ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 298 เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว
บทที่ 298 เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว
“ชอบจริงๆ หรือ?”
“อืม ค่ะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้าหงึกๆ
จิ้นเฟิงเฉินเองก็ยิ้มและเก็บมือถือของเขาลง ก่อนจะจูงมือเธอ “พวกเราขึ้นไปดูชั้นบนกันเถอะ”
เจียงสื้อสื้อเองก็ชอบบ้านหลังนี้เข้าจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่ยืนอยู่ระเบียงชั้นสอง ทั้งลมทะเลที่พัดปะทะใบหน้า ทั้งวิวทะเลที่ราบเรียบ ดูกว้างใหญ่ไพศาลที่เข้าสู่สายตาของเธอ ทำให้ความปีติและพึงพอใจปรากฏสู่ใบหน้าของเธอ จนไม่อาจหุบยิ้มได้เลย
“ฉันชอบที่นี่จริงๆ นะ” เธอหันหน้ามามองเขา ด้วยแววตาอันสวยงาม ที่เต็มไปด้วยความสุขสว่างและความปีติยินดี ทำให้แววตาของเธอยิ่งดูสวยงามขึ้นเป็นพิเศษ
จิ้นเฟิงเฉินเองก็ยิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยน “แค่คุณชอบก็ดีแล้วล่ะ”
“ขอบคุณนะคะ” เจียงสื้อสื้ออิงไหล่ของเขา ตอนนี้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างมาก
จิ้นเฟิงเฉินเองก็เอื้อมมือไปโอบเธอไว้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน : “ถ้าหากว่าคุณชอบ พวกเราก็ย้ายมาอยู่ที่นี่กันนะ”
“ย้ายมาที่นี่หรือคะ?”
“อืม”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว ถึงที่นี่จะดีแค่ไหนก็ตาม แต่ก็อยู่ห่างจากเขตตัวเมืองไกลไปหน่อยนะ
แถมเขายังต้องเข้าไปทำงานทุกวัน เสี่ยวเป่าเองก็ต้องเข้าเรียนอนุบาล ดูไม่สะดวกสุดๆ เลย
“เอาเป็นว่ามาเที่ยวที่นี่ทุกสุดสัปดาห์ดีกว่านะคะ” เจียงสื้อสื้อพูด
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม “แล้วแต่คุณละกันนะ”
เจียงสื้อสื้อเองก็ยิ้มให้เขา หลังจากนั้นก็เคลื่อนสายตาไปมองยังทะเลไกลๆ พร้อมทั้งเงยหน้าขึ้น เพื่อรับลมทะเลที่เข้ามาปะทะอย่างสุขกายสบายใจ
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนเที่ยงคืนกว่าๆ พวกเขาจึงจะกลับเข้ามาในเมือง พร้อมทั้งวางแผนเอาไว้ว่า วันสุดสัปดาห์วันพรุ่งนี้ จะพาเสี่ยวเป่ามาเที่ยวที่นี่ด้วย
……
แต่แผนที่วางไว้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
จิ้นเฟิงเฉินมีประชุมกะทันหัน จึงได้ให้คนขับรถที่บ้าน มาส่งเจียงสื้อสื้อกับเสี่ยวเป่า มาที่บ้านพักตากอากาศที่ริมทะเลแทน
“ไปเที่ยวกัน!” พอได้ยินว่าจะไปที่ชายหาด เสี่ยวเป่าก็ร้องออกมาอย่างยินดี
แต่พลันเขาก็นิ่งเงียบลงอย่างรวดเร็ว
เขาเอียงคอพร้อมกับเอามือค้ำคางเอาไว้ ราวกับกำลังคิดบางอย่างอย่างจริงจัง
เจียงสื้อสื้อที่กำลังเก็บข้าวของลงกระเป๋าสำหรับสองวันอยู่ พอจู่ๆ ไม่ได้ยินเสียงของเสี่ยวเป่า เธอก็เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าเขากำลังอยู่ในท่าทางครุ่นคิดเคร่งเครียดอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “กำลังคิดอะไรอยู่หรือจ้ะ?”
“หม่ามี๊ ผมพาชุดว่ายน้ำไปด้วยได้ไหมครับ? แล้วก็ยังมีอีก ผมอยากจะเอาเครื่องมือขุดทรายไปด้วย ได้ไหมครับ?” เสี่ยวเป่าโผมาตรงหน้าของเธอ ก่อนจะเงยใบหน้าที่ดูจิ้มลิ้มของเขา ขึ้นมองเธออย่างมีความหวัง
เธอจึงลูบใบหน้าของเขา พร้อมกับยิ้มพูด : “ได้แน่นอนสิจ้ะ”
“ดีจังเลยครับ!” เสี่ยวเป่ากระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ก่อนจะโน้มกายลงไปหอมแก้มของเธออย่างหนักหน่วง “ขอบคุณนะครับหม่ามี๊”
เจียงสื้อสื้อเองก็รู้สึกได้ถึง ใจที่มีความสุขขึ้นโดยพลัน
ทำไมเขาถึงได้น่ารักแบบนี้นะ?
เสี่ยวเป่าวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเอง เพื่อหยิบชุดว่ายน้ำกับเครื่องมือขุดทรายของเขา แต่เขาก็กลับไม่เจอชุดว่ายน้ำอยู่เลย
“หม่ามี๊ๆ ชุดว่ายน้ำของผมหายไปแล้ว” เสี่ยวเป่าวิ่งตะโกนกลับมาอย่างร้อนรน
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “หายไปแล้วหรือ?”
“ครับ หายไปแล้ว แบบนี้ผมคงจะเล่นน้ำที่ชายหาดไม่ได้แน่เลย” เสี่ยวเป่าคอตกอย่างผิดหวัง
“หม่ามี๊จะช่วยหาให้เองนะจ้ะ” พอเห็นท่าทางที่ผิดหวังของเขา เจียงสื้อสื้อก็จูงมือเขาเดินออกไปทันที
แต่หลังจากแทบจะพลิกตู้เสื้อผ้าออกมาดู โดยที่ไม่ให้มุมใดมุมหนึ่งเล็ดรอดออกไปได้ ก็ยังหาชุดว่ายน้ำของเสี่ยวเป่าไม่เจอเลย
“เสี่ยวเป่า ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปซื้อใหม่อีกชุดดีกว่านะ” เจียงสื้อสื้อเสนอขึ้น
พลันใบหน้าที่อึมครึมของเสี่ยวเป่า ก็สุกสว่างขึ้น “ได้เลยครับ”
เจียงสื้อสื้อเองก็ยิ้มตอบ “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ”
……
คนขับรถพาพวกเธอมาส่งที่ห้างสรรพสินค้า ใกล้ๆ กับบ้านของเธอในเมืองจิ่น
เจียงสื้อสื้อกับเสี่ยวเป่าเองก็มุ่งตรงไปยังร้านขายชุดว่ายน้ำทันที เพราะอยากจะรีบหาชุดว่ายน้ำ เพื่อไปที่ชายทะเลให้เร็วที่สุด
ทั้งเลือกชุดว่ายน้ำ จ่ายเงิน ทุกขั้นตอนใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีเท่านั้น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า พอเดินออกมาจากร้านเท่านั้น ก็เจอเข้ากับเจียงนวลนวลและเสิ่นซูหลันเข้า
พอเสิ่นซูหลันมองเห็นเธอ ก็รีบพุ่งเข้ามาด้วยอารมณ์โกรธ ก่อนจะยกมือราวกับจะตีเธอยังงั้น
ยังโชคดีที่เธอตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะปลีกตัวหลบไปด้านข้าง
พอเห็นว่าตีไม่โดน เสิ่นซูหลันก็ชี้นิ้วไปที่เธอ ก่อนจะด่าเธอออกมาคำโต : “คนต่ำช้าอย่างเธอกลับมาที่นี่อีกทำไมกัน? เป็นเพราะเธอแท้ๆ พ่อของเธอเกือบจะไม่มีชีวิตรอดแล้วนะรู้ไหม?”
พอได้ยินแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็ขมวดคิ้วหนัก “ที่พูดนั่นหมายความว่าอะไรหรือคะ?”
ทำไมพ่อของเธอเกือบจะไม่มีชีวิตรอดแล้วล่ะ?
เสิ่นซูหลันยิ้มอย่างเยือกเย็น “แกล้งโง่หรือไงกัน?”
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะคะ ฉันจะแกล้งโง่ไปทำไมกัน?” เจียงสื้อสื้อสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามตัดสินใจไม่ไปสนใจพวกเธอ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองโมโหจนบ้าไป จึงจูงมือของเสี่ยวเป่าพร้อมพูดว่า : “พวกเราไปกันเถอะเสี่ยวเป่า”
พอเห็นว่าเธอกำลังจะหนี เจียงนวลนวลก็รีบเข้ามาขวางเอาไว้ “เจียงสื้อสื้อ ถ้าวันนี้เธอไม่พูดออกมาให้ชัดเจนล่ะก็ ก็อย่าคิดว่าจะกลับไปได้เลย”
พลันเจียงสื้อสื้อก็สังเกตถึงท้องของเธอ ที่มันดูชัดเจนอย่างมาก
มือที่จูงเสี่ยวเป่าอยู่ก็กำแน่นอย่างไม่รู้ตัว พร้อมความโกรธเกลียดและไม่เต็มใจ ท่วมท้นขึ้นมาในใจ
เธอนึกสภาพที่เธอตั้งท้องขึ้นมาในปีนั้น คนที่เพิ่งจะเป็นแม่คนครั้งแรกอย่างเธอ ก็รอคอยวันที่ลูกของเธอจะถือกำเนิดขึ้นมาทุกวัน
ถึงแม้ว่าจะเพื่อเงินก็ตามแต่ เธอก็ยังรักเด็กคนนั้นอยู่ดี
ถ้าหากตอนนั้นไม่ใช่เพราะพวกเธอล่ะก็ เธอก็คงไม่ต้องถูกบังคับ ให้แยกห่างออกจากลูกแน่ๆ
เจียงนวลนวลรู้สึกได้ว่า เธอกำลังจ้องเขม็งมาที่ท้องของตัวเอง อีกทั้งยังมองอารมณ์ไม่ออกอีก เธอจึงเอียงตัวไป เพื่อไม่ให้เธอมองดูตามจิตใต้สำนึก
“เจ็บนะครับหม่ามี๊” มือของเสี่ยวเป่าถูกกำแน่นเสียจนปวด
พอได้ยินเสียงนั้น เจียงสื้อสื้อก็ได้สติกลับมา ก่อนจะหันไปมองดูเสี่ยวเป่า เธอเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเธอกำมือของเขาแน่นเกินไป จึงรีบคลายมือออกทันที
“ขอโทษนะจ้ะเสี่ยวเป่า”
เสี่ยวเป่าส่ายหัว “ผมไม่เป็นอะไรครับหม่ามี๊”
“หม่ามี๊?” เจียงนวลนวลได้ยินเสี่ยวเป่าเรียกเจียงสื้อสื้อแบบนั้น เธอก็หัวเราะเยาะออกมา “เจียงสื้อสื้อ เธอไม่อยากได้ลูกของตัวเอง แต่กลับให้คนอื่นเรียกตัวเองว่าแม่เนี่ยนะ เธอนี่จิตใจโหดเหี้ยมจริงๆ เลย”
สิ่งที่เธอเพิ่งจะพูดออกมา ทำให้ความโกรธของเจียงสื้อสื้อพุ่งพล่านขึ้นมาทันที “เจียงนวลนวล ในปีนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจนะ”
“รู้ดีแก่ใจเรื่องอะไรกัน?” เจียงนวลนวลแสร้งทำเป็นใสซื่อ “เธอบอกฉันว่า เธอตั้งท้องเพื่อเงินไม่ใช่หรือไง?”
เจียงสื้อสื้อกำมือแน่น พร้อมทั้งจ้องไปที่เธอเขม็ง
เจียงนวลนวลเองก็มองไปยังผู้คนที่อยู่รอบๆ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ : “เธอทำเรื่องที่หน้าไม่อายพวกนั้น ทำไมฉันจะเข้าใจดีล่ะ? ถ้าหากฉันเข้าใจล่ะก็ ตอนนั้นฉันก็คงจะห้ามเธอไว้แล้วล่ะ”
ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันซุบซิบ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดดูแคลนเจียงสื้อสื้อทั้งนั้น
หากเป็นเมื่อก่อนที่ได้ยินคำพูดที่ว่า เธอก็คงจะโกรธจนทะเลาะกันเจียงนวลนวลไปแล้วแน่ๆ
แต่ตอนนี้จิตใจเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว
จิตใจทั้งหมดของเธอ ควรจะใช้ไปกับคนที่คุ้มค่าเท่านั้น ไม่ใช่เอาไปไว้พวกหมาแมวเหล่านี้
เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเผยรอยยิ้มมุมปากถามขึ้น : “พูดจบแล้วหรือยัง?”
พอเห็นว่าเธอไม่สะเทือนอะไร เจียงนวลนวลก็ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะจ้องเธออย่างสงสัย ทำไมมันถึงได้ใจเย็นแบบนี้นะ? ไม่คิดจะโต้กลับอะไรสักหน่อยเลยหรือ?
เจียงสื้อสื้อหันไปมองเสิ่นซูหลัน “คุณเองก็ต้องพูดให้ชัดเจนด้วยนะคะ ว่าทำไมพ่อของฉันถึงเกือบจะไม่มีชีวิตรอด? แล้วก็……”
เธอเคลื่อนสายตาไปมองเจียงนวลนวล ก่อนจะยิ้มเยาะขึ้น “เธออย่าหวังว่าจะเอาเรื่องเมื่อตอนนั้นมาทำร้ายฉันได้นะ มันไม่มีประโยชน์หรอก ถึงก่อนหน้านี้ฉันจะกลัว แล้วอยากจะปิดบังก็ตาม แต่ตอนนี้ฉันไม่กลัวอีกแล้ว อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเลย ตามใจเธอแล้วกัน”
สิ่งที่เธอกลัวที่สุด ก็คือการที่จิ้นเฟิงเฉินรู้เรื่องดังกล่าว แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว ทำให้เธอไม่กลัวอะไรอีกต่อไป
อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ไปขโมย ไปยิงใคร หรือไปทำผิดกฎหมายอะไรเลย จึงแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ไม่กลัวว่าคนข้างหลังเธอจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรกัน
“นี่แก!” พอเห็นว่าทำอะไรเธอไม่ได้ สีหน้าของเจียงนวลนวลก็เปลี่ยนไปดูแย่ขึ้นทันที ก่อนจะฉุนเฉียวจนกัดฟันกรอด
“ถ้าหากว่าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะ” เจียงสื้อสื้อไม่อยากจะเสียเวลากับพวกเธอไปมากกว่านี้ จึงจูงมือเสี่ยวเป่าก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว