ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 359 ไปรายงานตัวพรุ่งนี้
บทที่ 359 ไปรายงานตัวพรุ่งนี้
หลังจากส่งไปห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลก็ได้ทำการตรวจร่างกายแล้ว พบว่าถึงแม้ลู่เจิงดูไปแล้วบาดแผลจะหนักมาก แต่ผู้คุมกันเหล่านั้นก็ไม่ได้ลงมืออย่างโหดเหี้ยม ดังนั้นส่วนมากก็เป็นแค่บาดแผลภายนอกเท่านั้น
ทายาให้ลู่เจิงและก็เบิกยาเล็กน้อย คนกลุ่มที่มาด้วยถึงคิดที่จะกลับไป
ออกจากโรงพยาบาล ลู่เจิงลังเลนานมากถึงได้พูดอย่างตะกุกตะกักว่า“ขอโทษ ผมทำให้คุณตกใจแล้ว”
สำหรับการขอโทษของเขา เจียงสื้อสื้อกลับมีความรู้สึกแปลกประหลาดบ้างเล็กน้อย ยังไงพูดมาแล้วตัวเองยังต้องขอบคุณเขา ถ้าไม่ใช่เขาเวลานั้นก็คงต้องถูกประธานเว่ยทำให้ลำบากใจอย่างแน่นอน
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นอะไรหรอก เรื่องนี้ก็โทษคุณไม่ได้ ยังไงพวกเขาก็ทำมากเกินไปแล้ว”
“แต่ว่า……”
ลู่เจิงหยุดชั่วขณะแล้วมองเจียงสื้อสื้อ แล้วถึงพูดต่อว่า “คุณไปกับผม เรื่องนี้ผมจะไม่รับผิดชอบได้ยังไง ยังไงผมก็ต้องขอโทษคุณ”
สำหรับเรื่องนี้แล้วเจียงสื้อสื้อใจกว้างมาก“ ไม่เป็นอะไรจริง ๆ รุ่นพี่คุณบาดเจ็บขนาดนี้แล้ว แต่ฉันกลับไม่ได้เกิดเรื่องอะไรสักนิด ฉันควรจะพูดขอบคุณกับคุณต่างหาก”
ยังไม่ทันรอลู่เจิงพูดอะไร จิ้นเฟิงเฉินก็รีบพูดว่า “ ขอบคุณก็ต้องขอบคุณอยู่แล้ว เพียงแต่วันหลังเขาคงจะไม่ไปทำงานกับคุณที่นั่นแล้ว ”ได้ยินคำพูดนั้น ใจของลู่เจิงก็ปิ้ว มองจิ้นเฟิงเฉินอย่างตกใจเล็กน้อย จากนั้นรีบพูดว่า “ครั้งนี้เป็นเพราะผมไม่ได้คิดให้รอบคอบ ผมรับรองว่าจะไม่มีครั้งต่อไปอย่างแน่นอน คุณวางใจได้จากนี้ไปผมรับรองความปลอดภัยของเขาอย่างแน่นอน”
ไม่ได้คิดให้ดี จิ้นเฟิงเฉินกลับยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ขออภัย ผมไม่สามารถเอาความปลอดภัยของสื้อสื้อมาล้อเล่นได้ ใครก็รับรองไม่ได้ว่าจะมีครั้งต่อไปหรือเปล่า ผมทำได้แค่เอาเขาไว้ข้างกายผม ยุติสถานการณ์แบบนี้ถึงจะวางใจได้อย่างหมดห่วง”
คำพูดนี้ ทำให้ลู่เจิงพูดไม่ออก เขาไม่มีวิธีที่จะรับรองจริง ๆ แต่ในเขตเขตความสามารถของเขาจะต้องให้เจียงสื้อสื้อดีที่สุดอย่างแน่นอน
คิดถึงตรงนี้แล้ว เขาก็ย้ายสายตามาที่เจียงสื้อสื้อ
ในใจของเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกไม่สงบ ตัวเขาเองก็รู้ว่าเรื่องของคืนนี้ก็ทำให้จิ้นเฟิงเฉินไม่ดีใจ ตัวเขาเองก็ไม่อยากให้เขาเป็นกังวลแต่มีปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้มากเกินไปจริง ๆ……
ทางเจียงสื้อสื้อยังคิดไตร่ตรองอยู่ จิ้นเฟิงเฉินและลู่เจิงก็ได้มองเขาพร้อมกัน
สายตาของคนหนึ่งเต็มไปด้วยการข่มขู่ แต่อีกคนกลับเต็มไปด้วยการร้องขอ
เขาคิดสักครู่ สุดท้ายยังคงพูดกับลู่เจิงอย่างระมักระวังว่า “รุ่นพี่ ความหวังดีของคุณฉันรับไว้แล้ว แต่ว่าฉันก็ไม่อยากให้เฟิงเฉินเป็นห่วง อีกอย่างครั้งนี้ก็ทำร้ายคุณจนบาดเจ็บแล้ว ในใจของฉันก็รู้สึกรับได้อยาก ดังนั้น……”
ความหมายนี้ชัดเจนมาก คือเขาต้องการไปกับจิ้นเฟิงเฉิน หลังจากนี้ไปก็จะไม่ได้ทำงานให้เขาอีกแล้ว
ในใจของลู่เจิงมีความรู้สึกขมขื่นขึ้นมาชั่วขณะ ที่จริงแล้วเขาก็มีลางสังหรณ์มานานล่วงหน้าแล้วว่าจะมีวันนี้
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่า วันนี้จะมาเร็วอย่างนี้
เขาถอนหายใจยิ้มแล้วพูดว่า “อย่างนี้ก็ดี มีเขาอยู่สามารถปกป้องคุณได้ก็ดี แค่คุณปลอดภัยผมก็วางใจแล้ว”
ได้ยินเขาพูดคำพูดที่ขมขื่นเหล่านี้ ในใจของจิ้นเฟิงเฉินอึดอัดมาก ทำไมพูดว่าแม้กระทั่งผู้หญิงที่ตัวเองรักก็ไม่มีความสามารถปกป้องได้อย่างนั้น ไม่มีเหตุผลจริง ๆ
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มแล้วพลางก็จับเอวของเจียงสื้อสื้อ พูดต่อลู่เจิงว่า“คุณวางใจเถอะ สื้อสื้อเป็นผู้หญิงของผม ผมต้องดูแลเขาให้ดี ๆ อยู่แล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วงมากหรอก”
ท่าทางเขาที่ทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทำให้เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา รู้สึกว่าเขาเหมือนเด็กไปหน่อย แต่คิดถึงอย่างนี้ต่างก็เพราะเพื่อตัวเองจึงไม่ได้พูดอะไร
เห็นท่าทางของลู่เจิงที่ไม่พูดอะไร จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่อยากอยู่ต่อแล้วจึงพูดว่า “ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราก็กลับก่อน แล้วเจอกัน”
เจียงสื้อสื้อยังไม่ได้รู้สึกตัว ก็ถูกจิ้นเฟิงเฉินพาออกไปไกลแล้ว
รอเขารู้สึกตัวได้ก็ห่างออกไปมากแล้ว เขาคิดแล้วยังตะโกนว่า “รุ่นพี่คุณวางใจ มีเวลาฉันจะกลับไปเยี่ยมคุณ”
คิดไม่ถึงว่าประโยคนี้ของเขาจะกระตุ้นความหึงหวงของจิ้นเฟิงเฉิน มือของเขาที่จับไว้ก็เพิ่มแรงขึ้นไปอีก ใบหน้าก็แสดงความไม่พอใจเล็กน้อย
เห็นเขาหึงหวง ในใจของเจียงสื้อสื้อก็มีความกลัวเล็กน้อย เห็นรอบข้างไม่มีคนจึงแอบจูบใบหน้าเขา จิ้นเฟิงเฉินที่ถูกจูบได้เพลิดเพลินกับความรู้สึกชนิดนี้มาก ความหึงหวงในใจก็ค่อยๆ หายไป
การกระทำเล็ก ๆ ของสองคนต่างก็ตกอยู่ในสายตาของลู่เจิง เขามองเงาหลังของเจียงสื้อสื้อยิ่งไกลออกไปเรื่อย ๆ ในใจยิ่งเสียความรู้สึก
เพียงเห็นในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เดิมทีอยากจะเก็บซ่อนไว้สักหน่อย แต่ว่าพอคิดถึงตอนนี้ จากวันนี้ต่อไปตัวเองก็ต้องสูญเสียเจียงสื้อสื้อไปตลอดกาล เขาก็ไม่มีวิธีที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองอีกต่อไป
สื้อสื้อ หวังว่าวันหลังคุณจะใช้ชีวิตที่ดี
สื้อสื้อ หวังว่าคุณจะพูดแล้วทำตามอย่างที่พูด กลับมาเยี่ยมผมจริง ๆ
สื้อสื้อ ลาก่อน
……
พอถึงรถ เจียงสื้อสื้อมองจิ้นเฟิงเฉินด้วยหน้าที่เคร่งขรึม อดไม่ได้ที่จะขอความเมตตาพูดว่า “ เฟิงเฉิน ฉันผิดไปแล้ว คุณยกโทษให้ฉันได้ไหม?”
ท่าทางของเขาอย่างนี้ ทำให้จิ้นเฟิงเฉินอดไม่ได้ที่จะลงโทษเขา แต่คิดถึงว่าตอนนี้ยังอยู่ข้างนอก เขาจึงยังคงบังคับความวู่วามของตัวเองไว้
เพียงเห็นเขาทำเสียงแหบพูดว่า “แค่คุณไม่เป็นอะไร ก็ดีกว่าอะไรทั้งสิ้นแล้ว”
ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ในใจของเจียงสื้อสื้อก็ยิ่งรับได้อยาก เพราะว่าตัวเองทำให้เขาเป็นห่วงอย่างนั้น ใจของเขายังไงก็รู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว
“เฟิงเฉิน ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ คุณอย่าทำอย่างนี้ได้ไหม ?”เขาเบิกตากว้าง มองจิ้นเฟิงเฉินที่เต็มไปด้วยการรอคอย
จิ้นเฟิงเฉินรับท่าทางของเขาอย่างนี้ไม่ได้จริง ๆ อดไม่ได้ชะโงกหน้าไปจูบเขา อีกทั้งเพิ่มแรงการจูบขึ้นเรื่อย ๆ
แทบจะจูบจนเหนื่อย จิ้นเฟิงเฉินถึงค่อย ๆ ปล่อยมือออก
รอจิ้นเฟิงเฉินปล่อยเขาแล้ว เจียงสื้อสื้อก็พูดขึ้นมาก่อนว่า“ หลังจากนี้ฉันจะไปทำงานที่จิ้นกรุ๊ปแล้วกัน อย่างนี้ไม่เพียงจะได้เห็นคุณทุกวันแล้ว ยังสามารถช่วยคุณได้อีก
ที่สำคัญที่สุดก็คือ วันหลังคุณก็ไม่ต้องได้รับความตกใจอีกแล้ว ยังไงฉันเกิดเรื่องอะไรล้วนก็อยู่ในสายตาของคุณ คุณสามารถรีบมาช่วยแก้ปัญหาให้ฉันได้อย่างทันที”
ที่จริงแล้วเขาพูดเรื่องเหล่านี้ จิ้นเฟิงเฉินก็อยากจะพูดนานแล้ว แต่ตั้งแต่ไหนมาเขาก็มีท่าทีอย่างนั้นดังนั้นเรื่องนี้จึงทำให้ล่าช้า ตอนนี้ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ออกมาเอง ในใจของเขาอย่าพูดเลยว่าดีใจแค่ไหน
“นี่คุณพูดเองนะ ไม่อนุญาติให้เสียใจภายหลัง”จิ้นเฟิงเฉินกระดกคิ้วหน้าเต็มไปด้วยการล้อเล่น
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าอย่างจริงจัง “คุณวางใจ ฉันไม่เสียงใจอย่างแน่นอน อีกทั้งจะขยันทำงานให้คุณมองฉันด้วยความชื่นชม”
“ตกลง คำไหนคำนั้น พรุ่งนี้ก็จะไปรายงานตัว”
จิ้นเฟิงเฉินก็ตอบรับกลับไปอย่างจริงจัง เหมือนว่ากลัวเขาจะเปลี่ยนใจอย่างนั้น
เจียงสื้อสื้อก็รีบรับคำ“ตกลง!”
แสงไฟนีออนที่อยู่นอกหน้าต่างก็ยังคงกระพริบไม่หยุด คนที่เดินสัญจรไปมาก็ยังคงเดินไปมาอย่ารีบเร่ง สองคนนี้ที่อยู่ในรถก็รีบคลอเคลียกันเหมือนอะไรก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขา