ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 318 มีลูกได้เสมอถ้าต้องการ
บทที่ 318 มีลูกได้เสมอถ้าต้องการ
เมื่อกลับมายังที่จอดรถ จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ติดเครื่องในทันที แต่เขากลับมองไปยังเจียงสื้อสื้อที่กำลังใส่เข็มขัดนิรภัย
เมื่อสังเกตได้ถึงสายตาของเขาที่มองมา เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มและถามขึ้นว่า “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ทำไมไม่บอกผมครับ” จิ้นเฟิงเฉินถาม
เธอชะงักชั่วครู่ เมื่อรู้สึกตัวจึงได้ยิ้มแล้วตอบไปว่า “ฉันต้องบอกอะไรเหรอคะ?”
จากนั้นเธอก็มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูดต่อไปว่า “ต่อให้ฉันรู้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ อีกอย่างฉันเข้าใจดีว่าการที่คุณปิดบังความจริงเอาไว้ ก็เพราะว่ากลัวฉันรู้แล้วจะเสียใจและส่งผลต่อการฟื้นฟูร่างกาย”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอประโยคนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็รู้ดีว่าภายในใจเธอเป็นกังวล
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะและมองเธอด้วยสายตานุ่มนวลพร้อมแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดในใจ พูดว่า “ผมยอมเห็นคุณอาละวาด ดีกว่าเห็นคุณเป็นแบบนี้นะ!”
อาละวาดอย่างนั้นเหรอ?
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนที่ฉันรู้เรื่อง ฉันก็โมโหมากจริงๆและอยากจะไปถามคุณให้ชัดเจนว่าทำไมถึงต้องปิดบังเรื่องแบบนี้กับฉัน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆและหันไปมองเธอเขา พูดว่า “จากเรื่องในครั้งนี้ ฉันคิดได้แล้วว่าการเศร้าโศกเสียใจไปไม่มีประโยชน์ สู้เรารักษาสิ่งที่ดีที่สุดไว้ตอนนี้จะดีกว่าเหรอคะ?”
การที่เธอคิดได้ดังนี้ทำให้เขาเจ็บปวดใจนัก
“สื้อสื้อ……”
เขาดึงตัวเธอมาไว้ในอ้อมกอด
กลิ่นหอมจากร่างกายเธอปะทะที่จมูกของเขา เขาน้ำตาคลอเบ้าอย่างบอกไม่ถูก
ใบหน้าของเธอซบกับอกของเขา เมื่อได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเขา เธอก็หลับตาลงน้ำตาไหลรินลงมา
ลูกไม่อยู่กับเธอแล้ว……
ที่จริงเธอเองไม่เคยรู้ว่ามีลูกมาก่อน หากเธอรู้เรื่องก่อนหน้านี้ ลูกเธอคงจะไม่จากไปแบบนี้ใช่ไหม?
น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีคำว่าถ้าหาก…..
เสียงร้องไห้ของเธอดังขึ้นภายในรถ จิ้นเฟิงเฉินเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก เขากอดเธอเอาไว้แน่นด้วยแรงที่มี
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด เธอจึงตั้งสติได้
มือใหญ่ของเขาสัมผัสไปตามเส้นผมเธอ จิ้นเฟิงเฉินพูดเบาๆว่า “ลูกของเราแค่จากไปชั่วคราวเขาจะกลับมาอีกแน่นอน”
เสียงของเขาแหบแห้ง เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
เจียงสื้อสื้อเดิมทีหยุดร้องไห้แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแบบนั้นก็ร้องไห้ออกมาอีก
“ไม่ร้องไห้นะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้าและจุมพิตไปที่หน้าผากของเธอ มือทั้งสองข้างจับไปที่แก้ม นิ้วของเขาปาดน้ำตาลที่ไหลรินของเธอ
“ฉันเสียใจนี่คะ……”
เจียงสื้อสื้อพูดด้วยท่าทางน้อยใจ
ที่จริงเธอก็ไม่อยากร้องไห้ออกมา แต่เธออดไม่ได้จริงๆ
แม้เธอจะพูดออกมาว่าไม่เป็นไร แต่การที่สูญเสียลูกไปตัวเธอนั้นเจ็บปวดที่สุด
เธอนึกถึงลูก ที่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหน
“เพียงแค่คุณต้องการ พวกเราก็มีลูกได้ตลอดเวลา”
เมื่อเจียงสื้อสื้อได้ยินคำพูดของเขาแบบนั้นก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นหน้าเธอก็แดงระเรื่อ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตากับเขา
“คุณพูดอะไรน่ะ” เธอพูดออกมาเสียงเบาๆ
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ “ผมพูดเรื่องจริง”
เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้นและมองดูแววตาที่จริงจังจากเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ตกลงค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินลูบหัวของเธอแล้วพูดว่า “พวกเรากลับโรงพยาบาลกันเถอะครับ”
……
เมื่อกลับถึงโรงพยาบาล พวกเขาทั้งสองคนก็ไปเยี่ยมจิ้นเฟิงเหราและพบว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้ว
พยาบาลกำลังเปลี่ยนสายน้ำเกลือให้กับเขา ไม่รู้ว่าพยาบาลมือหนักหรือเขาขี้ขลาดจนเกินไป ตอนที่ใส่สายน้ำเกลือเขาหลับตาปี๋
แม่จิ้นทนเห็นลูกชายเจ็บปวดอย่างนั้นต่อไปไม่ไหวจึงได้พูดกับพยาบาลว่า
“นี่คุณ ทำเป็นหรือเปล่าน่ะ?แค่ใส่สายน้ำเกลือก็ทำไม่เป็นหรือไง?เป็นพยาบาลได้ยังไงเนี่ย?”
พยาบาลคนนั้นตกใจจนตาแดง เมื่อเธอกังวลก็ทำให้ใส่ได้ไม่ดี และต้องถอนเข็มออกมาใหม่
จิ้นเฟิงเหราเจ็บจนน้ำตาไหลออกมา เขามองไปยังพยาบาลด้วยสายตาน่าสงสารและพูดว่า “คุณคนสวยครับ เบามือหน่อยได้ไหม?ผมเจ็บจริงๆนะครับ”
“ขอโทษค่ะ!ขอโทษค่ะ!”
พยาบาลสาวกล่าวขอโทษอย่างไม่หยุดปาก
ดวงตาเธอแดงก่ำ มองแล้วน่าสงสาร
จิ้นเฟิงเหรานึกไปถึงอีกคนหนึ่ง เขาก็ใจอ่อนและพูดว่า “อย่าร้องไห้เลยครับ ผมร่างกายแข็งแรงขนาดนี้จะทิ่มแทงสักกี่ทีก็ได้”
เมื่อแม่จิ้นได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้างและพูดว่า “เฟิงเหรา พูดอะไรของลูกน่ะ?”
“แม่ครับ ผมไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าแม่ดุพยาบาลแบบนี้ทุกคนแล้วใครจะกล้ามาใส่สายน้ำเกลือให้ผมเนี่ย”
แม่จิ้น ทำสีหน้าไม่ถูก การที่ลูกชายของตนพูดแบบนี้คล้ายกับว่าเธอเป็นพวกไม่มีเหตุผลอย่างไรอย่างนั้น
“ถ้างั้นแกก็อย่าร้องว่าเจ็บสิ!”แม่จิ้นมองไปยังลูกชายของเธอและพูดกับพยาบาลว่า “แม่หนู ได้ยินที่เขาพูดแล้วใช่ไหมอย่ากังวลไปเลย ผ่อนคลายหน่อย”
พยาบาลคนนั้นเช็ดน้ำตาและยิ้มให้กับจิ้นเฟิงเหรา จากนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติใส่สายน้ำเกลือให้เขาใหม่
ในที่สุดก็สำเร็จ!
แม้จะยังเจ็บ แต่จิ้นเฟิงเหราก็อดทนได้ เขายิ้มแล้วพูดกับพยาบาลว่า “ดูสิ ถ้าคุณไม่เครียดก็ทำได้ดีนี่ และไม่เจ็บด้วย”
พยาบาลคนนั้นยิ้มและตอบเขาว่า “ขอบคุณค่ะ”
เขาพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ”
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ป้ายชื่อของพยาบาลแล้วพูดว่า “ส้งหวั่นชีง ชื่อคุณเพราะดีนี่”
พยาบาลคนนั้นหน้าแดงในทันทีและพูดว่า “ขอบคุณ”
เมื่อเจียงสื้อสื้อเข้ามาเห็นฉากนี้ก็ยิ้มและนึกในใจว่า “เจ้าหมอนี่ สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงก็ยังไม่วายที่จะจีบสาวนะ สุดยอดจริงๆ”
“ดูท่าทางแล้วไม่เลวนี่!”
จิ้นเฟิงเฉินเดินตรงเข้าไปแล้วยิ้มให้กับน้องชายที่นอนอยู่บนเตียง
“พี่ครับ พี่สะใภ้”จิ้นเฟิงเหราลืมความเจ็บปวดบนร่างกาย และพยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่เขาก็เจ็บจนต้องนอนลงไป
“โอ๊ยเจ็บจังเลย!เจ็บจังเลย!”
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” พยาบาลคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาถาม
เจียงสื้อสื้อมองดูพยาบาลคนนั้น และมองไปทางจิ้นเฟิงเหราพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายว่า “ระวังตัวหน่อยสิ เดี๋ยวก็เจ็บหนักกว่าเดิมหรอก”
จิ้นเฟิงเหราหัวเราะแหะๆ แล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ ครับวางใจผมได้เลย ไม่กี่วันผมก็กระโดดได้เหมือนเดิมแล้ว”
“อย่ารีบดีใจไป การรักษาอย่างน้อยต้องผ่านไปร้อยวันหรือไม่ก็ครึ่งปี ไม่อย่างนั้นแกไม่มีวันกลับมาวิ่งหรือกระโดดได้หรอก”
แม่จิ้นพูดกับเขา
“โห แม่ครับ!แม่จะให้กำลังใจผมหน่อยไม่ได้หรือไง” จิ้นเฟิงเหราทำเป็นไม่พอใจ ทำให้คนที่ได้ยินหัวเราะออกมา
“แม่ครับ แม่กลับไปพักผ่อนเถอะ ผมจะดูแลน้องให้เอง” จิ้นเฟิงเฉินพูด
แม่จิ้นพยักหน้าและตอบว่า “ฝากด้วยนะ”
เมื่อเธอกำลังหันหลังจากไป ก็มองเห็นเจียงสื้อสื้อที่ยืนอยู่และพูดว่า “สื้อสื้อ เธอยังฟื้นฟูร่างกายได้ไม่ดี กลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะ เรื่องของเฟิงเหราอย่าได้กังวลใจไปเลย”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
แม่จิ้นยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจกับแม่ขนาดนี้หรอก ถ้าอยากกินอะไรก็บอกเฟิงเฉินมานะ แม่จะให้แม่บ้านทำมาให้”
“ค่ะแม่” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า
“งั้นแม่กลับก่อนนะ”
เมื่อแม่จิ้นจากไป พยาบาลก็เดินตามหลังเธอออกไปด้วย ในห้องผู้ป่วยมีเพียงพวกเขาแค่สามคน บรรยากาศครึกครื้นเมื่อครู่เปลี่ยนไปในทันที จิ้นเฟิงเหราที่ยิ้มแย้มก็กลับถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พี่ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”