ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 326 ยิ่งปกปิดยิ่งเห็นได้ชัด
บทที่ 326 ยิ่งปกปิดยิ่งเห็นได้ชัด
พูดกับพ่อบ้านเสร็จ แม่จิ้นหันหน้ามา มองเจียงสื้อสื้อ พูดว่า “ช่วงนี้เธออยู่ที่นี่ ต้องการอะไรหรืออยากกินอะไร ก็บอกฉันได้เลยนะ ทำเหมือนอยู่บ้านตัวเอง”
เจียงสื้อสื้ออบอุ่นในใจ พยักหน้าแล้วยิ้ม “ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณน้า”
“ตอนนี้ยังถือว่าเธออยู่เดือน พยายามพักผ่อนเยอะๆ อย่าให้ตัวเองเหนื่อย ดูแลสุขภาพสำคัญที่สุด”
“ค่ะ ฉันจะระวังมากขึ้น”
แม่จิ้นห่วงใยเธออย่างจริงใจ เจียงสื้อสื้อซาบซึ้งแล้วซาบซึ้งอีก แม้แต่ความวิตกกังวลเล็กน้อยในใจก็หายไป
หลังจากพูดคุยกับแม่จิ้นเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็กลับห้องพักผ่อน
เพิ่งเข้าห้อง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
คือลู่เจิง
เธอรีบกดรับสาย “รุ่นพี่”
“สื้อสื้อ เธอออกโรงพยาบาลแล้วเหรอ?”
“ใช่ค่ะ คุณมาหาฉันที่โรงพยาบาลเหรอ?”
“เธอเดา?”
ลู่เจิงยืนอยู่ในห้องผู้ป่วยที่ว่างเปล่า พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเล็กน้อย
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตัวเองพูดถูก ให้เขาไปเสียเที่ยว เจียงสื้อสื้อรู้สึกผิดเล็กน้อย “ขอโทษค่ะรุ่นพี่ ลืมบอกคุณ”
“ไม่เป็นไร เธออย่าคิดมาก” ลู่เจิงพูดและเดินออกจากห้อง “เธอออกโรงพยาบาลก็ดีแล้ว แบบนี้ฉันก็โล่งใจ”
“แล้วตอนนี้เธออาศัยอยู่ที่ไหน?” ลู่เจิงถาม
“บ้านตระกูลจิ้น”
ได้ยินคำตอบนี้ ลู่เจิงชะงักเล็กน้อย คิ้วขมวด “บ้านตระกูลจิ้น?”
“อื้อ” เจียงสื้อสื้อเดินไปนั่งที่เตียง ถาม “รุ่นพี่หาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ฉันส่งข้อมูลทั้งของบริษัทนั้นให้เธอทางอีเมลล์ อีกสองสามวันสินค้าอาจจะส่งมาที่ฉัน ถึงเวลาฉันค่อยเอาให้เธอ”
“สินค้าอะไร?”
“น้ำหอม”
ได้ยินว่าเป็นน้ำหอม เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ พูดเยาะเย้ยตัวเอง “ดูเหมือนว่าฉันจะมีความสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์ประเภทนี้นะ”
เธอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ออกแบบโปรแกรมโฆษณาแทนKevin แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับน้ำหอมโดยตรง แต่บริษัทของkevinก็เคยทำน้ำหอม
ดังนั้น เธอมีความรู้เกี่ยวกับน้ำหอมอยู่บ้าง
ลู่เจิงรู้ว่าเธอนึกถึงตอนที่ช่วยบริษัทkevinทำแผนการโฆษณา จึงยิ้มและพูด “ดังนั้นอีกฝ่ายจึงเรียกให้เธอมาทำโปรแกรมประชาสัมพันธ์ครั้งนี้”
“ถ้ารุ่นพี่ไม่แนะนำ เขาก็ไม่รู้จักฉันหรอกค่ะ”
เจียงสื้อสื้อยังคงรู้ตัวเอง เธอรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร มากสุดเป็นแค่นักออกแบบโฆษณาที่มีความสามารถไม่เลว
“นั่นก็เพราะเธอมีความสามารถ ฉันจึงแนะนำเธอ”
ทำไมจู่ๆ ก็กลายเป็นว่าชมกันเองล่ะ?
เกรงว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ ก็ไม่จบไม่สิ้นสักที
ดังนั้น เจียงสื้อสื้อจึงรีบพูด “รุ่นพี่คะ พวกเราไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เดี๋ยวฉันดูเอกสารเสร็จ ก็เริ่มทำโปรแกรมทันที ร่างแรกจะส่งให้คุณดูก่อนนะคะ”
ลู่เจิงตอบกลับ “ครับ” แล้วเปลี่ยนบทสนทนา “คุณแม่เธอ ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว สามารถย้ายโรงพยาบาลได้เลย”
หลายวันก่อนเขาไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล เธอพูดถึงเรื่องช่วยแม่เธอย้ายกลับโรงพยาบาลที่เมืองจิ่น เขากลับไปจึงรีบติดต่อโรงพยาบาลของเมืองหนาน ทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลให้เรียบร้อย
เมื่อได้ยิน เจียงสื้อสื้อเซอร์ไพรส์มาก “จริงเหรอคะ?”
“อืม ย้ายได้ตลอด”
“ขอบคุณมากๆ นะคะ รุ่นพี่”
เหมือนว่านอกจากขอบคุณ เธอก็ไม่รู้ว่าจะขอบคุณเขายังไง เขาช่วยเธอไว้เยอะมาก ส่วนเธอติดเขาไว้เยอะมาก
แม้ว่าจะมีโทรศัพท์กั้นไว้ ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความดีใจของเธอ ลู่เจิงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
เพียงแค่เธอมีความสุข สิ่งที่ตัวเองทำก็คุ้มค่าแล้ว
มีคนเคยถามเขา สิ่งที่ให้ไปแล้วไม่ได้ตอบแทนมันคุ้มค่าเหรอ?
ตอนนั้นเขาไม่ได้ตอบ เพราะไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร ตอนนี้เขารู้แล้ว
เพียงแค่เธอมีความสุข แม้ว่าจะไม่ได้ผลตอบแทน มันก็คุ้มค่า
……
หลังจากวางสาย เจียงสื้อสื้อมองดูรอบๆ คิ้วบางขมวด ไม่มีคอมพิวเตอร์ เธอจะทำงานยังไง?
ให้เฟิงเฉินเตรียมพิวเตอร์ให้เธอดีไหม?
เธอกำลังจะโทรศัพท์ ก็เห็นจิ้นเฟิงเฉินถือโน้ตบุ๊คเดินเข้ามา
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันต้องการมัน?” ดวงตาของเจียงสื้อสื้อเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เขาเหมือนกับซานตาคลอสจริงๆ ไม่ว่าเวลาไหนก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร
“เธอต้องช่วยลู่เจิงทำโปรแกรมประชาสัมพันธ์ไม่ใช่เหรอ? ฉันจึงช่วยเธอเอาคอมพิวเตอร์มา”
จิ้นเฟิงเฉินนำคอมพิวเตอร์วางบนโต๊ะข้างเตียง แล้วพูดต่อ “ฉันอนุญาตให้เธอทำงาน แต่ต้องจำไว้ว่า ถ้าเธอทำงานเธอก็ต้องพักผ่อน เข้าใจไหม?”
“นายวางใจได้ ฉันจะนอนให้เต็มอิ่มแล้วค่อยทำงานแน่นอน” เจียงสื้อสื้อตบหน้าอกตัวเองสัญญากับเขา
“ถ้าฉันจับได้ว่าเธอไม่พักผ่อน มัวแต่ทำงาน ฉันจะยึดคอมพิวเตอร์คืน” จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้าขึ้น เตือนเธออย่างจริงจัง
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเต็มใจ
เพราะว่าโดยนิสัยของเธอ บางครั้งทำงานขึ้นมาก็จะลืมเวลา เขาเหมือนบังคับเธอเล็กน้อย
“สื้อสื้อ” มือทั้งสองข้างของจิ้นเฟิงเฉินวางไว้บนไหล่ของเธอ ก้มหัวลงจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ “ฉันรู้ว่าเธอชอบทำงาน ฉันจึงไม่ได้ห้ามเธอ เพราะว่าฉันอยากให้เธอมีความสุข ดังนั้น……”
“หยุดพูดได้แล้ว” เจียงสื้อสื้อยกมือปิดปากเขา “ฉันสัญญา ฉันจะไม่มัวแต่ทำงานจนลืมพักผ่อน”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม ดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมอก มือหนาลูบหลังเธอเบาๆ
อุ่นใจจัง
เจียงสื้อสื้อหลับตาแล้วพิงอกเขา เสียงหัวใจเต้นของเขาเต้นข้างหู เสียงเหมือนกำลังเข้าไปอยู่ในหัวใจของเธอ
ทั้งสองคนกอดกันเงียบๆ บรรยากาศอบอุ่น
“สื้อสื้อ”
เสียงของแม่จิ้นดังเข้ามา เจียงสื้อสื้อตกใจรีบผลักจิ้นเฟิงเฉินออก เหมือนเด็กทำความผิด มองไปที่ประตูอย่างลุกลี้ลุกลน
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว มองเธออย่างทำอะไรไม่ถูก
ทำไมเธอดูเหมือนนักเรียนที่โดนครูจับได้ว่ากำลังมีความรัก?
แม่จิ้นเดินเข้ามา เห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินก็อยู่ ถามอย่างสงสัย “นายกลับมาเมื่อไหร่?”
“เมื่อกี้”
แม่จิ้นพยักหน้า แล้วมองมาที่เจียงสื้อสื้อ สังเกตเห็นว่าหน้าเธอแดง ดวงตามีความคมชัด ถามด้วยรอยยิ้ม “ฉันรบกวนพวกเธอหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะเปล่าค่ะ คุณน้า ไม่รบกวนสักนิดเลยค่ะ”
เจียงสื้อสื้อตอบอย่างรวดเร็ว และโบกมือ ท่าทางกระตือรือร้นรีบปฏิเสธทำให้แม่จิ้นขบขัน
“ทำไมเธอน่ารักขนาดนี้ล่ะ?”
รู้ตัวว่าตัวเองปฏิเสธเร็วเกินไป ทำให้รู้สึกเหมือนยิ่งปกปิดยิ่งเห็นได้ชัด เจียงสื้อสื้อทำไมตัวไม่ถูก แล้วเหลือบไปมองจิ้นเฟิงเฉินที่ยืนข้างๆ
เผลอสบตากับดวงตาคมลึกของเขา เธอตกใจรีบหลบตา
แต่วินาทีต่อมา อารมณ์เสียสุดๆ
พระเจ้า!
เธอกำลังเขินอะไร?
เป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำท่าทางสบายใจหน่อยไม่ได้เหรอ?
“สื้อสื้อ ฉันให้ที่ห้องครัวเคี่ยวซุปไว้แล้ว เธอลงไปดื่มตอนที่ยังร้อนนะ” แม่จิ้นพูด
“ได้ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อกำลังคิดอยากรีบออกจากที่นี่ ดังนั้น เธอไม่มองจิ้นเฟิงเฉิน ก้มหัวแล้วรีบเดินออกไป
มองร่างเธอที่หายไปจากหน้าประตู แม่จิ้นพูดยิ้มๆ “นึกไม่ถึงเลยว่าหน้าสื้อสื้อจะบางขนาดนี้”
คิ้วของจิ้นเฟิงเฉินขยับเล็กน้อย “คุณแม่ หลังจากนี้ถ้าผมอยู่บ้าน ท่านพยายามอย่าเข้าห้องของสื้อสื้อ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่จิ้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เด็กคนนี้ กลัวแม่มองเห็นอะไรเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินเงียบ
แม่จิ้นหัวเราะอย่างมีความสุข รับปากไว้ “ค่ะค่ะค่ะ ฉันสัญญา หลังจากนี้จะไม่รบกวนพวกเธอสองคน”