ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 349 ทำเหมือนคุณน่าเบาใจอย่างงั้นแหละ
บทที่ 349 ทำเหมือนคุณน่าเบาใจอย่างงั้นแหละ
ภายใต้ความช่วยเหลือของเสี่ยวเป่าส้งหวั่นชีงก็ไม่อาจปฏิเสธต่อ
แม่จิ้นที่อยู่ข้างๆก็พูดอะไรไม่ออก ทุกคนก็ได้แต่ไปร้านอาหารพร้อมกัน
พอมาถึงร้านอาหาร จิ้นเฟิงเหราได้นั่งลงอยู่ข้างๆของส้งหวั่นชีงแล้วยื่นเมนูอาหารให้เธอโดยตรง ส้งหวั่นชีงรีบผายมือปฏิเสธ
เดิมทีเธอก็รู้สึกรบกวนพวกเขามากพอแล้ว ตอนนี้ยังจะให้เธอสั่งอาหารอีก เธอรู้สึกเกรงใจจริงๆ
เห็นท่าทางสองคนนี้แล้ว เจียงสื้อสื้อแอบหัวเราะ ดูท่าสองคนนี้คงมีอะไรสนุกแน่ เพื่อไม่ให้ส้งหวั่นชีงตกที่นั่งลำบาก เจียงสื้อสื้อได้รับเมนูอาหารมา
ระหว่างรับประทานอาหารอยู่นั้น ส้งหวั่นชีงท่าทางดูเกร็งมาก ปล่อยตัวตามสบายไม่ได้สักที เจียงสื้อสื้อเองก็สามารถเข้าใจความรู้สึกเธอดี ดังนั้น เลยดูแลเธอเป็นพิเศษตลอด
แต่จิ้นเฟิงเหรากลับทำท่าเหมือนคุณชายไฮโซ ท่าทางนั่งอย่างกับนักเลงอยู่ตรงนั้น
หลังจากที่เจียนสื้อสื้อคุยเล่นกับส้งหวั่นชีงอยู่สักพัก เธอก็เริ่มคุ้นเคยขึ้นเยอะ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านหยกนั้น เจียงสื้อสื้อถามขึ้น “หวั่นชีง เธอซื้อกำไลหยกจะไปให้ใครงั้นเหรอ ?”
ส้งหวั่นชีงพยักหน้าพูด “ วันเกิดของแม่ใกล้จะถึงในไม่กี่วัน ฉันเลยอยากจะซื้อกำไลหยกนี้เป็นของขวัญให้แม่ค่ะ ”
เจียงสื้อสื้อได้ยินแล้วพูดด้วยยิ้ม “ เธอก็เป็นลูกที่กตัญญูมากเลยนะ ”
“ฉันกับแม่ใช้ชีวิตพึ่งพากันมาตลอด เมื่อก่อนเราจนมาก แต่ตอนนี้ ฉันมีกำลังแล้ว เพราะฉะนั้น ฉันอยากใช้กำลังที่มี ทำอะไรเพื่อแม่บ้าง ” พอพูดถึงเรื่องนี้ ส้งหวั่นชีงก็หลุบตาลง
ได้ยินที่เธอพูดแล้ว แม่จิ้นที่นั่งอยู่ข้างๆถามขึ้นมา “ แล้วพ่อของเธอล่ะ ?”
พอเอ่ยถึงพ่อ แววตาของส้งหวั่นชีงรู้สึกเศร้าขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงสะอึก “ พ่อของหนูป่วยตายตั้งแต่หนูยังเด็ก แม่กับหนูเลยใช้ชีวิตลำบากมาตลอด ”
แม่จิ้นเองก็คิดไม่ถึงว่าจะไปถามถึงเรื่องเศร้าในใจของเธอ รู้สึกเก้อขืนในทันที
เห็นหางตาของส้งหวั่นชีงมีน้ำตาไหลออกมา จิ้นเฟิงเหราหยิบทิชชู่บนโต๊ะยื่นให้เธอแล้วพูด “ เรื่องมันผ่านไปแล้ว จะไปพูดถึงอีกทำไม รีบกินข้าวซะ เดี๋ยวกับข้าวก็เย็นหมด ”
ระหว่างที่พูดก็คีบกุ้งตัวใหญ่ไว้ในถ้วยของส้งหวั่นชีง ส้งหวั่นชีงมองหน้าจิ้นเฟิงเหราอย่างซาบซึ้งใจทีนึง จากนั้นก็เงียบไป ไม่พูดอะไรต่อ
“คุณส้ง คุณไม่ต้องเกรงใจเลยนะ ตัวคุณผอมขนาดนี้ ต้องทานเยอะๆหน่อย ”
หลังจากที่รู้ชาติกำเนิดของส้งหวั่นชีงแล้ว ท่าทีของคุณแม่จิ้นก็ดีขึ้นมาก
ส้งหวั่นชีงได้ยินแล้วพูด “ ขอบคุณมากนะคะคุณน้า คุณน้าไม่ต้องเกรงใจกับหนูขนาดนี้ก็ได้ค่ะ เรียกหนูว่าหวั่นชีงก็ได้ค่ะ เรียกคุณส้งแล้ว หนูไม่กล้ารับไว้หรอกค่ะ ”
แม่จิ้นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ตอนทานข้าวส้งหวั่นชีงชอบเสี่ยวเป่ามาก ชอบคีบอาหารที่อยู่ทางเธอให้เสี่ยวเป่าตลอด แล้วปอกกุ้งให้กับเสี่ยวเป่าในถ้วยอีกหลายตัว
เสี่ยวเป่าให้เกียรติเธอเป็นอย่างมาก ทานของที่เธอคีบให้จนหมด เขาทานและพูดไปด้วย “ พี่สาวคนสวยครับ พี่มีแฟนหรือยังครับ เสี่ยวเป่าชอบพี่คนสวยมากเลยครับ ”
คำพูดของเสี่ยวเป่าเพิ่งออกจากปาก ก็เจอกับสายตาดุร้ายของจิ้นเฟิงเหรา เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาเคาะที่หัวของเสี่ยวเป่าทีนึงสั่งสอนเขา “ ไอ้เด็กเปรต อายุแค่นี้ก็รู้จักคำว่าชอบแล้วเหรอ อีกอย่าง นายควรเรียกว่าคุณน้าคนสวย ไม่ใช่พี่สาว ”
เสี่ยวเป่าร้องเจ็บ พูดอย่างไม่ยอมแพ้ “ เสี่ยวเป่าชอบที่คุณน้าคนสวนดีกับเสี่ยวเป่า อีกอย่าง คุณน้าคนสวยก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณอาสักหน่อย เสี่ยวเป่าจะชอบ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณอา ”
พูดจบ ยังทำหน้าผีให้จิ้นเฟิงเหราทีนึง คำพูดของเสี่ยวเป่าทำเอาส้งหวั่นชีงกับเจียงสื้อสื้อขำมาก ไม่นึกเลยว่าเสี่ยวเป่าจะแก่แดดขนาดนี้
จิ้นเฟิงเหราถูกยั่วจนโต้กลับไม่ออก ทำท่าเหมือนจะตีเขาอีกรอบ เสี่ยวเป่ารีบหลบเข้าไปซุกอกคุณแม่จิ้น แถมแกล้งทำหน้าสงสาร “ คุณย่าครับ คุณอาจะตีผม ”
แม่จิ้นได้ยินคำนี้แล้ว ชกไปที่ไหล่ของจิ้นเฟิงเหราทีนึง กอดเสี่ยวเป่าไว้แล้วพูด “ คุณย่าได้แก้แค้นแทนเสี่ยวเป่าแล้วนะ ”
เสี่ยวเป่าซุกอยู่ในอกของแม่จิ้นมองหน้าของจิ้นเฟิงเหราอย่างได้ใจ จิ้นเฟิงเหราทำอะไรไม่ได้
เห็นทุกคนหยอกเล่นกัน เจียงสื้อสื้อรู้สึกถึงได้ว่าความรู้สึกที่จิ้นเฟิงเหรามีต่อพยาบาลสาวคนนี้ไม่ธรรมดา ไม่แน่อาจจะกลายเป็นคู่รักกันได้
หลังจากทานอาหารเสร็จ ส้งหวั่นชีงก็ได้แยกทางกลับบ้านเอง ส่วนจิ้นเฟิงเหรากลับพร้อมแม่จิ้น
เจียงสื้อสื้อเป็นหว่งจิ้นเฟิงเฉิน เลยไม่ได้กลับพร้อมพวกเขา เพราะคนบ้างานอย่างเขาเวลาทำงานขึ้นมาขนาดเวลาทานข้าวยังลืมได้
เธอเลยพาเสี่ยวเป่าไปหาจิ้นเฟิงเฉินที่บริษัท พอถึงบริษัทแล้ว เสี่ยวเป่าก็ได้ไปวิ่งเล่นอยู่คนเดียว ส่วนจิ้นเฟิงเฉินก็ได้ทำงานเหมือนเช่นเคย รอจนเธอเตรียมอาหารทุกอย่างพร้อม เจียงสื้อสื้อถึงเงยหน้าเรียกจิ้นเฟิงเฉินมาทานข้าว
จิ้นเฟิงเฉินกอดเจียงสื้อสื้อไว้ด้วยรอยยิ้ม ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ วันนี้ ดูคุณอารมณ์ไม่เลวนะ พวกคุณไปเดินเที่ยวที่ไหนมา ?”
“ ก็แค่ไปเดินห้างมาค่ะ แต่มีเรื่องสนุกเกิดขึ้นเรื่องนึง เป็นเรื่องเกี่ยวกับเฟิงเหราค่ะ ”
ได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิ้นเฟิงเหราแล้ว จิ้นเฟิงเฉินมีอารมณ์อยากรู้ขึ้นมาทันที เตรียมจะรอเธอเล่าให้ฟังโดยดี
“วันนี้ เราเดินผ่านร้านจิวเวอร์รี่ร้านนึง เฟิงเหราเห็นมีคนสองคนกำลังรังแกผู้หญิงคนนึงอยู่ เลยเข้าไปช่วย และผู้หญิงคนนั้นก็เป็นพยาบาลสาวที่ก่อนหน้าได้ดูแลเฟิงเหราที่โรงพยาบาล
และที่สำคัญคือ ฉันดูออกว่าเฟิงเหรามีความรู้สึกพิเศษกับพยาบาลสาวคนนี้ สองคนนี้น่าจะมีหวังแน่ ”
ระหว่างพูดเจียงสื้อสื้อยังยักคิ้วไปด้วย จิ้นเฟิงเฉินกลับรู้สึกประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่า จะมีคนที่สามารถทำให้น้องชายเจ้าชู้คนนี้ของเขามีความรู้สึกพิเศษได้ ดูท่านะจะมีหวังจริง
เขาทานกับข้าวที่เจียงสื้อสื้อป้อนมาด้วยรอยยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ ถ้าเฟิงเหราสามารถปักหลักได้จริงก็ดี แบบนี้พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตคู่ของเขาสักที ”
ฟังเขาพูดแล้ว เจียงสื้อสื้อแปะปากแล้วกระซิบ “ ทำอย่างกะคุณเบาใจมากอย่างนั้นแหละ ”
ทั้งสองคนใกล้กันมาก แน่นอนว่าจิ้นเฟิงเฉินย่อมได้ยินที่เธอพูด อดขำไม่ได้ เขาหยอกล้อหยิกที่เอวของเธอทีนึง “ ถึงผมจะไม่เบาใจ แต่ก็ถูกคุณเปราบจนอยู่หมัดไม่ใช่เหรอ ”
ระหว่างพูด ไอร้อนจากปากก็ได้พ้นใส่ที่คอของเจียงสื้อสื้อ ทำเอาเจียงสื้อสื้อรู้สึกเสียวๆ
เธอมองจิ้นเฟิงเฉินด้วยสายตาตำหนิทีนึง แล้วป้อนข้าวเขาต่ออีกหลายคำ
ทั้งสองคนคุยกันไปแล้วหัวเราะไป เสี่ยวเป่าก็ได้เข้ามาในตอนนี้พอดี เห็นแดดดี๊กับหม่ามี๊รักกันเช่นนี้ คงไม่ต้องพูดถึงว่าเขาดีใจแค่ไหน
รอจนจิ้นเฟิงเฉินทานข้าวเสร็จ เสี่ยวเป่าหาโอกาสวิ่งเข้าไปซุกอกจิ้นเฟิงเฉิน พูดออดอ้อน “แดดดี๊ครับ สุดสัปดาห์นี้ แดดดี๊พาผมออกไปเที่ยวได้มั้ยครับ เสี่ยวเป่าไม่อยากอยู่แต่ในบ้านครับ ”
จิ้นเฟิงเฉินลูบหัวของเสี่ยวเป่าแล้วถาม “ ได้ครับ ลูกอยากไปเที่ยวไหนล่ะ?”
ได้ยินจิ้นเฟิงเฉินรับปากแล้ว เสี่ยวเป่ารีบโดดลงจากตัวเขาตื่นเต้นดีใจใหญ่ “ แดดดี๊จงเจริญ !หม่ามี๊ พวกเราไปพิพิธภัณฑ์ทางทะเลนะครับ
เมื่อวาน ตอนอยู่โรงเรียน ผมได้ยินเพื่อนเรียนอนุบาลของผมพูดว่าพิพิธภัณฑ์ทางทะเลมีปลาเยอะเยะเลยครับ ที่พวกเขาพูด เป็นปลาที่เสี่ยวเป่าไม่รู้ทั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้น เสี่ยวเป่าอยากไปที่นั่นครับ ”
เจียงสื้อสื้อไม่มีทางปฏิเสธเขาแน่นอน สายตาเธอมองไปที่จิ้นเฟิงเฉิน