ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 354 เจียงสื้อสื้อรังเกียจที่ผมแก่เหรอ?
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 354 เจียงสื้อสื้อรังเกียจที่ผมแก่เหรอ?
บทที่ 354 เจียงสื้อสื้อรังเกียจที่ผมแก่เหรอ?
รอส้งหวั่นชีงเข้ามาใกล้ข้างกายเขา จิ้นเฟิงเหราก็ตั้งใจแกล้งทำเป็นเข้ามาใกล้ข้างตัวเขา แล้วพูดทุกคำทุกประโยคข้างหูเขาว่า “ เรื่องเมื่อกี้ใช้ผมทำเรื่องแทน ผมก็จะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น คุณคิดว่ายังไง?”
ได้ยินคำพูดนั้น ส้งหวั่นชีงกลอกลูกตาคิดสักพักแล้วจึงพูดว่า “ได้แน่นอนอยู่แล้ว”
——
“ทำไมเมื่อกี้คุณถึงทิ้งจิ้นเฟิงเหราไว้ล่ะ?”จิ้นเฟิงเฉินโอบเอวของเจียงสื้อสื้ออย่างเบา ๆ แล้วถามอย่างอ่อนโอน
รับรู้มือที่อยู่ด้านหลัง ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อก็ค่อย ๆ แดงขึ้น แล้วปัดมือข้างนั้นของจิ้นเฟิงเฉินลงอย่างเบามือ สบตาของเขาและจ้องมอง
เห็นแววตาของเขา ใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉินก็แสดงรอยยิ้มออกมาต่อเจียงสื้อสื้อว่า “อ่ะ?”
เจียงสื้อสื้อหันหัวพูดว่า “ตัวคุณมีความสุขแล้ว ไม่เคยคิดถึงความสุขของน้องชายคุณบ้างเหรอ?”
สบตาของเขาแล้ว จิ้นเฟิงเฉินเพียงรู้สึกว่าตื่นเต้นกับความน่ารักของเจียงสื้อสื้อ
“ยังไม่มี เขายังเด็กอยู่”ทำตาหยีแล้วกอดเจียงสื้อสื้อขึ้นมา
“เด็กอะไร แก่อย่างนั้นแล้ว”เจียงสื้อสื้อขึ้นโยกหัว พูดอย่างไม่พอใจ
“งั้น สื้อสื้อก็รังเกียจสามีแก่เหรอ?”จิ้นเฟิงเฉินจู่ ๆ ก็เขยิบเข้าใกล้ริมฝีปากของเจียงสื้อสื้ออย่างลองใจ รอยยิ้มในสายตาทะลุไปถึงหัวใจชองเจียงสื้อสื้อ
ค่อย ๆ ถอยหลังจากอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อทำตาหยี แล้วเอ่ยปากว่า “ใช่สิ ทำไมคุณถึงแก่แล้ว” พูดจบก็รีบหนีไปกลับไม่อยากที่จะถูกจิ้นเฟิงเฉินดึงกลับมาไว้ในอ้อมกอดอีก
“ฉันผิดไปแล้ว”รีบแสดงสายตาที่ออดอ้อนมองไปยังจิ้นเฟิงเฉินทันที ทำท่าทางที่น่าสงสารทำให้จิ้นเฟิงเฉินอดยิ้มไม่ได้ แล้วก็ปล่อยเขาไป
“เนี้ย คุณดูจิ้นเฟิงเหราก็อายุไม่น้อยแล้วนะ ฉันคิดว่าเขาและส้งหวั่นชีงน่าจะมีลุ้น อีกอย่างฉันรู้สึกว่าส้งหวั่นชีงก็เป็นผู้หญิงที่ไม่เลวคนหนึ่ง มองดูพวกเขาสองคนก็ดีมาก คุณไม่ควรห่วงแต่ความสุขของตัวเองแล้วลืมน้องชายของตนเอง”
พูดจบ เขาก็ยังไม่ลืมเยาะเย้ยจิ้นเฟิงเฉิน มองท่าทางของจิ้นเฟิงเฉินที่เหมือนจะทำอะไรไม่ถูก เข้าไปที่ตัวแล้วจูบเบา ๆ “ที่จริงแล้วนี่ก็ไม่ใช่สาเหตุหลักอะไร คุณคิดดูสิครอบครัวพวกเราสามคนนาน ๆ กว่าจะได้ออกมาเที่ยวด้วยกันสักครั้ง เฟิงเหราอยู่ที่นี่ขวางหูขวางตา ก็เป็นเหมือนก้างขวางคอชิ้นใหญ่”
ได้ยินคำพูดนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็หัวเราะเล็กน้อย แววตามีความอ่อนโยนมาก พูดกับเจียงสื้อสื้อว่า “คุณอยากจะเล่นอะไรอีกไหม?”
เจียงสื้อสื้อโยกหัวคิด สุดท้ายกลับไม่มีความต้องการอะไรออกมา ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ถามเสี่ยวเป่าว่าคิดยังไงแล้วกัน”
สุดท้าย เขาก็เอาคำถามที่เลือกยากอันนี้โยนให้เสี่ยวเป่าไป
ได้ยินคำพูดนี้ปากของเสี่ยวเป่าที่กำลังกินลูกอมอยู่ก็หยุดลงทันที เบิกตากว้างมองเจียงสื้อสื้ออย่างตกตะลึง กลับทำให้ใจเขากลายเป็นแอ่งน้ำ
“หนู……”เสี่ยวเป่าเอ่ยปาก พูดอย่างไม่ต่อเนื่องกัน
“ เป็นอะไรไป หนูอยากเล่นอะไรล่ะ”เจียงสื้อสื้อทำตางอ ยิ้มตาหยีสบตามองดวงตาของเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าหันหัวไปมองทางจิ้นเฟิงเฉิน
“แด๊ดดี้……”เสี่ยวเป่าเรียกอย่างเสียงที่น่ารัก
จิ้นเฟิงเฉินก้มตัวลงทันที แล้วอุ้มเขาขึ้นมา “อยากเล่นอะไรล่ะ?”
เสี่ยวเป่าส่ายหน้าและเอ่ยปากว่า“ไม่รู้”
“อยากไปดูนิทรรศการไหม?”เจียงสื้อสื้อถาม เสี่ยวเป่าได้ยินประโยคนี้ในตาก็เปล่งประกายแสงออกมาและพยักหน้า
อีกด้านหนึ่ง ส้งหวั่นชีงที่ยืนอยู่ด้านหน้าจิ้นเฟิงเหราได้เช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้า จิ้นเฟิงเหราหันไปทางเขาแล้วยิ้ม
ในขณะที่เขายิ้มอยู่นั้น ส้งหวั่นชีงรู้สึกว่าเกิดความเย็นอยู่ข้างหลัง มองท่าทางของจิ้นเฟิงเหราอย่างสั่นเทา ถามด้วยเสียงเบา ๆ ว่า“ต้องการทำอะไรเหรอ?”
ได้ยินแล้ว จิ้นเฟิงเหรากุมหน้าผากเอียงหัว แล้วพูดว่า “อย่างนี้แล้วกัน คุณช่วยผมไปซื้อน้ำที่อยู่ทางนั้นแล้วกัน เอาเย็นนะ”
“ห่ะ?”ส้งหวั่นชีงบ่นเล็กน้อย จุดที่พวกเขาสองคนอยู่ห่างจากร้านขายของไม่มาก แค่เดินไม่กี่ก้าว
“ห่ะอะไรล่ะ?เรื่องเมื่อกี้ยังจำได้ไหม?”จิ้นเฟิงเหราสะบัดมือให้เขา
“โอเคร”
ส้งหวั่นชีงถอนหายใจทำได้แค่รับปากอย่างไม่พอใจ แล้วกำลังเตรียมตัวออกไป
“รอเดี๋ยว”
จิ้นเฟิงจู่ ๆ ก็เอ่ยปาก ในดวงตาของส้งหวั่นชีงก็เปล่งประกายแสงออกมา คิดว่าเขาจะใจดีกลับได้ยินประโยคหนึ่งว่า“วิ่งไปเร็ว ๆ ผมหิวน้ำจะตายอยู่แล้ว ตอนกลับมาผมจะต้องเห็นน้ำว่ายังเย็นอยู่ ยังมีจำกัดเวลาสามนาที”
ได้ยินแล้ว ส้งหวั่นชีงลังเล เกือบจะล้มลง หันหลังไปมองใบหน้าของจิ้นเฟิงเหรา หันหน้าออกไปอย่างดุร้าย
“วิ่งเร็วหน่อย”เสียงของจิ้นเฟิงเหราตะโกนร้องข้างหูของเขาอย่างพอดี
“ให้คุณหิวตายไปเลยก็ดี”ส้งหวั่นชีงวิ่งมาทางจิ้นเฟิงเหรา พูดด้วยเสียงพอดี
ได้น้ำแล้ว จิ้นเฟิงเหราชำเลืองมองส้งหวั่นชีงแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณพึมพำอะไร”
ใจที่ถูกรัดแน่นจนเดือด ส้งหวั่นชีงรีบส่ายหน้า
“อืม~”จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างแปลกประหลาด
ลุกขึ้นแล้วเอาขวดน้ำโยนใส่ที่ตัวของส้งหวั่นชีงแล้วพูดว่า “ไป พวกเราไปดูนิทรรศการด้วยกัน”
ส้งหวั่นชีงจ้องมองจิ้นเฟิงเหราอย่างดุร้าย กลับถูกแขนของเขากดทับอย่างขยับไม่ได้
“คุณจะทำอะไร?”ส้งหวั่นชีงรู้สึกเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย
ได้ยินคำถามนี้ จิ้นเฟิงเหราคาดไม่ถึงพูดอย่างแปลกใจว่า “ประคองผมหน่อยซิ ขาเจ็บ”
ส้งหวั่นชีงประคองจิ้นเฟิงเหราเดินอย่างหน้าตาที่ไม่มีความสุข ไม่รู้อยู่ดี ๆ ก็ถูกจิ้นเฟิงเหราหยิกให้สักหน่อย
ชำเลืองมองไปทางจิ้นเฟิงเหรา ส้งหวั่นชีงพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “คุณจะทำอะไรอีก”
จิ้นเฟิงเหราหัวเราะแล้วพูดว่า“ ไม่ได้ทำอะไร ปล่อยผมลงแล้วนวดขาให้ผมหน่อย รู้สึกว่าขาไม่ค่อยสบาย”
……
ส้งหวั่นชีงพูดต่อไม่ได้ทันที แล้วบีบนวดจิ้นเฟิงเหราอย่างรุนแรง เหมือนได้แก้แค้นที่เขาทรมาน
“โอ้ แรงดีนะเนี้ย”จิ้นเฟิงเหรามองเขาแล้วยิ้มตาหยี ในดวงตาได้รับความเพลิดเพลินอย่างเต็มที่
“ฉันว่าขาคุณไม่ดีก็ไม่ต้องออกมาเที่ยว นี่ยังทำให้เสียเวลาคนอื่นอีก ขาไม่ดีก็พักรักษาตัวอยู่ที่บ้านอย่าออกมากระโดดกระเด้งซิ——”
พอพูดออกไป จิ้นเฟิงเหรายิ้มตาหยีแล้วก็เอามือวางไว้ที่เอวของเขา บีบอย่างรุนแรงทำให้ส้งหวั่นชีง ร้องเสียงแหลมแล้วถอยหลังไปทันที จากนั้นเขาก็พูดกับส้งหวั่นชีงว่า “อืมคุณพูดถูก”
“คุณ……”ส้งหวั่นชีงหน้าแดงมองจิ้นเฟิงเหราในสายตามีชั้นหมอกขึ้นมา
“อ่ะ?ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย”จิ้นเฟิงเหราแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ในสายตาเหมือนคนน่าสงสารที่มาก
ตกเย็น ฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว มองก้อนเมฆที่อยู่บนฟ้า ส้งหวั่นชีงก็ถอนหายใจ นวดสักหน่อยถูกคนทรมานแขนมาทั้งวัน แล้วพูดต่อจิ้นเฟิงเหราว่า “ตอนเย็นฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณไม่ได้แล้ว ต้องไปเข้าเวรที่โรงพยาบาล”
ได้ยินแล้ว ในสายตาของจิ้นเฟิงเหราก็ลบร่องรอยที่เสียใจ กลับถูกความดีของเขาแอบซ่อนไว้แล้วพูดว่า “ตกลง แต่ว่าพรุ่งนี้คุณต้องอยู่เป็นเพื่อนผม”
ส้งหวั่นชีงมองเขาอย่างตกตะลึงแล้วถามว่า“ทำไม ไม่ใช่แค่วันเดียวเหรอ”
จากนั้น จิ้นเฟิงเหราก็ตบหลังของเขา พูดอย่างไม่สนใจว่า “อย่างนี้แล้วกัน คุณก็ดูแลผมจนกว่าขาของผมจะหายดี หลังจากนั้นผมให้เงินคุณวันละสองพันหยวน ดีไหม?”
ส้งหวั่นชีงลูบหัว ในสายตาครุ่นคิด นานมากเขาถึงพยักหน้า ยังไงตอนนี้เขาก็ต้องการเงินจริง ๆ