ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 381 มีคนจู่โจม
บทที่ 381 มีคนจู่โจม
ไม่คิดเลยว่าจิ้นเฟิงเหราจะยังคงมีท่าทีไม่ยอมแพ้ง่ายๆเช่นนี้ เขาพูดอย่างสบายๆว่า “จะยังติดอะไรอีกล่ะ ฉันได้หาคนมาสั่งทำระบบรักษาความปลอดภัยของที่บ้านแล้ว ไม่มีใครสามารถทำลายได้หรอก”
ตอนที่พูดถึงระบบรักษาความปลอดภัย จิ้นเฟิงเหรารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่รอบคอบจริงๆ
ระบบรักษาความปลอดภัยนี้เขาสั่งทำจากบริษัท อินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยราคาที่สูงลิ่ว และยังมีการให้แฮกเกอร์สิบกว่าคนมาลองจู่โจมพร้อมๆกัน ผลคือได้แค่แตะเพียงผิวเผินเท่านั้น
แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับไม่คิดว่าตัวเองกังวลจนเกินเหตุ ยังไงซะโลกนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ หากอีกฝ่ายเกิดเก่งกาจมาก ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายเก่งกาจแค่ไหน แน่นอนว่าการป้องกันไว้ย่อมดีกว่า
จิ้นเฟิงเฉินพูดขึ้นมาช้าๆว่า “มันก็ไม่แน่”
ท่าทางนี้ทำให้จิ้นเฟิงเหราจนใจ ทั้งไปที่เป็นสิ่งที่เขาภูมิใจกับมันแท้ๆ แต่กลับถูกพี่ชายตัวเองดูถูกใส่
จิ้นเฟิงเฉินพูดต่อไม่รอให้เขาคิดมาก “ฉันจะส่งคนไปเยอะหน่อย อย่าประมาทเกินไปล่ะ”
พอได้ยินเช่นนั้นจิ้นเฟิงเหราก็เลิกงอน ที่แท้พี่ก็เป็นห่วงเขานั่นแหละ อีกอย่างเขาอาจทำตัวเอ้อระเหยลอยชายจนเคยชิน ท่าทางของเขาสามารถทำให้พี่ชายกลุ้มใจได้จริงๆนั่นแหละ
ถ้าเกิดตอนนี้อาการบาดเจ็บที่ขาเขายังไม่หาย ก็คงจะนับว่าเขาพิการไปครึ่งหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าก็ไม่ควรเพิ่มความลำบากให้คนอื่น และประสิทธิภาพก็คงไม่เหมือนเมื่อก่อน เพิ่มป้องกันอีกชั้นก็ไม่มีอะไรพอที่จะเป็นความผิดพอที่จะวิจารณ์ได้แล้ว
หลังจากวางโทรศัพท์ในมือ จิ้นเฟิงเหราก็เริ่มเกมที่ตึงเครียดของเขาอีกครั้ง
ตอนนี้เขายังคงดูแลสุขภาพ ไม่ได้สนใจเรื่องของบริษัท เอาแต่นั่งเล่นเกมอยู่บ้านทุกวัน พอหิวหรือกระหายน้ำก็มีคนคอยรับใช้ หลังส้งหวั่นชีงเลิกงานงานก็มาหาเขาที่นี่ทุกวัน เอาใจเขาหากเขาต้องการอะไรก็หามาให้ ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าวันๆใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากแค่ไหน
แต่วันที่แสนสบายของเขาดูเหมือนจะไม่ตรงใจไปหมดทุกอย่าง คืนวันนั้นเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ประตูก็ดังขึ้น
นี่คือสัญญาณที่บอกว่ามีคนโจมตี
เพราะตอนนั้นกลัวว่าจะเกิดอะไรที่คาดไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงติดตั้งสัญญาณเตือนภัยที่ประตูบ้านเผื่อมีคนบุกเข้ามา ตัวเขาเองจะได้เตรียมตัวล่วงหน้าทัน
ไม่คิดเลยว่าพอถึงตอนนี้จะได้ใช้จริงๆ จิ้นเฟิงเฉินนี่เดาไม่ไม่ผิดเลย
พอเห็นพ่อบ้านรีบวิ่งขึ้นมาแล้วพูดกับจิ้นเฟิงเหราอย่างตึงเครียดว่า “คุณชายครับ มีคนบุกเข้ามาแล้วครับ ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดีครับ?”
เมื่อเทียบความเครียดกับพ่อบ้านแล้ว เขาดูสงบกว่าเยอะ พอเห็นเขาเอาเสื้อพาดไหล่แล้วเดินตรงไปที่ห้องหนังสือ
คอนโซลหลักของระบบรักษาความปลอดภัยอยู่ที่นั่น เพียงแค่เข้าสู่ระบบก็สามารถดูได้ว่าเกิดปัญหาตรงไหน จะได้เตรียมการล่วงหน้าได้
โชคดีที่สร้างความเสียหายเพียงแค่ระบบรักษาความปลอดภัยรอบนอกบ้าน ไม่ได้สร้างความเสียหายให้จุดอื่น
คนคนนั้นทำลายระบบเพื่อที่จะแอบเข้ามาในบ้าน แต่ว่าหากทำลายระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมด ระบบป้องกันจะถูกเปิดใช้งานทันที ต่อให้พวกเขาจะไม่สามารถเข้ามาได้ชั่วครู่ชั่วยาม
จิ้นเฟิงเหราพุ่งออกมาแล้วพูดกับบ้าน “ออกมาหมดเถอะ เกิดเรื่องขึ้นข้างนอก”
ในบ้านเขายังมีบอดี้การ์ดอีกสองคน พอวันนี้ได้ฟังจิ้นเฟิงเฉินพูด เขาก็มอบหมายงานให้บอดี้การ์ดใส่ใจเตรียมป้องกันโดยเฉพาะ
รอบนอกของบ้านได้ตั้งระบบไว้ จึงยากมากที่คนนอกจะเข้ามาได้ แต่เขาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าระบบรักษาความปลอดภัยจะไร้ข้อผิดพลาด วางแผนไว้ให้รอบด้านจะดีกว่า
ตอนนี้คนที่เดินไปเดินมารอบบ้านเป็นทหารรับจ้างสองคน พวกมันสองคนคาดไม่ถึงว่าการลงมือในครั้งแรกนี้จะเจอกับอุปสรรคชิ้นใหญ่
เพราะถูกเจอได้ทันเวลา เสียงเตือนภัยจึงดังขึ้น ในตอนนั้นเองคนที่จิ้นเฟิงเฉินส่งมาซุ่มคุ้มกันจิ้นเฟิงเหราอย่างลับๆก็ทยอยออกมา
แม้ภายนอกบ้านจะดูสงบ แต่ความจริงภายในบ้านมีหลายสิ่งที่เคลื่อนไหวเงียบๆราวกับศึกครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น
แต่ทว่าทหารรับจ้างทั้งสองคนก็ไม่ธรรมดา พอเมื่อเห็นว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ ทั้งคู่จึงสบตากันแล้วถอยออกไป
แม้ว่าจะเป็นแค่การโจมตีครั้งแรก แต่เหตุการณ์นี้ก็เตือนจิ้นเฟิงเหราไว้ว่า ของบางอย่างนั้นเกรงว่าจะยิ่งไม่สามารถควบคุมได้เรื่อยๆ
ทางฝั่งจิ้นเฟิงเฉินที่กำลังหลับอยู่ พอได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นอย่างรุนแรงและก็รีบควานรับสายทันที พอได้ฟังข่าว ตาของเขาก็เบิกกว้าง
“เฟิงเหราเป็นอะไรมั้ย?” น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินตึงเครียดขึ้นมาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะแจ้งอะไรที่ไม่ดีออกมา
“คุณชายใหญ่วางใจได้ครับ ระบบรักษาความปลอดภัยที่คุณชายรองติดตั้งนั้นมีประโยชน์มากๆเมื่อรวมกับคนที่เราส่งไปก็เห็นผลที่ดีมากเช่นกัน ตอนนี้สถานการณ์โอเคแล้วครับ”
เมื่อได้ยินว่าจิ้นเฟิงเหราไม่เป็นอะไร จิ้นเฟิงเฉินถึงจะโล่งใจ
เขาไม่คิดเลยว่าคนเหล่านั้นจะได้ใจขนาดนี้จนถึงขั้นกล้าบุกไปที่บ้านของเฟิงเหรา ดูเหมือนว่านับวันความกล้าของพวกเขาจะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งจะยังไม่พอ คนเหล่านั้นยังแบ่งความสนใจมาแก้แค้นเขา เกรงว่าตอนนี้อาจยังทำไม่ได้
พอดีที่ตอนนี้ที่ต่างประเทศอยู่ในช่วงกลางวัน จิ้นเฟิงเฉินจึงรีบโทรหาคนรับผิดชอบดูแลบริษัทลูก
อีกฝ่ายพูดอย่างนอบน้อมว่า “ท่านประธาน มีเรื่องอะไรครับ?”
“เร็วๆนี้ฉันมีปัญหากับคนในสตีเฟนกรุ๊ป ฉันคิดว่าเราต้องหาอะไรให้พวกเขาทำสักหน่อย ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะมีประสบการณ์การทรมานในประเทศเยอะ”
เมื่อได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นในประเทศ น้ำเสียงของอีกฝ่ายก็ดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดจึงรีบถามกลับว่า “ท่านประธานครับ ท่านประธานไม่มีใช่มั้ยครับ?”
ยังไงซะตอนนี้ที่ในประเทศก็เป็นเวลากลางดึก อีกฝ่ายกล้าเดาได้เลยว่า ที่ฝั่งจิ้นเฟิงเฉินคงจะเกิดเรื่องอะไรสักอย่างถึงโทรหาเขา
“ฉันไม่เป็นไร แค่นายใช้เรื่องยาจากทางบ้านมาจัดการก็พอ ทางที่ดีทำให้พวกมันตกอยู่ในสภาพอึดอัดให้เร็วที่สุดจะดีมาก” จิ้นเฟิงเฉินกระแอมแล้วพูดเรียบๆ
สตีเฟนมีส่วนร่วมในหลายธุรกิจ แต่ธุรกิจที่สำคัญที่สุดคือธุรกิจยา การทำธุรกิจนี้ใสสะอาด โดยเฉพาะหลังจากที่จี้เฉินรับไม้ต่อ การพัฒนารวดเร็วขึ้น วิธีเบื้องหลังนี้ย่อมไม่ธรรมดา
จิ้นเฟิงเฉินเองก็ทำธุรกิจดังนั้นเขาจึงรู้เส้นการพลิกผันดี
ไม่ว่าจะทำอะไรต้องจับจุดให้แม่น ธุรกิจของสตีเฟนกรุ๊ปมากมาย หากจะเอาให้ถึงตายต้องโจมตีธุรกิจยา
เพราะยังไงมันก็เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คน หากมีปัญหาขึ้นก็ง่ายที่จะลุกไม่ขึ้นอีกคนของจิ้นเฟิงเฉินมีความสามารถมาก ในคืนนั้นที่ต่างประเทศ สตีเฟนได้รับรายงานว่าเป็นยาของบริษัทลูกเป็นอันตรายต่อคน
ทันทีที่ข่าวออกไปทุกคนก็พากันตกใจ เพราะธุรกิจยาของสตีเฟนกรุ๊ปมีอยู่ในทุกพื้นที่ทุกประเทศ หากมีปัญหาจริง ผลที่ตามมานั้นไม่อาจจะคาดคิดได้
ผลกระทบของเหตุการณ์นี้ที่มีต่อสตีเวนก็เห็นได้ชัด เช้าวันต่อมาหุ้นเริ่มผันผวน ข่าวต่างประเทศมากมายรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ จนสตีเฟนกรุ๊ปเข้าสู่หายนะขั้นสุดในเวลาไม่นาน ทุกคนต่างจับตาทิศทางของบริษัทนี้