ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 368 คู่ควรกับเขาได้อย่างไร?
บทที่ 368 คู่ควรกับเขาได้อย่างไร?
จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างลืมตัว ไม่ได้สังเกตุเห็นอารมณ์ผิดปกติของจื่อเฟิง
แค่เห็นดวงตาที่ลึกซึ้งของเธอ ความหม่นหมองแวบหนึ่ง ผู้หญิงอย่างนั้น……คู่ควรกับเขาได้อย่างไร?
ในสายตาของจื่อเฟิง เจียงสื้อสื้อไม่เพียงแต่พบกันแค่ครึ่งทาง ใช้อุบายเข้าใกล้จิ้นเฟิงเฉินเท่านั้น และจิ้นเฟิงเฉินก็เป็นสายสว่างของก้นบึ้งหัวใจเธอ แน่นอนทั้งสองคนไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้
จิ้นเฟิงเหราพูดคล่องน่าสนใจแต่ใช้การจริงๆไม่ได้ ทว่าไม่ได้ยินการตอบกลับของจื่อเฟิง เวลานี้เขาสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติไป จึงรีบเอ่ยถามว่า “จื่อเฟิง คุณฟังอยู่หรือเปล่า?”
เวลานี้ใจของจื่อเฟิงได้หวนคิดถึงอดีตเหล่านั้นของเธอกับจิ้นเฟิงเฉิน แน่นอนว่าไม่ได้ยินเสียงของจิ้นเฟิงเหรา
จิ้นเฟิงเหราเห็นท่าทีใจลอยของจื่อเฟิง ก็อดไม่ได้ ตะโกนเรียกเสียงดัง : “จื่อเฟิง!”
สติจื่อเฟิงกลับมาทันที มองจิ้นเฟิงเหราอย่างแปลกใจเล็กน้อย ทั้งยังมีสีหน้าโกรธนิดหน่อย รีบทำหน้ารู้สึกผิดแล้วพูดว่า ไม่มีอะไร ขอโทษด้วยเมื่อกี้ฉันคิดไปอื่น”
เธอพูดประโยคนี้จบ มองไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นอีกครั้ง ราวกับว่าการใจลอยเมื่อกี้เป็นเพียงความเข้าใจผิดของคนอื่น
ผู้หญิงสวยขอโทษนี่ใช้ได้ที่สุดกับจิ้นเฟิงเหรา จื่อเฟิงเพียงแค่พูดแบบนี้ เขาก็รู้สึกได้ว่าเดิมทีไม่ได้มีปัญหาอะไร
จื่อเฟิงตั้งใจขับรถ จู่ๆก็เห็นรถที่คุ้นเคยในกระจกมองหลัง เหมือนขับตามพวกเขามาตลอด เพิ่งจะข้ามสี่แยกมาสองครั้ง แต่เหมือนว่าพวกเขายังคงถูกตามไม่เลิก
หากเป็นเพียงแค่พักหนึ่งก็เป็นเรื่องบังเอิญ แต่เจอตลอดแบบนั้นมันน่าแปลก
จื่อเฟิงมองกระจกหลังราวหนึ่งนาที หลังจากแน่ชัดแล้วว่ามีคนตาม จึงพูดกับจิ้นเฟิงเหรา “คุณชายรอง รถด้านหลังนั่นตามพวกเรามาตลอด ผ่านสีแยกไปสองครั้งแล้ว ยังไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนเส้นทาง”
จิ้นเฟิงเหราได้ยินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตนเองถูกสะกดรอยตามมาจากโรงพยาบาล ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ยังไม่ไปผุดไปเกิดจริงๆ
เขาหยุดไปชั่วครู่ แล้วพูดกับจื่อเฟิงว่า “คุณ คุณฉวยโอกาสสลัดพวกเขาทิ้งไหม?”
นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของจื่อเฟิง แค่เห็นเธอพยักหน้าตอบ “งั้นคุณชายรองคุณระวังหน่อยนะ”
เพิ่งจะตัดเฝือกออก ขาของเขายังมีกำลังไม่มาก นี่ก็เป็นเหตุที่จื่อเฟิงบอกให้เขาเตรียมตัวให้ดี
แค่เห็นจิ้นเฟิงเหรานั่งดีๆทันที ใบหน้ามองไปรอบๆด้วยความระมัดระวัง
รอให้เขานั่งดีๆแล้ว จื่อเฟิงก็เริ่มเหยียบคันเร่ง วางแผนที่จะสลัดรถคันนั้นทิ้ง
คนในรถคันนั้นยังรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของพวกเขาอย่างชัดเจน เหยียบคันเร่งตามขึ้นมา รถทั้งสองคันก็เริ่มไล่ตามกันขึ้นหน้าหลังอย่างนี้
จิ้นเฟิงเหรามองจากกระจกมองข้าง ปรากฏว่าไม่สามารถเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ แค่พูดว่า “คุณรู้ไหมว่าคนเหล่านี้เป็นใคร?”
สีหน้าจื่อเฟิงมืดมนเล็กน้อย มีลางสังหรณ์นิดๆคืบคลานเข้ามาในใจ พูดเบาๆว่า “คงเป็นต่างประเทศหรือเปล่า?”
ไม่คาดคิดคำพูดของเธอเพิ่งจบลง โทรศัพท์ข้างกายก็ดังขึ้น โทรศัพท์บอกว่าเป็นป๋ายหลี่ซึ่งอยู่ต่างประเทศ
จื่อเฟิงหัวเราะ เป็นไปตามคาด เป็นคนนั้นจริงๆ ไม่ไปผุดไปเกิด
รอหลังจากที่รับโทรศัพท์ จื่อเฟิงยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินป๋ายหลี่โทรศัพท์ทางด้านนั้นตื่นเต้นเล็กน้อย “จื่อเฟิง ตอนนี้คุณยังดีอยู่ไหม?”
จื่อเฟิงทำเสียงว่า “อืม” บอกใบ้ว่าตนเองไม่เป็นอะไร
ป๋ายหลี่ดูเหมือนจะโล่งใจ จึงพูดต่อว่า “พวกเราเพิ่งจะตรวจสอบ หน่วยงานทางนี้ได้ติดตามคุณไปทางด้านหลังแล้ว คุณต้องระวังตัวหน่อย”
“รู้แล้ว” จื่อเฟิงพูดจบ ก็วางสายไป
แบบนี้ดูเหมือนว่า ไม่ใช่แค่คนหรือสองคนที่ติดตามพวกเขา แต่เป็นกลุ่มคน ยังประเมินค่าพวกเขาต่ำไป
สีหน้าของจื่อเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหยียบคันเร่งอีกครั้ง เริ่มการแข่งรถ
จิ้นเฟิงเหรากลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ รีบพูดว่า “ขับไปที่ที่มีคนน้อยๆ อย่าทำเสียงดังในเขตเมือง”
จื่อเฟิงเข้าใจความหมายของเขา ถ้าถึงเวลาที่ขับรถเร็วกว่ากำหนดแล้วถูกตำรวจขวาง เจอกันจังๆกลัวว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้
บริเวณแถวนี้จื่อเฟิงคุ้นเคยมากกว่าพวกเขา ดังนั้นหลังจากจิ้นเฟิงเหราพูดจบ ก็เลยเปลี่ยนทิศทาง ขับรถไปที่ที่มีคนน้อยๆ
จิ้นเฟิงเฉินเห็นว่าทิ้งพวกเขาอยู่ห่างๆ ก็รีบพูดว่า “ฉันจะโทรหาพี่ชายของฉันก่อน ดูความเห็นของเขา”
แต่ในเวลานี้ จิ้นเฟิงเฉินกำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ตอนนี้กำลังตากผม
เจียงสื้อสื้อมองไปเล็กน้อย รีบหยิบผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืนขึ้นมา เช็ดผมของเขาอย่างอ่อนโยน หลังจากเช็ดแห้งไปครึ่งหนึ่ง จึงใช้ไดร์เป่าผมเป่า จึงหมดกังวล
จิ้นเฟิงเฉินมองเธออย่างอบอุ่น ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “สื้อสื้อ ดีจริงๆที่มีคุณ”
พอได้ยินเจียงสื้อสื้อก็ทำอะไรไม่ถูก “ทำไมคุณเหมือนกันกับเสี่ยวเป่า อาบน้ำเสร็จไม่รู้จักทำผมให้แห้ง เป็นหวัดจะทำอย่างไร”
จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้วอย่างไม่สนใจ “นี่ไม่ใช่ว่ามีคุณหรอ? ถ้าทุกวันคุณเห็นว่าฉันไม่ได้เช็ดผมก็จะมาเช็ดผมให้ฉัน งั้นฉันจะไม่เช็ดเองอย่างเด็ดขาด”
การกระทำอันธพาลแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เวลานี้เสี่ยวเป่าที่อยู่ในห้องเห็นว่าทั้งสองคนยังไม่เข้าไปกล่อมกับเขา ไม่พอใจในทันที “แดดดี๊หม่ามี๊ ทำไมพวกคุณยังไม่มากล่อมฉันนอน”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน จำใจต้องวิ่งไปกล่อมเด็กน้อยคนนี้
เจียงสื้อสื้อหยิบหนังสือนิทานขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “วันนี้เสี่ยวเป่าอยากฟังนิทานเรื่องอะไร?”
“ฉันอยากฟังนิทานเรื่อง interstella”
นี่ยากสำหรับเจียงสื้อสื้อแล้ว เธอไม่เข้าใจเรื่องประเภทนี้ ตกตะลึงอยู่ที่นั่นสักพัก
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม “เสี่ยวเป่า แดดดี๊เล่าให้คุณฟังดีไหม?”
“ดี”
ใครจะรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินเตรียมที่จะเล่า โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ปรากฏว่าจิ้นเฟิงเหราโทรมา สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
จิ้นเฟิงเหราแค่ไปตัดเฝือกที่โรงพยาบาล เป็นไปตามเหตุการณ์ว่าไม่มีเหตุผลสำคัญที่ต้องโทร จู่ๆโทรมาตอนนี้ ก็แค่สามารถเกิดเรื่องบนท้องถนน
เพราะว่ากลัวพวกเขาเป็นห่วง ด้วยเหตุนี้จิ้นเฟิงเฉินจึงมองไปที่เสี่ยวเป่าแล้วพูดว่า “เสี่ยวเป่า แดดดี๊ไปรับโทรศัพท์ก่อน” พูดจบก็ออกจากห้องไปรับโทรศัพท์
รอเขากลับมาจากรับโทรศัพท์ สีหน้าไม่ผ่อนคลายเหมือนกับเมื่อกี้ เจียงสื้อสื้อสังเกตุเห็นความผิดปกติ รีบพูดว่า “เฟิงเฉิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอ?”
เธอเพิ่งจะได้ยินว่ามีคนโทรมา แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ดังนั้นเวลานี้นับว่าไม่รู้อะไรเลย
จิ้นเฟิงเฉินรีบพูดว่า “ไม่มีอะไร แค่เกิดเรื่องที่บริษัทเล็กน้อย ฉันอาจจะต้องออกไปตอนนี้ ไปจัดการเรื่องราว”
พูดจบยังขอโทษมองไปทางเสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่า แดดดี๊เกิดเรื่องที่บริษัท วันนี้ก็ไม่ได้เล่านิทานให้คุณฟัง อยู่บ้านกับหม่ามี๊ดีดี ได้ยินไหม?”
ถึงแม้ในใจของเสี่ยวเป่าจะไม่เต็มใจ แต่ยังพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ได้ยินเขาพูดว่าเรื่องของบริษัท เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้คิดมาก ถึงอย่างไรบริษัทก็มีเรื่องไม่เว้นวัน เธอเคยชินไปซะแล้ว