ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 268 บุกรุกในขณะที่กำลังอ่อนแอ
บทที่ 268 บุกรุกในขณะที่กำลังอ่อนแอ
ตั้งแต่เจียงสื้อสื้อหายตัวไป เสี่ยวเป่าก็ถูกพ่อเขาส่งไปที่บ้านของคุณปู่คุณย่า
“คุณอารอง หม่ามี๊ของผมจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ?” เสี่ยวเป่าแอบโทรหาจิ้นเฟิงเหราในห้องนอน
จิ้นเฟิงเหราหันหน้าไปมองเจียงเจิ้นที่นั่งอยู่ข้างหลัง ตอบกลับว่า “เสี่ยวเป่าเชื่อฟัง หม่ามี๊ของแกอีกไม่นานก็จะกลับมา”
“จริงๆหรือ? คุณอารอง คุณอย่าโกหกผมนะ”
“คุณอารองไม่ได้โกหกแก”
“อย่างงั้นผมก็ฝืนใจเชื่อคุณหนึ่งครั้ง”
ได้ยินคำพูดที่คนเล็กวิญญาณใหญ่ของเสี่ยวเป่า จิ้นเฟิงเหราอดไม่ได้หัวเราะออกมา “เสี่ยวเป่า คุณอารองยังมีธุระอยู่ ไม่พูดกับแกแล้ว”
“บ๊ายบาย”
เสี่ยวเป่าวางสายลง หยิบมือถือคิดแล้วคิดอีก จากนั้นหาเบอร์โทรของเจียงสื้อสื้อได้โทรออกไปเลย
“ขอโทษค่ะ สายที่ท่านเรียกยังไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ……..”
ยังโทรไม่ติดอีก!
เสี่ยวเป่าผิดหวังก้มหัวลง
นี่ก็นานมากแล้วนะ ทำไมโทรศัพท์ของหม่ามี๊โทรไม่ติดมาโดยตลอดล่ะ? ทำไมงานของเธอยุ่งขนาดนี้หรือ?
รอหม่ามี๊ครั้งนี้ทำงานนอกสถานที่ออกมา เขาต้องพูดกับแด๊ดดี้ว่า หม่ามี๊ทำงานเหนื่อยเกินไป ต้องให้เธอพักผ่อนดีๆสักระยะหนึ่งหน่อย และเป็นเพื่อนเขา
เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างรุนแรง ถึงเวลานั้นต้องพูดอย่างนี้กับ แด๊ดดี้อย่างแน่นอน
“เสี่ยวเป่า”
เสียงของแม่จิ้นส่งเข้ามาจากข้างนอก
เสี่ยวเป่ารีบเก็บมือถือไว้ ขาสั้นๆวิ่งออกไป
“คุณย่า ผมอยู่ที่นี่”
แม่จิ้นมองเห็นเสี่ยวเป่าวิ่งออกจากห้องนอน ขมวดคิ้วขึ้น “เสี่ยวเป่า แกอยู่ในห้องนอนทำอะไรหรือ?”
“ไม่มีอะไร” เสี่ยวเป่าส่ายหัว
ตอนที่เสี่ยวเป่าถูกส่งมาอยู่ที่นี่ จิ้นเฟิงเหราเคยสั่งเขาไว้เป็นพิเศษ ให้คุณย่ารู้เรื่องที่หม่ามี๊เขาทำงานนอกสถานที่ไม่ได้ ถ้าไม่งั้นคุณย่าก็จะแนะนำคุณน้าให้แด๊ดดี้รู้จัก
ดังนั้นเขาจะไม่บอกกับคุณย่า เรื่องที่เขาทำอยู่ในห้องนอนล่ะ
แม่จิ้นก็ไม่ได้ถามมาก ขึ้นไปจับมือของเขาไว้ “ไป พวกเราไปกินของหวานที่ข้างล่าง วันนี้มีเค้กสตอร์เบอร์รี่ที่แกชอบกิน”
ได้ยินว่ามีเค้กสตอร์เบอร์รี่ เสี่ยวเป่าตาสว่างขึ้น ดึงแม่จิ้นรีบลงไปข้างล่าง
……
แม่จิ้นจ้องมองเสี่ยวเป่าที่กินอย่างมีความสุข ถามอย่างสงสัยว่า “เสี่ยวเป่า แกมาอยู่กับคุณปู่คุณย่าที่นี่หลายวันขนาดนี้แล้ว แกล้วนไม่คิดถึง น้าสื้อสื้อ คนนั้นหรือ?”
แต่ก่อนเขามาถึงที่นี่ก็รีบจะกลับไปบ้านของตนเอง จะกลับไปหาเจียงสื้อสื้อคนนั้น แต่ว่าครั้งนี้ เขาถึงขนาดอยู่หลายวันขนาดนี้ อีกทั้งก็ไม่งอแงที่จะหาผู้หญิงคนนั้น
แปลกประหลาดมากจริงๆ
“คิดถึงไง” เสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้น ยัดเค้กใส่เต็มปาก แก้มพองขึ้น ช่างน่ารักมาก
“งั้นแกจะกลับไปไหม?”
“ไม่ครับ” เสี่ยวเป่าส่ายหัว
“ทำไมหรือ?”
“เพราะว่าหม่ามี๊ไม่อยู่ไง”
เด็กยังไงก็เป็นเด็ก ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม นิดๆหน่อยๆก็พูดออกมาหมดแล้ว
“ไม่อยู่หรือ?” แม่จิ้นขมวดคิ้วขึ้นมา
เสี่ยวเป่าตอนนี้จึงรู้สึกตัวตนเองพูดออกมาหมดแล้ว รีบพูดว่า “หม่ามี๊ทำงานยุ่งมาก ไม่อยู่บ้าน”
แม่จิ้นรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆขนาดนี้
หากว่าแค่งานยุ่ง เสี่ยวเป่าก็จะไม่อยู่นานขนาดนี้อีก ไม่ว่ายังไงก็ต้องเลิกงาน
แต่การระมัดระวังของเสี่ยวเป่าเต็มใบหน้า แม่จิ้นรู้ตัวว่าถามต่ออีกก็ถามอะไรไม่ได้แล้ว
เธอคิดว่าเธอไม่ได้เจอลูกคนโตมานานแล้ว เธอควรที่จะไปดูเขาสักหน่อย ห่วงใยๆเขาแล้ว
……
จิ้นเฟิงเฉินเลิกงานตามเวลากลับไปที่บ้าน เข้าบ้านทันที พ่อบ้านก็พูดเสียงเบาว่า “คุณชาย คุณหญิงกับคุณหลี่มาแล้ว”
คุณหลี่หรือ?
หลี่หยวนหยวน หรือ?
จิ้นเฟิงเฉินสีหน้าตกใจ เดินเข้าไปอย่างก้าวใหญ่
“หยวนหยวน นึกไม่ถึงว่าฝีมือของคุณดีขนาดนี้”
“ที่ไหนล่ะ คือคุณน้าท่านไม่รังเกียจ”
“ฉันไม่รังเกียจอยู่แล้ว ยังชอบมากด้วย”
ในห้องครัวส่งเสียงคุยกันอย่างมีความสุขออกมา จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไป
“แม่”
ได้ยินเสียง คนทั้งสองที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวหันหน้ามาพร้อมกัน
“เฟิงเฉิน” แม่จิ้นจ้องมองเขาอย่างดีใจ
และ หลี่หยวนหยวน ที่อยู่ข้างเธอจ้องมองเขาหนึ่งที ก็เขินอายแล้วก้มหัวลง “พี่ใหญ่จิ้น”
“แม่ ท่านมาทำอะไรหรือ?” จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองแม่อย่างไม่พอใจ
เห็นจิ้นเฟิงเฉินมองตนเองสักทีก็ไม่มี ใบหน้า หลี่หยวนหยวน ยากที่จะปกปิดความผิดหวัง
แม่จิ้นเห็นแล้ว ก็ไม่สนใจที่จะตอบคำถามของลูก ดึง หลี่หยวนหยวน มาที่ต่อหน้าของตนเอง พูดว่า “เธอ หยวนหยวน มาหาแก อย่างน้อยแกก็ทักทายกับเธอหน่อย”
จิ้นเฟิงเฉินก็ยังไม่มอง หลี่หยวนหยวน สักที พูดกับแม่โดยตรงว่า “แม่ ถ้าท่านไม่มีเรื่องอะไรก็กลับไปเถอะ”
ท่าทีของเขาทำให้แม่จิ้นโมโหทันที “เฟิงเฉิน ฉันสอนแกตั้งแต่เล็กยังไง คนที่มาคือแขก รู้ไหม? แกยังมีมารยาทสักหน่อยไหม?”
ถูกมองข้าม ในใจ หลี่หยวนหยวน ก็มีความโมโหเล็กน้อยด้วย แต่เห็นแม่จิ้นโมโหแล้ว ได้แค่กดความโมโหไว้ เสียงอ่อนโยนเกลี้ยกล่อมว่า “คุณน้า พี่ใหญ่จิ้นทำงานทั้งวันแล้ว คนน่าจะเหนื่อยแล้ว ท่านอย่าโมโหกับเขาเลย”
“ยังไงก็เป็นคุณ หยวนหยวน ที่รู้กาลเทศะกว่า”
อยู่ในภายใต้การเกลี้ยกล่อมของ หลี่หยวนหยวน ความโมโหของแม่จิ้นลดลงสักหน่อย เธอเหล่ตามองจิ้นเฟิงเฉินหนึ่งที “แกถ้ารู้กาลเทศะได้ครึ่งหนึ่งของ หยวนหยวน ฉันก็วางใจแล้ว”
เดิมทีจิ้นเฟิงเฉินอารมณ์ก็ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่ดีมาก แต่เพราะว่าฝั่งตรงข้ามคือแม่ของตนเอง ก็โมโหไม่ได้
“ผมขึ้นไปข้างบนแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินไม่สนใจพวกเธออีกต่อไป หมุนตัวแล้วออกไปเลย
“เฟิงเฉิน!” แม่จิ้นโมโหจนร้องเสียงดัง
แต่จิ้นเฟิงเฉินหูทวนลม หน้าก็ไม่หันเดินไปเลย
“เด็กคนนี้!” แม่จิ้นทั้งโมโหทั้งจนใจ
เธอได้แค่หันหน้ามาบอกกับ หลี่หยวนหยวน ว่า “ขอโทษอย่างมากจริงๆนะ เฟิงเฉินก็เป็นอารมณ์แบบนี้ แกอย่าโมโหเขาเลย”
หลี่หยวนหยวน ยิ้ม “คุณน้า ฉันจะโมโหพี่ใหญ่เฟิงได้ยังไงล่ะ?”
“อย่างงั้นก็ดี” เห็นเธอรู้กาลเทศะขนาดนี้ แม่จิ้นยิ่งดูยิ่งพอใจ เธอมองไปรอบๆ พูดต่ออย่างเสียงเบาว่า “หยวนหยวน แกช่วงนี้มาเดินเล่นบ้านน้านี่มากหน่อย ก็ได้ปลูกฝังความรักกับเฟิงเฉิน”
“คุณน้า ท่านพูดอะไรล่ะ?” หลี่หยวนหยวน เขินอายมาก
แม่จิ้นยิ้มตบมือเธอ นัยน์ตาแวววาว
เธอได้ถามคนใช้แล้ว มีช่วงเวลาหนึ่งไม่ได้เจอเจียงสื้อสื้อแล้ว ดูแล้ว ระหว่างเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
ถ้าเช่นนี้ล่ะก็ หยวนหยวน สามารถบุกรุกในขณะที่กำลังอ่อนแอพอดี
นึกถึงตัวเองจะมีลูกสะใภ้ที่พอใจคนหนึ่ง รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของแม่จิ้นยิ่งเบิกบาน
……
“คุณชายรอง เคยสืบแล้ว ประธานเจียงไม่ได้ช่วยคุณเจียงหนีไปเลย”
“แน่ใจหรือ?” จิ้นเฟิงเหราหันหน้าไปมองลูกน้องที่เข้ามารายงานผล
ลูกน้องพยักหน้า “แน่ใจครับ”
“ออกไปเถอะ”
หลังจากรอลูกน้องออกไปแล้ว จิ้นเฟิงเหราลุกขึ้นมาเดินไปที่ข้างหน้าเจียงเจิ้นที่ถูกมัดไว้ มือทั้งสองกอดหน้าอกไว้ ก้มหัวจ้องมองเขา “คุณไม่รู้ว่าพี่สะใภ้ของผมหายตัวไปแล้วจริงๆหรือ?”
เจียงเจิ้นล้วนใกล้จะร้องไห้แล้ว “คุณชายรอง คุณมีคนหายตัวไปแล้วก็มาหาผมอย่างนี้ไม่ได้ ผมไม่รู้จริงๆ อีกทั้งคุณก็ไม่ใช่ให้คนไปสืบชัดเจนแล้วหรือ? คุณก็ปล่อยผมไปเถอะ”
จิ้นเฟิงเหราทำตัวตรง เดินไปยังโซฟาที่อยู่ข้างๆนั่งลง ขายาวสลับไขว้กัน เงยหน้าขึ้น สายตาเย็นชาตกอยู่ที่บนกายของเจียงเจิ้น “คุณคือพ่อของพี่สะใภ้ผม ผมไม่ไปหาคุณจะไปหาใครล่ะ?”
“พ่อหรือ?” เจียงเจิ้นเผลอหัวเราะออกเสียง “คุณก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าสื้อสื้อเธอไม่ยอมรับผมคนนี้เป็นพ่อสักนิด จะมาหาผมให้ช่วยได้ยังไงล่ะ?”