ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 373 ความเป็นศัตรูที่อธิบายไม่ได้
บทที่ 373 ความเป็นศัตรูที่อธิบายไม่ได้
ตอนนี้อยากปกปิดซ่อนเร้น กลับกลายเป็นการเปิดเผยให้โลกรู้จริงๆ แล้ว
ส้งหวั่นชีงโดนพวกเขามองอย่างนี้ แก้มแดงระเรื่อทันที อยู่ต่อไปไม่ไหวจริงๆ รีบก้มหน้าแล้ววิ่งหนี
จิ้นเฟิงเหราคิดไม่ถึงว่าเธอจะหนีไปแบบนี้ ในใจไม่พอใจเล็กน้อย รีบพูด “หวั่นชีง เธออย่าหนีสิ”
แต่ว่าส้งหวั่นชีงไม่ได้ยินที่เขาพูด ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนตั้งนานแล้ว
เจียงสื้อสื้อรีบพูด “ขอโทษนะ เฟิงเหรา ฉันทำให้เธอตกใจแล้วหนีไป”
จิ้นเฟิงเฉินก็อยู่ที่นี่ จิ้นเฟิงเหราจะกล้าพูดอะไร โบกมือทันที “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พี่ชาย พี่สะใภ้ แล้วก็เสี่ยวเป่า พวกคุณนั่งเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้จะอยู่นาน จึงโบกมือไม่นั่งลง แล้วถามจิ้นเฟิงเหรา “นายเป็นยังไงบ้าง มีอะไรหรือเปล่า?”
จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่มีอะไร ยังไงก็ไม่ตายหรอก”
ท่าทางไม่ใส่ใจร่างกายตัวเองอย่างเขา จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว ไม่พอใจเล็กน้อย แล้วพูด “ไม่มีอะไรก็ต้องอยู่ดีๆ”
จิ้นเฟิงเหรายังคงฟังเขา ดังนั้นจึงรีบพยักหน้า อยู่โรงพยาบาลแล้วมีส้งหวั่นชีงอยู่ข้างๆ จริงๆ ก็ไม่ได้แย่
จิ้นเฟิงเฉินมองประตูตลอด น่าจะคิดถึงส้งหวั่นชีง จึงพูด “ถ้าอย่างงั้นพวกเรากลับก่อนนะ เดี๋ยวนายเรียกเธอกลับมาเถอะ”
เธอที่พูดถึงก็คือส้งหวั่นชีง จิ้นเฟิงเฉินไม่บอก จิ้นเฟิงเหราก็เข้าใจ
เจียงสื้อสื้อก็พูดต่อ “งั้นพวกเรากลับแล้วนะ นายดูแลตัวเองดีๆ แล้วกัน”
เสี่ยวเป่าก็รีบพูด “ลาก่อนครับคุณอา”
แค่นั้นแหละ จิ้นเฟิงเฉินพาแม่ลูกทั้งสองกลับบ้าน
เพราะว่าจิ้นเฟิงเฉินเป็นคนพูดว่าให้จื่อเฟิงตามเจียงสื้อสื้อตลอด ฉะนั้นตอนนี้เธอตามข้างหลังพวกเขา กลับไปด้วยกัน
มองท่าทางมีความสุขของครอบครัวเขา ในใจของจื่อเฟิง ไม่รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ แต่คิดว่าแบบนี้จะได้อยู่ข้างๆ จิ้นเฟิงเฉิน เธอก็ต้องทำใจยอมรับมัน
แม้จิ้นเฟิงเฉินจะไม่ได้สนใจตัวเธอเลย
ในวันถัดไป จิ้นเฟิงเฉินออกไปตั้งแต่เช้า
เวลานี้แม่จิ้นเพิ่งตื่น ก็เห็นแผ่นหลังอันงดงามที่จิ้นเฟิงเฉินทิ้งไว้ ไม่พอใจเล็กน้อย
“ทำไมไปเช้าขนาดนี้ อาหารเช้าก็ไม่กิน ร่างกายจะรับไหวได้อย่างไร”
เจียงสื้อสื้อกำลังจะพูด จื่อเฟิงก็พูดก่อน “วันนี้มีผู้มีระดับสูงจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ ท่านประธานบอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องคุย ดังนั้นจึงไปก่อนแล้วค่ะ”
เรื่องธุรกิจแม่จิ้นไม่เข้าใจมากนัก และไม่อยากเข้าใจ จึงแค่ส่ายหน้า โทษจิ้นเฟิงเฉินไม่รักษาสุขภาพของตัวเอง
ทีแรกเจียงสื้อสื้ออยากพูดอะไร เห็นแม่จิ้นไม่มีอารมณ์ถามต่อ จึงพูดว่า “คุณน้าคะ ยังไงก็ทานอาหารเช้าก่อนเถอะค่ะ”
แม่จิ้นพยักหน้า ก็เข้าไปในห้องอาหาร
เพียงแต่ในใจของเจียงสื้อสื้อสับสนมากขึ้น ระดับสูงแบบไหนกัน จื่อเฟิงรู้แต่ตัวเองกลับไม่รู้? และมองความหมายของจิ้นเฟิงเฉิน เหมือนไม่คิดจะบอกตัวเอง
คิดแล้วคิดอีก เจียงสื้อสื้อก็อิ่มแล้ว จึงวางถ้วยและตะเกียบลง
เวลานี้แม่จิ้นก็กินเกือบหมดแล้ว อย่างไรก็ตามจิ้นเฟิงเหรายังอยู่ในโรงพยาบาล เธอยังไม่สามารถวางใจได้ จึงพูดกับเจียงสื้อสื้อ “สื้อสื้อ วันนี้คุณน้าจะไปดูเฟิงเหราที่โรงพยาบาล เธอส่งเสี่ยวเป่าไปโรงเรียนได้ไหม?”
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เจียงสื้อสื้อรีบพยักหน้า “คุณน้าวางใจได้เลยค่ะ ฉันไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้เลย”
ยังไงก็เป็นหม่ามี๊ของเสี่ยวเป่า แม่จิ้นไม่มีเหตุผลที่จะไม่วางใจ ดังนั้นสั่งให้คนใช้ทำอาหารแล้วห่อให้เรียบร้อย ไปโรงพยาบาลทันที
ดูเวลาก็ไม่เช้าแล้ว เจียงสื้อสื้อก็พาเสี่ยวเป่าออกเดินทาง
ระหว่างทาง ในใจของเจียงสื้อสื้อยังคงคิดเรื่องที่จื่อเฟิงบอกว่าจิ้นเฟิงเฉินไปพบผู้ระดับสูง เก็บความสงสัยในใจไม่ได้แล้วถาม “จื่อเฟิง เธอรู้ไหมว่าเป็นผู้มีระดับสูงแบบไหน? ให้เฟิงเฉินรีบร้อนขนาดนี้”
จื่อเฟิงขับรถ ไม่ได้หันกลับมา พูดทันที “ไม่อาจจะบอกเล่าได้”
ได้ยินคำตอบนี้ เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจมากนัก มองจื่อเฟิงผ่านกระจก สังเกตเห็นสีหน้าเธอไม่ได้ดูดี เหมือนกับว่าเคลือบน้ำค้างแข็งไว้หนึ่งชั้น ให้ความรู้สึกเย็นๆ
เพราะรู้ว่าความเป็นศัตรูที่จื่อเฟิงมีต่อเธอ ดังนั้นเจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้จะถามต่อ เพียงแค่ครุ่นคิดในใจ
คิดไม่ถึงว่าจื่อเฟิงเปิดปากพูดก่อน “เรื่องของท่านประธาน มีเรื่องที่เธอไม่รู้อีกเยอะ อีกอย่างไม่ใช่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถให้คุณหญิงอย่างเธอรู้ได้”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกได้โดยธรรมชาติว่าคำพูดของจื่อเฟิงมีความหมายอะไร ในใจรู้สึกอึดอัด ความหมายของคำพูดของเธอ เหมือนกับว่ารู้ทุกอย่าง
บรรยากาศอึมครึมค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
เห็นสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติของเจียงสื้อสื้อ ในใจของจื่อเฟิงรู้สึกได้ใจเล็กน้อย
เธอก็มีวันนี้ ปกติชอบแกล้งทำเป็นไร้เดดียงสาไม่ใช่เหรอ?
เสี่ยวเป่าที่ฉลาดก็สามารถรู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูของจื่อเฟิงและหม่ามี๊ไม่มีความสุข รีบพูดปลอบ “ไม่เป็นไรนะหม่ามี๊ พวกเรากลับไปถามแดดดี๊ก็ได้แล้ว”
เห็นลูกชายตัวเองใส่ใจขนาดนี้ เจียงสื้อสื้อพยักหน้า หยีหัวเขาเบาๆ แล้วหัวเราะเบาๆ
ท้ายที่สุดมันค่อนข้างไม่เป็นที่พอใจนัก คุยไม่ถูกคอ ครึ่งคำก็มากเกินพอ ฉะนั้นคนบนรถก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
แม้กระทั่งหลังจากส่งเสี่ยวเป่าแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้สนใจจื่อเฟิง
จื่อเฟิงมองตัวเองไม่เจริญตา เธอก็ทนมองท่าทางปลอมๆ เขาอีกฝ่ายไม่ได้
เพราะว่านั่งบนรถนอกจากเฉยๆ ก็ยังเฉยๆ ดังนั้นเจียงสื้อสื้อจึงใช้เวลานี้เปิดดูงานของตัวเอง ตัดสินใจงานยุ่งขึ้นมา
เมื่อถึงบริษัท ไม่เห็นจิ้นเฟิงเฉินอยู่ในห้องทำงาน ในเมื่อเป็นผู้มีระดับสูงจากต่างประเทศ งั้นพวกเขาก็ต้องคุยงานที่ห้องประชุม
ทีแรกเจียงสื้อสื้อตัดสินใจไปดูที่ห้องประชุมว่าเป็นคนแบบไหนกัน แต่หมุนตัวก็นึกขึ้นได้ เวลานี้พวกเขาน่าจะกำลังยุ่งมากๆ จึงต้องพับเก็บความคิดนี้
เธอหยิบมือถือขึ้นมา ส่งข้อความให้จิ้นเฟิงเฉิน: ที่รัก นายอย่าลืมหาอะไรกินลองท้องด้วยนะ
ไม่รู้ว่าเพราะยุ่งเกินไปหรือเปล่า จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบกลับมา
ผ่านไปสักพัก เห็นจื่อเฟิงรับโทรศัพท์ แล้วก็ไปที่ห้องประชุม
สายตาของเจียงสื้อสื้อค่อยๆ หมองลง เวลานี้เขาน่าจะยุ่งมาก……
เวลาค่อยๆ ผ่านไป เผลอแป๊บเดียวก็บ่ายแล้ว สาวใช้ที่บ้านส่งอาหารมาให้ คิดไม่ถึงว่าจนถึงตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินยังไม่ลงมา
เจียงสื้อสื้อกินข้าวคนเดียว เก็บส่วนของเขาไว้ตรงนั้น แล้วไปทำโครงการที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
เวลานี้ ผู้จัดการมาหา เห็นเจียงสื้อสื้ออยู่ตรงนี้ รีบพูด “คุณเจียง คุณสามารถช่วยอะไรหน่อยได้ไหม? ฉันมีโครงการที่นัดคุยกับลูกค้า แต่ว่าไม่มีเวลา คุณสามารถไปแทนฉันไหม?”
ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด เจียงสื้อสื้อจึงตกลง
เจียงสื้อสื้อรับเอกสารมาก็ออกไปแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะรอจื่อเฟิงไปด้วยกัน