ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 390 อาจตายได้เลยนะ
บทที่ 390 อาจตายได้เลยนะ
“ฉันรู้ว่าคนของแกจะต้องอยู่แถวนี้ ดังนั้น…”
ทหารรับจ้างหญิงส่งเสียงอย่างเย็นชา ในตอนนั้นเองจู่ๆในมือเธอก็มีของที่เหมือนจะเป็นรีโมทปรากฏขึ้น พอจิ้นเฟิงเหราเห็นก็ขนลุกแล้วตะโกนบอกส้งหวั่นชีงว่า “วิ่ง!”
จิ้นเฟิงเหราอยากจะดึงส้งหวั่นชีงวิ่ง แต่เพราะอาการบาดเจ็บที่ขาของเขายังไม่หายดี ส้งหวั่นชีงจึงต้องช่วยพยุงเขา
ตอนนี้เขาเพิ่งเข้าใจว่าพลุที่ทหารรับจ้างชายพูดนั้นหมายความว่าอะไร ที่แท้พวกเขาได้ฝังวัตถุระเบิดที่นี่ไว้ก่อนแล้ว
ส้งหวั่นชีงไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆจิ้นเฟิงเหราถึงอารมณ์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมองสีหน้าที่ตึงเครียดของเขา เธอก็อดตกใจไม่ได้ ร่างกายของเธอมีแรงขึ้นมา เธอดึงจิ้นเฟิงเหราพุ่งไปข้างหน้า
เมื่อเห็นทั้งสองกำลังหนี ทหารรับจ้างหญิงก็ยกมุมปากขึ้น กดปุ่มแล้วหนีไปกับทหารรับจ้างชาย
แน่นอนว่าจิ้นเฟิงเฉินได้ยินสิ่งที่ทหารรับจ้างหญิงพูด หลังจากเข้าใจความหมายที่เธอสื่อ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปแล้วตะโกนไปว่า “รีบมาช่วยที!”
แต่ทว่าทันทีที่คำพูดของเขาจบลงก็มีเสียงดังมาจากภายในโรงงาน…
ตอนนี้มีหน้าตำรวจเปลี่ยน จึงรีบสั่งให้ถอนกำลังออก แต่ระเบิดมีอานุภาพรุนแรงมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะหนีอย่างรวดเร็ว แต่หลายๆคนก็ยังได้รับผลกระทบจากมัน
หลังจากได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น จิ้นเฟิงเฉินก็ตะลึงอยู่กับที่แล้วมองตรงไปที่โรงงานที่ถูกไฟไหม้ ที่มีประกายไฟพุ่งมาที่หน้าเขาบ้าง
ผู้กำกับเห็นจิ้นเฟิงเฉินยังยืนตกตะลึงอยู่กับที่จึงเข้าไปดึงเขาให้ถอยหนี
“ประธานจิ้นครับ ผมไม่รู้ว่ามีระเบิดฝังอยู่ในนั้นอีกเท่าไร คุณควรรีบตามกองทหารไปยังพื้นที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด”
แต่จิ้นเฟิงเหราไม่ตอบสนองใดๆ เขายังคงมองไปข้างหน้าแล้วปล่อยให้ผู้กำกับดึงเขาไปตามใจ
สถานการณ์ในตอนนี้วุ่นวายมาก โรงงานกำลังลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงและมันยังคงลุกลามไม่หยุด มีเสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังมาจากฝูงชนเป็นครั้งคราว
ทหารรับจ้างทั้งสองอาศัยจังหวะที่กำลังโกลาหลหนีไป
ในตอนนี้บางคนรับหน้าที่ในการดับไฟ บางคนรับหน้าที่ในการติดตามคนร้าย คนอื่นๆรับหน้าที่โทรขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน โชคดีที่คนในนี้ทั้งหมดเป็นทหาร มันจึงไม่ถึงขั้นแย่มาก
ในตอนนี้มีคนสวมชุดป้องกันไฟเดินผ่านจิ้นเฟิงเฉินไป จิ้นเฟิงเฉินได้หยุดเขาไว้แล้วพูดว่า “ขอชุดป้องกันให้ผม”
คนที่ถูกหยุดไว้นักดับเพลิงที่กำลังรีบมา พอเขามองไปที่แววตาของจิ้นเฟิงเฉิน ก็อดตกใจไม่ได้
ดวงตาของจิ้นเฟิงเฉินแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร้องไห้หรือว่าควันเข้าตา
ออร่าที่เปล่งออกมาจากจิ้นเฟิงเฉินทำให้คนอื่นไม่สามารถเพิกเฉยได้ ราวกับว่าเขาเป็นเทพเจ้าลงมาสู่พื้นโลกยังไงยังงั้น ไม่มีใครสามารถปฏิเสธคำขอของเขาได้
นักดับเพลิงมองไปที่จิ้นเฟิงเฉินแล้วถอดชุดออกทันที
จิ้นเฟิงเฉินสวมชุดเสร็จก็จะพุ่งเข้าไปในเปลวเพลิง แต่ถูกผู้กำกับห้ามไว้
เมื่อเห็นสายตาที่ไม่กลัวตายของจิ้นเฟิงเฉิน ผู้กำกับก็อดพูดห้ามเขาไม่ได้ “ข้างในอันตรายเกินไป ผมไม่รู้ว่ามีระเบิดฝังอยู่อีกเท่าไร ถ้าคุณพุ่งเข้าไป อาจถึงตายได้นะ!”
จิ้นเฟิงเฉินหันหน้าไปมองหน้าผู้กำกับแล้วพูดเน้นทีละคำว่า “น้องชายของผมอยู่ข้างใน ผมก็ต้องไปช่วย ถ้าพวกคุณไม่ช่วย ผมจะไปช่วย หลบไป!”
ไม่รู้ว่าเพราะตกใจกับสายตาหรือน้ำเสียงของเขา ผู้กำกับตะลึงค้างอยู่กับที่ แล้วมองร่างของจิ้นเฟิงเฉินที่กระโดดลงไปในกองเพลิง
ผ่านไปชั่วครู่ถึงจะได้สติ จึงได้รีบให้ผู้ติดตามเขาไปช่วย
ในตอนนี้ทุกคนไม่สนการไล่ล่าทหารรับจ้างสองคนนั้นอีกต่อไป ในใจจิ้นเฟิงเฉินมีเพียงความคิดเดียวนั่นคือเขาต้องพาจิ้นเฟิงเหรากลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้
พอเข้าไปถึงในโรงงาน จิ้นเฟิงเฉินถึงรู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน รอบตัวเขามีเสียงวัตถุแตกเป็นระยะๆ ในตอนนี้อิฐที่อยู่รอบนอกโรงงานก็ร่วงลงมา
ควันหนาตรงหน้าลอยหนาบังทัศนวิสัยของเขา เพราะใส่ชุดป้องกันไฟจิ้นเฟิงเฉินจึงไม่สามารถตะโกนส่งเสียงออกมาได้ เขามองไปรอบๆก็ไม่เห็นจิ้นเฟิงเหรา
ใจจิ้นเฟิงเฉินเต้นรัวอย่างตระหนก หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา?
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มความอันตรายให้จิ้นเฟิงเหรา จิ้นเฟิงเฉินดึงก้อนอิฐข้างๆอย่างหมดหวัง ตำรวจที่อยู่รอบตัวเห็นก็อดถอนหายใจไม่ได้
แรงระเบิดใหญ่ขนาดนี้นี้ขนาดพวกเขาอยู่ไกลยังได้รับผลกระทบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจิ้นเฟิงเหราที่อยู่ใจกลางของระเบิด
คนหนึ่งในนั้นทนดูต่อไปไม่ไหวจึงตบไหล่จิ้นเฟิงเฉิน “ประธานจิ้นครับ คุณชายรองอาจ…”
คำพูดที่เหลือไม่ได้ออกจากปากเขา เพราะสำหรับคนที่รักกันแล้วเรื่องแบบนี้มันโหดร้ายเกินไป
จิ้นเฟิงเฉินได้ฟังก็คว้าคอเสื้อเขาทันทีแล้วดึงหมวกป้องกันออก สายตาแดงก่ำมองไปที่คนที่เพิ่งพูดเมื่อกี้แล้วพูดกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้าคุณกล้าพูดจามั่วซั่ว ผมจะฆ่าคุณ”
เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกแล้วปล่อยเขาไป
จิ้นเฟิงเฉินเข้าไปข้างในอย่างช้าๆพลางเรียกชื่อจิ้นเฟิงเหราเสียงดังไปด้วย แต่ไม่มีใครตอบกลับ
ไฟในโรงงานรุนแรงขึ้น ควันได้เข้าไปในลำคอจนเขาเวียนหัว
มีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งด้านใน ตำรวจเห็นว่าสถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤติ พวกเขาจึงตีจนจิ้นเฟิงเฉินสลบแล้วถอยออกไปโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น
วินาทีที่พวกเขาออกไปเศษชิ้นส่วนขนาดใหญ่ก็พุ่งออกจากโรงงาน เสียงก็ดังกึกก้องในยามค่ำคืน
แม่จิ้นที่อยู่บ้านรู้สึกใจหายสุดๆ ตอนนี้ห้าทุ่มแล้ว แต่เธอกลับไม่ง่วงเลย
เมื่อลงไปชั้นล่างก็เห็นเจียงสื้อสื้อยังคงเล่นกับเสี่ยวเป่าอยู่ก็เดินไปหา
เจียงสื้อสื้อเห็นแม่จิ้นก็รีบขึ้น “ดึกป่านนี้แล้วทำไมคุณป้ายังไม่นอนคะ?”
แม่จิ้นขมวดคิ้ว “สื้อสื้อ ตอนนี้ฉันใจไม่ค่อยดีเลย ฉันรู้สึกเหมือนว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เมื่อกี้ฉันโทรหาเฟิงเหยากับเฟิงเฉิน แต่ไม่มีใครรับเลย ฉันกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา”
เจียงสื้อสื้อได้ฟังดังนั้นก็พูดปลอบ “คุณป้าไม่ต้องกังวลนะคะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เฟิงเฉินบอกหนูว่าช่วงนี้ที่บริษัทงานยุ่ง แค่จัดการงานให้เสร็จทั้งหมดก็จะกลับมาเป็นปกติแล้ว คุณป้ารีบไปนอนเถอะค่ะเดี๋ยวหนูจะลองโทรหาเฟิงเฉินให้อีกเองค่ะ”
แม่จิ้นได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นจึงเดินขึ้นไปชั้นบน
หลังจากที่แม่จิ้นออกไปแล้ว เจียงสื้อสื้อก็โทรหาจิ้นเฟิงเฉิน แต่เสียงที่รับสายนั้นไม่ใช่เสียงอ่อนโยนของจิ้นเฟิงเฉิน แต่กลับเป็นเสียงคอเซนเตอร์หญิง
จริงๆแล้วเธอก็กังวลมากเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้จิ้นเฟิงเฉินเคยบอกเธอว่ามีกลุ่มหนึ่งแอบซุ่มอยู่รอบตัวพวกขา ไม่แน่ว่าวันไหนจะลงมือกับพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้นเขาบอกกับเธอไว้แล้วว่าวันนี้เขาจะกลับมา แต่ทำไมตอนนี้ถึงโทรหาเขาไม่ติด
เฟิงเฉิน ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน…
เสี่ยวเป่าที่อยู่ด้านข้างสังเกตอารมณ์ของเจียงสื้อสื้อจึงโยนของเล่นในมืออย่างรู้ความ เขายื่นมือไปกอดคอของเธอแล้วพูดว่า “หม่ามี๊ครับ เสี่ยวเป่าอยู่นี่แล้ว เสี่ยวเป่าจะปกป้องหม่ามี๊เอง”