ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 353 กล้าใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของฉัน
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 353 กล้าใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของฉัน
บทที่ 353 กล้าใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงฉัน
หลังกินข้าวเสร็จ เจียงสื้อสื้อเอ่ยปากถาม “ไปหรือยัง?”
ได้ยินแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ลุกขึ้นทันที
เห็นท่าทางเขาที่แสดงออกอย่างรวดเร็วอย่างนี้ จิ้นเฟิงเหราส่ายหัว จิ้นเฟิงเฉินหันหัวมาแล้วยักคิ้วกลับไปให้เขา
เห็นท่าทางของสองคนเหมือนเด็กอนุบาลแล้ว เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา
อีกด้านหนึ่ง ส้งหวั่นชีงหยิบเงินเดือนที่เพิ่งได้มาเมื่อกี้ยิ้มที่มุมปาก ไม่มีท่าทางที่โมโหเหมือนเมื่อกี้เลยสักนิด เวลานี้เขามีความสุขทั้งร่าเริง
ฮัมเพลงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ยิ้มปากงอ ในสายตาเต็มไปด้วยความสดใส
“หวั่นชีง”ยังเดินไปไม่กี่ก้าว เสียงที่เขารังเกียจก็ได้ค่อย ๆ ดังขึ้นข้างหูของเขาส้งหวั่นชีงขมวดคิ้วและหันไปมองทางหลินเซิน
“คุณน่ารำคาญหรือเปล่านี้?”หลินเซินอยากจะพูดแต่ส้งหวั่นชีงก็เอ่ยปากขึ้นมาขวางเขาไว้
“ผม……”หลินเซินมึนงง เดินขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไร
ส้งหวั่นชีงเหลือบมองเขา และไม่ได้สนใจเขามากเท่าไหร่ ความรังเกียจในดวงตาเขานั้นได้ทิ่มแทงความนับถือของหลินเซิน
หลินเซินถอนหายใจไม่ได้พูดอะไรมาก ยกมือขึ้นอยากจะจับข้อมือของส้งหวั่นชีง แต่กลับถูกเขาหลบอย่างรวดเร็ว
“หลินเซิน คุณทำอย่างนี้มันน่ารังเกียจจริง ๆ ฉันเคยพูดแล้วหลายครั้งอย่ามาปรากฏต่อหน้าฉันอีก มันสกปรกตัวฉัน คุณทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนรู้ไหม?”
เขาไม่ได้สนใจความรู้สึกของหลินเซินเลยสักนิด ส้งหวั่นชีงพูดอย่างเย็นชา พูดง่าย ๆ ก็คือต้องการออกไปจากเขา
หลินเซินขวางอยู่ด้านหน้าเขาแล้วเอ่ยปากพูดว่า “หวั่นชีง…… ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมเพียงแค่……เพียงแค่อยากเลี้ยงข้าวคุณเท่านั้น ตอนนี้มันเวลากินข้าวไปนานแล้ว คุณยังไม่ได้กินข้าว ผมกลัวว่าคุณจะหิว”
ทำท่าทางเป็นผู้ชายที่ดี เพิ่งพูดจบเขาก็ค่อย ๆ เดินขึ้นมา แล้วก็เอาโอบส้งหวั่นชีงในอ้อมแขนของตัวเอง “ไสหัวไป” ส้งหวั่นชีง ถอยหลังไปอย่างไม่ไว้หน้า ตอนนี้ในสายตาไม่มีความรักเลยแม้แต่นิด
มองคนที่อยู่ด้านหน้า หลินเซินกลับมีความมั่นใจอย่างแปลกประหลาด เหมือนคิดแล้วว่าส้งหวั่นชีงจะไม่ทิ้งเขาไป สองคนแค่แยกจากกันไม่กี่วันเท่านั้นเอง
“หวั่นชีง ผมรู้ว่าคุณยังคงรักผมอยู่ การแสดงออกตอนนี้เป็นเพียงแค่ผิดหวังกับผมมากเกินไปเท่านั้น ผมจะทำให้คุณเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของผม”
ได้ยินคำพูดนั้น ส้งหวั่นชีงรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองคลื่นไส้ออกมาจากใจ มองหลินเซินอย่างเยือกเย็นพร้อมพูดว่า “คุณคิดมากไปแล้ว ฉันไม่ได้รักคุณแล้ว”
หลินเซินตกตะลึง แต่ยังคงเดินขึ้นมาข้างหน้าสองสามก้าวอย่างไม่หยุดหย่อนแล้วเอ่ยปากว่า “ผมรู้……”
ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกส้งหวั่นชีงตัดบทอย่างรุนแรง
“ฉันไม่มีความรักกับคุณมานานแล้ว หลินเซิน คุณจะเชื่อมั่นในตัวเองมากไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง คุณคิดว่าจะมีใครชอบคุณมาก ตอนนี้ฉันสะอิดสะเอียนคุณมากจริง ๆ แล้ว”
สองสามคำสุดท้าย เหมือนเขากัดฟันพูดออกมา ในดวงตาของหลินเซิน ได้ปรากฏความเสียใจออกมาในทันที อยากจะแสดงละครต่อแต่กลับได้ยินประโยคนี้ของส้งหวั่นชีง
“ยังมีฉันมีแฟนใหม่แล้ว ถ้าคุณพูดอย่างนั้น ในใจเขาอาจจะรับได้ยาก” ส้งหวั่นชีงโยกหัวยิ้มตาหยีพูดกับหลินเซิน
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินเซินที่เตรียมจะเอ่ยปากก็ได้หยุดทันที หัวคิ้วได้ย่นติดกันแน่นแล้วลองถามว่า “จริงเหรอ?”
ได้ยินน้ำเสียงที่สงสัยของเขานั้นแล้ว ส้งหวั่นชีงยิ้มแล้วพูดว่า “จะโกหกได้ที่ไหน”
“เป็นไปไม่ได้?”กลับคาดไม่ถึงว่าหลินเซินจะมีท่าทีที่ผ่อนคลาย ในสายตามองเขาอย่างไม่เชื่อ
“คุณโม้ล่ะซิ ส้งหวั่นชีง นอกจากผมแล้วก็ไม่มีใครเอาคุณแล้ว” หลินเซินหัวเราะออกมา เต็มไปด้วยการประชดประชัน ทำให้ส้งหวั่นชีงโกรธจนหน้าแดง
“ยังมี คุณอย่าพูดว่าคุณชายรองจิ้นเฟิงเหราที่เจ้าชู้ของตระกูลจิ้นนั่นที่โด่งดังในกลุ่ม”ถึงแม้เขาจะไม่เชื่อแต่กลับตอนที่พูดประโยคนี้ น้ำเสียงก็ดูอ่อนลงเล็กน้อย
พูดคำนี้ออกไป ส้งหวั่นชีงก็ตกตะลึง และได้คิดถึงใบหน้าของจิ้นเฟิงเหราขึ้นมาทันที ในใจก็ได้มีความเสียใจขึ้นมาเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้แสดงออกมา แต่ตอบกลับไปว่า “แล้วยังไง?”
หลินเซินเดิมทีที่ยังยิ้มอยู่พอได้ยินประโยคนี้แล้วสีหน้าก็แข็งทื่อขึ้นมา รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็เหมือนกับมีรอยแตกแยก แล้วก็พูดอีกว่า “คุณพูดโกหก ไม่ได้เตรียมตัวมาเหรอ?”
ในกลุ่มได้ยินชื่อของจิ้นเฟิงเหรา เจียงสื้อสื้อก็ค่อย ๆ หันหัวมา จิ้นเฟิงเหราก็ได้มองสังเกตุสภาพการณ์ทางนี้อย่างเย็นชา แต่กลับได้เจอกับใบหน้าของส้งหวั่นชีง
ไม่มีความโกรธในทันที
“คุณอย่าหลอกตัวเองอีกเลย”หลินเซินพูดอย่างเย้ยหยัน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูหมิ่น
“อีกอย่าง เป็นความจริงหรือเปล่าถึงแม้จะเป็นความจริง คุณคิดว่าจิ้นเฟิงเหราคนนั้นจะจริงใจกับคุณมากแค่ไหน?”
ได้ยินคำพูดนี้ เจียงสื้อสื้อมองไปทางจิ้นเฟิงเหรา เห็นเขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากอย่างนั้น
“จิ้นเฟิงเหราคนแบบนั้น ชอบคุณก็แค่เล่นสนุกกับคุณเท่านั้น เขาที่เป็นคนเจ้าชู้แบบนั้นก็คงแค่ให้เงินคุณไม่กี่บาทเท่านั้น ผมไม่เพียงให้เงินคุณได้แล้วยังสามารถให้ความรักและความเอ็นดูกับคุณได้ ถ้าคุณอยู่กับเขาไม่แน่ว่าเล่นสนุกกับคุณสักพัก เขาก็เบื่อคุณแล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้ นิ้วมือของส้งหวั่นชีงก็ค่อย ๆ บีบเสื้อผ้าแน่น ในใจรับไม่ได้เล็กน้อย กลับพูดว่า “แล้วยังไง?เรื่องของฉันมันเกี่ยวอะไรกับคุณ ถึงแม้เขาจะเป็นคนอย่างนี้เขาก็ดีกว่าคุณมากมายหลายเท่า ดังนั้นคุณรีบไสหัวไป ยิ่งไกลยิ่งดี ”
พูดจบ เขาก็หันหัวไม่อยากเห็นหน้าของหลินเซินอีก กลับคาดไม่ถึงว่าจะเจอกับหน้าของจิ้นเฟิงเหรา
เพียงเห็นเขาค่อย ๆ กระดกคิ้วให้กับเขา เขายิ้มอย่างอึดอัดใจเล็กน้อยแล้วทักทายกับเจียงสื้อสื้อ สีหน้าของส้งหวั่นชีง ค่อย ๆ แดงขึ้นเล็กน้อย กลับมองเห็นจิ้นเฟิงเหรา เดินขึ้นไปพูดกับหลินเซินว่า “เรื่องครั้งที่แล้ว ยังสั่งสอนคุณไม่พอเหรอ?ครั้งนี้ยังอยากจะลองอีก”
ได้ยินคำพูดนั้น หลินเซินก็ตกใจจนใบหน้าซีดขาว และรีบออกไปจากที่นี่
“ ต้องขอโทษด้วย ฉันเพียงอยากจะให้หลินเซินไม่ต้องมารบกวนฉันอีก ”เห็นหลินเซิน ออกไปแล้ว ส้งหวั่นชีงก็เดินขึ้นมาขอโทษ เจียงสื้อสื้อเหมือนคิดอะไรออกแล้วพูดต่อส้งหวั่นชีงว่า “ไม่หรอก เขาจะเก็บเอามาใส่ใจได้ยังไง อีกอย่างเรื่องจิ้นเฟิงเหราที่เจ้าชู้เหล่านั้น ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เล่นสนุกกับผู้หญิงอย่างที่พูดกันอย่างนั้น เหล่านี้ต่างเป็นเรื่องโกหก”ถึงแม้จะไม่เข้าใจบ้าง แต่เขาก็ยังคงพยักหน้า
“พวกเรากินข้าวเสร็จแล้ว ไม่งั้นพวกเธอคุยกันดี ๆ ?”เจียงสื้อสื้อยิ้มแล้วพูดกับส้งหวั่นชีง
“อ่ะ?พวกเรา?”กลับคิดไม่ถึงว่าวินาทีต่อมา สามคนก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย มีแค่เขาและจิ้นเฟิงเหราที่เหลืออยู่
มองส้งหวั่นชีง จิ้นเฟิงเหรายิ้มแล้วพูดว่า “กล้ามากนะ?กล้าใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของผม ”
“ขอโทษจริง ๆ ”ส้งหวั่นชีงขอโทษอีกครั้ง
“คุณมานี่”จิ้นเฟิงเหรากระดกคิ้วมองส้งหวั่นชีง เห็นท่าทางของเขาส้งหวั่นชีง ตกตะลึงเล็กน้อย