ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 344 ฉันไปกับพวกคุณได้มั้ยคะ
บทที่ 344 ฉันไปกับพวกคุณได้มั้ยคะ
ระหว่างทางที่กลับโรงแรม สีหน้าของเจียงสื้อสื้อค่อนข้างหนักหน่วง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในเมื่อกี๊ ก็ทำให้ไม่มีอารมณ์ที่จะเล่นต่อแล้ว
เธอดึงแขนเสื้อของจิ้นเฟิงเฉินแล้วพูด “เฟิงเฉิน เรากลับกันเถอะค่ะ ฉันเหนื่อยแล้ว”
“โอเคครับ” จิ้นเฟิงเฉินตอบเสียงอ่อนโยน
เขารู้ว่าเรื่องของเมื่อกี๊ต้องกระทบเจียงสื้อสื้อไม่มากก็น้อย แบกเสี่ยวเป่าไว้ที่ไหล่ก็ได้เดินทางกลับโรงแรมเลย
เสี่ยวเป่ายังเล่นไม่ค่อยหนำใจ แต่เห็นหม่ามี๊ก็เหนื่อยแล้วจริงๆ จึงเชื่อฟังแต่โดยดีไม่ได้พูดอะไร แต่ว่า วันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตเลยจริงๆ
กลับมาถึงโรงแรม เจียงสื้อสื้อได้ชำระล้างให้เสี่ยวเป่าอย่างเรียบง่าย ก็ได้กอดเสี่ยวเป่าหลับที่บนเตียงแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินไปซื้ออาหารว่างกลับมา เห็นหน้าตาที่หลับสนิทของทั้งสองแล้ว รู้สึกสบายใจมาก
เดินมาที่ขอบเตียง ห่มผ้าให้ทั้งสองอย่างละเอียดอ่อน และนอนลงที่ข้างกายของเจียงสื้อสื้อ
ร่างกายของเจียงสื้อสื้อที่อยู่ในฝันรู้สึกได้ถึงที่มาของความร้อน จึงได้เคลื่อนย้ายจากที่มาของความร้อน จิ้นเฟิงเฉินมองดูใบหน้าที่หลับเหมือนเด็กของเธอ ได้กอดเธอไว้ในอ้อมอกอย่างแน่น
“ก๊อกๆๆ”
ไม่รู้นอนไปนานเท่าไหร่ เสียงเคาะประตูก้องมา เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมาจากความฝันอย่างไม่เต็มใจ
เดิมทีเจียงสื้อสื้ออยากลงจากเตียงไปเปิดประตู แต่ผู้ชายที่นอนอยู่ข้างกายกลับจับเอวเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เธอจึงต้องผลักเขา จิ้นเฟิงเฉินมองเจียงสื้อสื้อด้วยสายตาพร่ามัว และสีหน้างงงวย
“เฟิงเฉิน มีคนมาเคาะประตู ฉันไปดูหน่อยค่ะ”
“ห้ามไป”
จิ้นเฟิงเฉินที่ถูกปลุกจนตื่นสีหน้าดูแย่มาก เขาออดอ้อนเหมือนเด็ก และไม่ยอมปล่อยมือเลยสักนิด
แต่เสียงเคาะประตูยังดังขึ้นต่อเนื่อง นี่ทำให้เจียงสื้อสื้อลำบากใจมาก
“เฟิงเฉิน ฉันแค่ไปดูแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวก็กลับมาแล้วค่ะ ถ้าเกิดมีเรื่องสำคัญจริงๆล่ะ คุณอย่าเพิ่งก่อกวน”
ภายใต้การจู่โจมที่อ่อนโยนของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินถึงค่อยๆปล่อยเธอลงจากเตียง
หลังจากเจียงสื้อสื้อเปิดประตู พบว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือคุณหมอของโรงพยาบาลในก่อนหน้านี้ เธอค่อนข้างงงงวยว่าพวกเขามาทำอะไร?
“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง ขอโทษด้วยที่มารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ แต่ว่าผู้หญิงที่ส่งมาเย็นนี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โวยวายอยู่ตลอดว่าจะเจอหน้าคุณกับสามีของคุณครับ” คุณหมอหนึ่งในนั้นพูดอย่างรู้สึกผิด
“ไม่ไป” เสียงเย็นชาก้องมา เห็นจิ้นเฟิงเฉินเดินมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
เดินมาที่ข้างกายของเจียงสื้อสื้อ เอาเธอมาปกป้องไว้ที่ด้านหลัง จิ้นเฟิงเฉินอยู่ในวงการธุรกิจมานาน มีความระแวดระวังที่แข็งแกร่งมาก
“คุณชายจิ้น ผมรู้ว่ารบกวนพวกคุณเป็นความผิดของพวกเรา แต่ศีรษะของคนไข้คนนั้นเหมือนได้รับการกระทบกระทั่ง ความทรงจำค่อนข้างสับสน จำได้แค่คุณกับภรรยาของคุณ ถ้าพวกคุณไม่ไปล่ะก็ พวกเราก็ควรรักษาให้เธอต่อไม่ได้แล้วครับ”
ได้ยินคำพูดของหมอ จิ้นเฟิงเฉินค่อนข้างอารมณ์ขึ้น เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา “ผมบอกแล้วว่าไม่ไป พวกคุณติดต่อตำรวจและญาติของเธอโดยตรงเลย”
หลังจากหมอถูกปฎิเสธโดยตรง รู้สึกค่อนข้างอึดอัด
เจียงสื้อสื้อดึงชายเสื้อของจิ้นเฟิงเฉินแล้วพูด “พวกเราไปดูหน่อยเถอะค่ะ ถือว่าทำเรื่องดีเรื่องหนึ่งก็แล้วกัน”
หลังจากเจียงสื้อสื้อเปิดปาก สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินถึงซอฟลงมาบ้าง
ที่โรงพยาบาล ทั้งคู่ถูกพามาที่ห้องผู้ป่วยของหญิงสาว หญิงสาวหดตัวอยู่ที่หัวมุมของเตียงอย่างขี้ขลาด มองเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่อยู่รอบๆอย่างระมัดระวังตัว
ตอนที่เห็นเจียงสื้อสื้อ หญิงสาวเหมือนเห็นสิ่งที่ช่วยชีวิตได้ เข้าใกล้มาที่ทิศทางของพวกเธอ
เธอจับมือของเจียงสื้อสื้อไว้อย่างระมัดระวังและพูด “พี่คะ ขอบคุณที่พวกพี่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้นะคะ”
หลังจากถูกเธอจับมือไว้ เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วอย่างควบคุมไม่ได้ เธอดึงมือออกอย่างไม่เห็นร่องรอย และพูดอย่างเรียบเฉย “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ ตอนนี้ที่คุณต้องทำคือให้ความร่วมมือกับหมอ ถ้าไม่มีธุระอะไร งั้นฉันขอตัวก่อนค่ะ”
เห็นเธอจะไป หญิงสาวรีบจับแขนเสื้อเธอไว้และพูดว่า “พี่คะ ฉันไม่รู้จักใครเลย ตอนนี้ก็จำอะไรไม่ได้ด้วย ฉันขอไปกับพวกพี่ก่อนได้มั้ยคะ ฉัน…….ฉันกลัวค่ะ”
ระหว่างพูดร่างกายของเธอยังสั่นไหวด้วย เจียงสื้อสื้อเห็นแล้วเกิดความเห็นอกเห็นใจขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
เปลี่ยนมาคิดอีกมุมหนึ่ง พรุ่งนี้พวกเขาก็จะกลับประเทศแล้ว พาคนที่ไหนก็ไม่รู้กลับบ้าน ต้องมีปัญหาเพิ่มขึ้นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเจียงสื้อสื้อไม่อยากสร้างปัญหาให้จิ้นเฟิงเฉิน
ได้แต่ปฎิเสธไปอย่างตรงๆ “ขอโทษด้วยค่ะ พวกเราพาคุณกลับไปไม่ได้ พรุ่งนี้พวกเราก็จะไปจากที่นี่แล้ว ถ้าคุณมีความต้องการอะไร ทางตำรวจจะให้ความช่วยเหลือกับคุณเองค่ะ”
หญิงสาวได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ก้มหน้าลง เสียใจและผิดหวังมาก
มองดูเธอ เจียงสื้อสื้อรู้สึกผิดอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอหยิบกระดาษออกมาจดเบอร์โทรของตัวเอง แล้วยื่นให้กับหญิงสาว
“นี่คือเบอร์มือถือของฉัน ถ้าคุณมีปัญหาอะไร สามารถโทรหาฉันได้ค่ะ”
หญิงสาวดีอกดีใจ รีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณนะคะ พี่สาว!”
เจียงสื้อสื้อไม่ได้อยู่ที่นี่นาน ก็ได้ไปจากโรงพยาบาลกับจิ้นเฟิงเฉินแล้ว
เธอไม่ได้เอาเรื่องนี้มาใส่ใจเลย ก็ถือว่าเป็นฉากสอดแทรกในการท่องเที่ยวครั้งนี้เฉยๆ
วันที่สอง ทั้งสามคนได้นั่งเครื่องแต่เช้า กลับมาถึงที่บ้าน
“คุณย่าครับ!”
หลังลงจากรถ เสี่ยวเป่าก็ได้พุ่งเข้าไปในอ้อมอกของแม่จิ้นอย่างไว
“อุ๊ย หลานรักของย่า!” แม่จิ้นอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมาที่อ้อมอกโดยตรง และไม่อยากปล่อยมือ
“สื้อสื้อ เป็นไงบ้าง หลายวันนี้เที่ยวได้สนุกมั้ย?” แม่จิ้นถามด้วยความเป็นห่วง
“พวกเราเที่ยวได้สนุกมากค่ะ คุณน้า” เจียงสื้อสื้อตอบอย่างอ่อนหวาน
“พี่กับพี่สะใภ้นี่ช่างแล้งน้ำใจจริงๆ ออกไปเที่ยวกันเอง ลืมน้องชายคนนี้สนิทเลยใช่มั้ย?”
ระหว่างพูด เสียงของจิ้นเฟิงเหราก้องมา วันนี้หลังจากได้ยินทั้งสามคนลงเครื่อง จิ้นเฟิงเหราก็อยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีกไม่ไหว เลยทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลโดยตรง
มองดูเขาที่ขากระเผลก เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ งั้นคราวนายหน้าพาแฟนไป เราไปเที่ยวด้วยกันนะ”
“เป็นความคิดที่ดีเยี่ยม” แม่จิ้นเห็นด้วยกับข้อเสนอ
ได้ยินคำพูดของทั้งสอง จิ้นเฟิงเหรารีบพูดอย่างโหยหวน “พี่สะใภ้ ได้โปรดเถอะครับ อย่าเป็นแม่สื่อแม่ชักเหมือนแม่เลยครับ ผมยังไม่อยากเข้าไปในหลุมศพไวขนาดนั้นนะ”
พอพูดจบ พวกเขาทั้งหลายได้หัวเราะกันเสียงดัง
มองดูพวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อารมณ์ของจิ้นเฟิงเฉินผ่อนคลายลงไปมากอย่างควบคุมไม่ได้ พอนึกถึงบริษัทมีงานมากมายที่ต้องให้เขาจัดการ จึงได้สอบถาม “พ่อครับ ตอนนี้บริษัทเป็นยังไงบ้างครับ?”
พ่อจิ้นคิดๆแล้วพูด “บริษัทขับเคลื่อนได้ปกติ แต่มีเอกสารบางส่วนที่ต้องให้แกเป็นคนเซ็นต์ชื่อเอง”
“ได้ครับ งั้นผมจะจัดการให้เสร็จคืนนี้เลยครับ”
ถึงแม้ช่วงนี้มีพ่อจิ้นคอยดูแลบริษัทอยู่ แต่ยังไงประธานก็คือจิ้นเฟิงเฉิน ย่อมไม่ใช่เขาพูดอะไรก็อย่างนั้นอยู่แล้ว
หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้เข้าไปในห้องอ่านหนังสือ เจียงสื้อสื้อรู้ว่าเขาต้องมีเรื่องเคลียร์มากมายแน่นอน เลยไม่ไปรบกวนเขาอย่างรู้ตัว
เธอกับแม่จิ้นได้เล่นเป็นเพื่อนกับเสี่ยวเป่าอยู่ที่ชั้นล่าง
หลังจากทานข้าวเสร็จ จิ้นเฟิงเหราก็ได้ถือไม้เท้าเดินเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ เห็นจิ้นเฟิงเหราเข้ามา จิ้นเฟิงเฉินถามโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามอง “มีธุระอะไร?”
“พี่ สถาบันวิจัยในต่างประเทศส่งข่าวกลับมา บอกว่าไมโครชิพที่ก่อนหน้านั้นคิดค้นใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เอกสารที่ทำเสร็จได้ส่งมาที่อีเมล์ของผมแล้ว แต่ดูเหมือนมีคนอยากจะแย่งชิงไป”
จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างเคร่งขรึม