเพื่อที่จะตัดขาดความสัมพันธ์การเป็นแฟนกันของพวกเขา รับเธอเป็นลูกบุญธรรมอย่างจนใจ
สถานการณ์เช่นนี้ เธอควรจะต้องรับมือเช่นไรหรือ?
หลี่หยวนหยวนที่อยู่ข้างๆไม่เข้าใจที่ไปที่มา เธอเห็นเจียงสื้อสื้อไม่รับปากอยู่นาน ถึงขนาดเริ่มเกลี้ยกล่อมมขึ้นมาว่า “ฐานะของตระกูลจิ้น มีคนมากมายเข้าถึงไม่ได้ คุณเจียง สามารถทำให้ คุณป้าชอบคุณ นี่ถือว่าเป็นบุญวาสนาของคุณ ”
มีคนเกลี้ยกล่อม เจียงสื้อสื้อได้ยินแล้ว ย่อมถูกบังคับเอ่ยปากอย่างลำบากใจ จึงพูดออกมาคำหนึ่งอย่างลำบาก มือของเธอถูก จิ้นเฟิงเฉินดึงไป
เธอเงยหน้าขึ้น มองไปอย่างตะลึง
ในที่สุดจิ้นเฟิงเฉินก็ยากที่จะอดทนได้อีก ใบหน้าเย็นชา ดึงเธอลุกขึ้นมา “แม่ ขอโทษจริงๆ พวกเรากินอิ่มแล้ว ยังมีเรื่องต้องทำ ไปก่อนแล้วนะ”
ก็ตอนที่เขาเดินผ่านข้างตัวของ ฉินมู่หลัน เขากดเสียงต่ำลงพูดออกไปคำหนึ่งว่า “แม่ ผมให้เกียรติท่าน แต่ก็หวังว่าท่านสามารถทำแค่พอเหมาะพอควรก็หยุด อย่าทำเรื่องที่บังคับคนเช่นนี้อีกเลย”
เสียงเบามาก ได้ยินแค่เขาทั้งสอง เขาไม่อยากทำให้ฉินมู่หลันลำบากใจต่อหน้ามวลชน
ออกจากสิ่งแวดล้อมที่กดดันนั้น ทั้งสองจึงขึ้นรถไป จิ้นเฟิงเฉินอยู่ดีๆก็เอ่ยขอโทษว่า “ขอโทษครับ หวังว่าคุณอย่าได้โทษเธอ”
อย่างไรก็ตามเขาคือแม่ จิ้นเฟิงเฉินไม่อยากเห็นเจียงสื้อสื้อยังไม่ได้แต่งเข้ามา ก็เข้ากับเธอไม่ได้
เจียงสื้อสื้อยิ้มขมหนึ่งที เป็นแม่ของคน แน่นอนในใจมีแต่เพื่อที่จะให้ลูกๆดีอยู่แล้ว
เธอเข้าใจความรู้สึกคนมาโดยตลอด พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “ลองเปลี่ยนตำแหน่งมาดู หากว่าคุณคือลูกชายของฉัน มีผู้หญิงเจตนาที่จะเข้าใกล้คุณ ฉันก็ต้องขัดขวางทุกวิธีอย่างแน่นอนเช่นกัน”
เห็นเธอไม่ได้ถือสาจริงๆ ใบหน้าจิ้นเฟิงเฉินที่ตึงเครียด เวลานี้จึงอ่อนโยนลงเล็กน้อย
เขาก้มหัวลงเล็กน้อย เป่าลมไปยังข้างหูเธอทีหนึ่ง พูดอย่างยั่วยวนมากว่า “แต่ผมไม่อยากเป็นลูกชายของคุณ”
ใบหน้าเจียงสื้อสื้อแดงขึ้น เขาเพียงแค่ยกตัวอย่าง คำนี้ถึงปากของเขา ทำไมดูเหมือนคือกำลังยั่วกันอยู่ล่ะ?
เยาะเย้ยส่วนเยาะเย้ย จิ้นเฟิงเฉินนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ที่เกิดขึ้นมาอีก สีหน้าเข้มงวดขึ้นมาว่า “กลับไปผมจะจัดการเรื่องนี้ คุณไม่ต้องกังวลใจ”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม เธอย่อมเชื่อเขาอยู่แล้ว
เห็นเธอยิ้มเบิกบาน บนใบหน้าไม่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนอีก จิ้นเฟิงเฉินให้เธอจ้องมองตาของตนเองว่า “ผมถามคุณ เมื่อกี้คุณอยากจะพูดว่าเป็นอะไรกับผมหรือ?”
เจียงสื้อสื้ออึ้งไป รู้สึกตัวกลับมาอย่างเฉื่อยชา ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา หันหน้าหนีเล็กน้อย
เธออายที่จะพูดอีก เดิมทีคิดว่าหลบพ้นได้ ยังไงจิ้นเฟิงเฉินกลับไม่ยอมปล่อยเธอ
เขาจับไหล่ของเธอให้ตรง จ้องมองตรงๆไปยังนัยน์ตาที่เขินอายของเธอ
เห็นเขาตื้อเช่นนี้ เจียงสื้อสื้อรีบและพูดอย่างเสียงต่ำประโยคหนึ่งว่า “เป็นแฟน” แท้ที่จริงแล้วจิ้นเฟิงเฉินได้ยินชัดมาก ก็ไม่รู้ว่าทำไมเห็นสภาพที่คับแค้นขี้อายของเธอเช่นนี้ นัยน์ตาแฝงรอยยิ้ม บีบบังคับถามอีกครั้งหนึ่ง
เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้สังเกตถึงนัยน์ตาที่แฝงรอยยิ้มกับการคอยนั้นเลย บิดตัวไปสักพัก ในใจต่อสู้อยู่นานจึงปล่อยเสียงดังบอกว่า “ฉันพูดว่า ฉันคือแฟนสาวของคุณ”
ก็ไม่รู้ว่าทำไม เจียงสื้อสื้อในเวลานี้กลับยั่วยวนคนอย่างมากจิ้นเฟิงเฉินในเวลานั้นไม่ได้อดทนไว้ ก้มหัวลงเล็กน้อยจูบริมฝีปากทั้งคู่ของเธอไว้
ริมฝีปากของเธอ นิ่มนวลเช่นดั่งลูกท้อ
จิ้นเฟิงเฉินค่อยๆกัดลองดู ได้รับการสะท้อนกลับจากเธอ เขายิ่งมายิ่งปล่อยปละละเลยขึ้นมาอีก
ในเวลานั้น อากาศในรถร้อนแรง มือของเขา ถึงขนาดอดไม่ได้ว่าลูบหลังของเธอขึ้นมา
สมองของเจียงสื้อสื้อ “วิ้ง” หนึ่งที รู้สึกตัวกลับมา
ใบหน้าเธอแดงระเรื่อ เสียงเบาตักเตือนว่า “ในรถยังมีคนล่ะ”
วันนี้ที่มารับพวกเขาคือผู้ช่วยกู้เนี่ยน เจียงสื้อสื้อเห็นกู้เนี่ยนตัวแข็ง เกรงว่าไม่กล้ารบกวนพวกเขา
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้สนใจ พูดกับเธอประโยคหนึ่งด้วยเสียงต่ำและอ่อนโยนว่า “คุณคิดว่ากู้เนี่ยนมองเห็นหรือ?”
“อะไรนะ?”
เจียงสื้อสื้ออึ้งไปเลย คำนี้ของเขาหมายความว่าอะไรล่ะ?
จากนั้นเขา ไฮ่ เสียงเบาๆหนึ่งที ถามกู้เนี่ยนที่นั่งอยู่ข้างหน้า “กู้เนี่ยน คุณพูดสิ เมื่อกี้คุณได้ยินได้เห็นอะไรหรือเปล่า?”
กู้เนี่ยนตัวแข็ง บนคอเหมือนมีแอร์เย็นเป่ามา เขาไม่กล้าลังเล พูดต่อๆกันว่า “อ่า? เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นหรือ ผมไม่รู้อะไรเลยล่ะ!”
เจียงสื้อสื้อกลับถูกล้อจนหัวเราะแล้ว ก็ไม่ได้ตื้อต่อถึงปัญหานี้อีก
เธอยืนหยัดให้จิ้นเฟิงเฉินส่งเธอกลับไปที่บริษัท
อาหารเที่ยงดีๆมื้อหนึ่ง เดิมทีควรต้องเป็นสิ่งที่อบอุ่น ก็ถูกทำร้ายเช่นนี้แล้ว
จิ้นเฟิงเฉินย่อมไม่พอใจอยู่ดี ตอนเย็นก็เข้ามารับเจียงสื้อสื้อที่เลิกงานแล้วอีก
หลังจากทานอาหารเย็นแล้ว ขับรถตรงไปยังบ้านเธอ
เจียงสื้อสื้อเดิมตามอยู่ข้างตัวเขา มักจะรู้สึกว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
สมควรตาย เธอนี่นะกำลังแอบรอคอยอะไรอยู่บ้างล่ะ
ต่อหน้าปรากฏภาพที่ตอนเที่ยงทั้งสองกอดจูบอยู่เรื่อยๆ เธอส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม พยายามที่จะไล่ภาพเหล่านี้ออกไป
กิริยาของเธอดึงดูดให้จิ้นเฟิงเฉินหันมามอง ใบหน้าเธอแดงระเรื่อ ความร้อนบนฝ่ามือ ไม่ยากที่จะทำให้เขาเดาออกได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ทั้งสองเข้าไปก่อนและหลัง ประตูเพิ่งปิดลง เขาผลักเธอไปยังกำแพงโดยตรง
โดยสัญชาตญาณเจียงสื้อสื้อย่อตัวลงหนึ่งที ถึงขนาดหลบหนีออกมาจากการล็อกตัวของเขาอย่างง่ายดาย
จิ้นเฟิงเฉินแน่นอนคาดเดาไม่ถึงว่าเธอจะหลบหนีไปได้ ก็อึ้งไปในทันทีนั้นเลย
แต่ว่าผ่านไปสักพัก เขายืดขายาวทั้งคู่เข้าไป ทั้งสองที่โตขนาดนี้แล้ว ก็ไม่อาย เช่นดั่งเด็กๆ เล่นเกมเล็กน้อยที่เป็น “คุณวิ่งผมไล่” ขึ้นมาเลย
เจียงสื้อสื้อวิ่งรอบโซฟาหลายรอบ ไม่มีเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ ยกมือยอมแพ้ “ให้ฉันพักเอาแรงหน่อย”
แต่ใครจะคาดเดาได้ว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้หยุดก้าวเท้าเลย วิ่งตามเข้ามา ถึงขนาดหมอบอยู่บนกายของเธอ
เห็นทั้งสอง ก็จะสัมผัสใกล้ชิดอยู่บนพื้น จิ้นเฟิงเฉินใช้แรงนิดๆ พาเธอตกอยู่บนโซฟาเลย
เจียงสื้อสื้อตาโต เธอถูกเขาทับอยู่ใต้ตัวอย่างเต็มเปี่ยม
กลิ่นอายของผู้ชายที่รุนแรง โชยขึ้นมา เจียงสื้อสื้อสีหน้ามึนงงเล็กน้อย
รอเธอคืนสติขึ้นมา ริมฝีปากของเธอถูกเขากัดไว้แล้ว
ฝีมือการจูบของจิ้นเฟิงเฉินยิ่งมายิ่งยอดเยี่ยม เธอยากที่จะไม่ทำให้ตนเองจมลงอยู่ในนั้น ไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองออกมาได้