ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 401 มาทำน้องชายน้องสาวกัน
บทที่ 401 มาทำน้องชายน้องสาวกัน
เจียงสื้อสื้อนิ่งไปสักพัก เอานิ้วชี้มาที่ตัวเอง พูดออกไปที่ล่ะคำชัดๆ ว่า “ที่นี่ไม่มีที่ของพ่อ ตอนที่เขาได้ไล่ฉันออกจากบ้านตระกูลเจียงนั้น ก็ไม่มีที่ของเขาแล้ว!”
พูดจบเจียงสื้อสื้อก็เริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้ จิ้นเฟิงเฉินได้รีบไปกอดเธอไว้แน่น กอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด มองไปที่เจียงเจิ้นแล้วพูดว่า “คุณเจียง ภรรยาของผมพูดไปแล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ ถ้าคุณรู้เรื่องก็รีบออกไปเถอะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ข้างหน้าของเจียงเจิ้นนั้นได้ปล่อยความกดดันมาให้เขา เจียงเจิ้นก็รู้ว่าถ้าตัวเองยังอยู่ตรงนี้ต่อ ก็คงเป็นการทำให้ตัวเองนั้นเสียศักดิ์ศรีเท่านั้น แต่ว่าตอนนี้เขานั้นยังไปไม่ได้
“เฟิงเฉิน……”
“ขอโทษครับ ผมกับคุณไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
เจียงเจิ้นนั้นอยากจะพูดอะไรออกไปเพื่อที่จะดึงความสัมพันธ์ให้สนิทกว่าเดิมกับจิ้นเฟิงเฉิน แต่ก็ถูกเขาสวนกลับอย่างไม่เกรงใจ
เขาเลยทำได้แค่เปลี่ยนสรรพนามแล้วพูดว่า “คุณจิ้น ขอให้ผมนั้นได้พูดคุยกับสื้อสื้อหน่อย สื้อสื้อพ่อรู้ว่าเมื่อก่อนนั้นเสิ่นซูหลันกับนวลนวลได้ทำเรื่องที่เกินไปไว้มาก วันนี้พ่อนั้นเดิมทีอยากจะมาขอโทษลูกแทนพวกเขา
เป็นคนของตระกูลเจียงด้วยกัน สื้อสื้อลูกต้องให้อภัยแล้วก็ให้อภัย เห็นแก่อายุที่มากของพ่อแล้ว สื้อสื้อลูกให้อภัยพ่อได้ไหม?”
“ทำไมฉันต้องรับคำขอโทษจากคุณด้วย หรือว่าบาดแผลที่ฉันได้รับมาก่อนหน้านั้น จะหายได้เพราะคำพูดขอโทษแค่ประโยคเดียวของคุณ?
คุณยังมีหน้าจะขอให้ฉันให้อภัยคุณอีกเหรอ? ขอโทษนะ เรื่องพวกนี้ฉันให้อภัยไม่ได้ คำขอโทษของคุณฉันรับไว้ไม่ได้”
เจียงสื้อสื้อได้ตอบปฏิเสธไปอย่างหนักแน่น
เพราะว่าเธอรู้สึกว่าการที่เจียงเจิ้นมาวันนี้นั้นเป้าหมายไม่ได้มีแค่มาขอโทษง่ายๆ แค่นั้น
เจียงเจิ้นนั้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เดิมเขาคิดว่าถ้าทำให้ตัวเองดูน่าสงสารเจียงสื้อสื้อก็จะให้อภัยเขา แต่คิดไม่ถึงว่าเจียงสื้อสื้อในตอนนี้นั้นได้ใจแข็งขนาดนี้
เห็นว่าพูดกับเจียงสื้อสื้อไม่ได้ เจียงเจิ้นก็ได้เปลี่ยนเป้าหมายไปที่จิ้นเฟิงเฉิน
“งั้นคุณจิ้นผมของคุยกับคุณหน่อยได้ไหม?”
ในที่สุดก็โผล่หางออกมาสักที เจียงสื้อสื้อหัวเราะหึออกมา เธอรู้อยู่แล้วว่าเป้าหมายของเขานั้นไม่ได้ง่ายแค่นั้น
เธอได้ขวางกลางไว้ระหว่างทั้งสอง พูดออกไปอย่างเย็นชาว่า “กับคุณไม่มีอะไรต้องคุย”
ไม่รอให้เจียงเจิ้นพูด เจียงสื้อสื้อก็ได้ลากจิ้นเฟิงเฉินออกไปจากโรงพยาบาล
ผู้ชายอย่างเจียงเจิ้นนั้นเห็นผลประโยชน์เป็นใหญ่มาโดยตลอด คราวนี้ที่เขามาหา ก็คงเป็นเพราะตระกูลเจียงนั้นเจอกับปัญหา
กลับไปถึงรถ เจียงสื้อสื้อนั้นอารมณ์ไม่ค่อยดี จิ้นเฟิงเฉินเห็นแบบนั้นก็ได้ปลอบว่า “ไม่ต้องทำให้ตัวเองอารมณ์ไม่ดีเพราะเขา ในโรงพยาบาลมีคนของผมอยู่เยอะ ต่อให้เจียงเจิ้นอยากจะทำอะไรก็เป็นไปไม่ได้”
เจียงสื้อสื้อได้ยินก็ได้เข้าซบไปในอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเฉิน จับมือของเขาแล้วพูดว่า “ฉันรู้ค่ะ แต่พอฉันคิดถึงเรื่องที่เขาเอาเรื่องแม่ของฉันมาเข้าใกล้คุณ ฉันก็ไม่สบายใจเท่าไหร่”
เห็นเจียงสื้อสื้อได้เบะปาก จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกว่าน่ารักมากๆ ก็ได้จูบลงไป ทำเอาเจียงสื้อสื้อทั้งตกใจและทั้งอาย
เธอได้มองไปยังคนขับรถที่นั่งอยู่ข้างหน้า มั่นใจว่าเขานั้นไม่เห็นอะไร ถึงได้วางใจ ได้มองไปยังจิ้นเฟิงเฉินแบบดุๆ พูดเสียงเบาว่า “ตรงนี้ยังมีคนอื่นอยู่นะ ถ้าเกิดถูกเห็นเข้ามันไม่ดี”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มไม่พูดอะไร คนขับรถนั้นเหมือนจะรู้งานก็ได้ปล่อยแผ่นกันข้างหลังลง
เวลานั้นคนขับรถเหมือนได้นั่งอยู่บนหนาม เมื่อกี้เขานั้นได้รู้สึกถึงสายตาที่แหลมคมของเจ้านายที่มองมา ดีที่ได้ปล่อยแผ่นกันลงมา จากนั้นก็บังคับตัวเองให้มองไปข้างหน้า สายตาไม่มองที่อื่นเลยสักนิด
เห็นแผ่นกันที่ปล่อยลงมา เจียงสื้อสื้อก็เขินมากๆ คำพูดเมื่อกี้คนขับรถต้องได้ยินแล้วแน่ๆ เธอนั้นได้มองบนใส่จิ้นเฟิงเฉินจากนั้นไม่มองเขาต่อ
นอนลงไปที่ตักของจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อก็เริ่มง่วง ลมนอกรถนั้นได้พัดมากระทบหน้าเธอเบาๆ สบายมากๆ ทำให้เธอนั้นอดไม่ได้ที่จะไม่คิดว่าอยากจะอยู่แบบนี้ตลอดไป
“ยัยหมูน้อยขี้เกียจถึงบ้านแล้วครับ ตื่นได้แล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินได้เขย่าตัวเจียงสื้อสื้อเบาๆ เจียงสื้อสื้อก็ค่อยๆ ตื่นขึ้น
“หื้ม ถึงแล้วเหรอ” เธอได้ขยี้ตาด้วยความงัวเงีย
เห็นท่าทางที่เธอพึ่งตื่น จิ้นเฟิงเฉินก็หลงเธอมากๆ น่ารักเกินไปแล้วแบบนี้
เขาได้ลงจากรถก่อน ยังไม่รอให้เจียงสื้อสื้อได้ตั้งตัว ก็ได้อุ้มเธอขึ้นมา ทำเอาเจียงสื้อสื้อนั้นตกใจ
ทั้งสองคนก็ได้เดินเข้าประตูบ้านทั้งแบบนี้ คนใช้ในตระกูลจิ้นได้เห็นภาพแบบนั้น ก็ได้พากันอิจฉา คิดไม่ถึงว่าคุณชายของพวกเขานั้นจะรักหลงคุณนายได้ขนาดนี้
เวลานี้เสี่ยวเป่านั้นได้เล่นกับแม่จิ้น ตอนที่เห็นเจียงสื้อสื้อถูกอุ้มกลับมานั้น ก็ได้แอบขำ แม่จิ้นที่เห็นก็ยิ้มจนหุบปากไม่อยู่
“หม่ามี๊น่าอาย โตขนาดนี้แล้วยังให้แด๊ดดี้อุ้ม”
เจียงสื้อสื้อพึ่งได้นั่งลงก็ถูกเสี่ยวเป่าแซว
พอโดนเสี่ยวเป่าแซว หน้าของเจียงสื้อสื้อก็ได้แดงกว่าเดิม จ้องเขม็งไปยังจิ้นเฟิงเฉินแล้วอธิบายออกไปว่า “เมื่อกี้หม่ามี๊นั้นเหนื่อยเกินไป……”
พูดจบ รอยยิ้มของแม่จิ้นก็ได้กว้างกว่าเดิม เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าเธอนั้นยิ่งอธิบายออกไปก็ยิ่งทำให้เข้าใจผิดมากกว่าเดิม ทำเอาเธอนั้นเรื่องคิดหนัก
สุดท้ายจิ้นเฟิงเฉินก็ได้เปิดปากพูด “วันนี้สื้อสื้อเหนื่อยไปหน่อย ผมขอพาตัวเธอไปพักผ่อนก่อนนะครับ”
“ไม่ได้! แด๊ดดี้จะแย่งหม่ามี๊กับเสี่ยวเป่าไม่ได้นะ วันนี้แด๊ดดี้ได้ยึดไปทั้งวันแล้ว” ต้องที่เจียงสื้อสื้อจะขึ้นไปข้างบนนั้น เสี่ยวเป่าก็ได้ประท้วง
แต่ว่าเขาจะสู้จิ้นเฟิงเฉินได้ยังไง จิ้นเฟิงเฉินได้หิ้วคอเสื้อของเสี่ยวเป่าแล้วก็โยนไปที่โซฟา พูดขู่ออกไปว่า “ลูกโตแล้ว ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว
แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ขึ้นไปพักผ่อนสักพัก ลูกอยู่กับคุณย่าดีๆ ถ้าลูกไม่เชื่อฟังล่ะก็ ต่อไปแด๊ดดี้จะไม่ให้ลูกนอนกับหม่ามี๊”
“เสี่ยวเป่าจ๊ะ แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ของลูกเนี่ยมีเรื่องที่ต้องทำ เสี่ยวเป่าอยากจะมีน้องชายน้องสาวไหมครับ?”
แม่จิ้นต้องเข้าใจความคิดของลูกชายเธออยู่แล้ว ลากเสี่ยวเป่ามาแล้วก็พูดปลอบออกไป
“อยากมีครับ!” เสี่ยวเป่าได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมากๆ ก็ได้ไปเล่นกับแม่จิ้นอย่างว่าง่าย
กลับไปถึงห้อง สายตาที่เจ้าเล่ห์ของจิ้นเฟิงเฉินได้มองไปยังเจียงสื้อสื้อ ถูกสายตาแบบนั้นของเขาจ้องมอง เจียงสื้อสื้อก็ได้เริ่มระแวงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
เพื่อที่จะป้องกันตัวเองจากสัญชาตญาณดิบของเขา เจียงสื้อสื้อนั้นได้รีบวิ่งเข้าไปอยู่ในผ้าห่ม แล้วก็ม้วนตัวเองอย่างหนาแน่น มีแค่หัวของตัวเองเท่านั้นที่อยู่ข้างนอก
“เธอเป็นนกกระจอกเทศเหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินเห็นเธอแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“ไม่ใช่ ก็แค่แบบนี้จะปลอดภัยขึ้นมาหน่อย” เจียงสื้อสื้อกะพริบตา
“ถ้าแบบนี้ล่ะ?” จิ้นเฟิงเฉินได้กอดเจียงสื้อสื้อที่อยู่บนเตียง กระชากผ้าห่มของเธอออก ยิ้มเยาะเย้ยเล็กน้อยมองเจียงสื้อสื้อ
เพราะว่าแรงน้อย เวลานั้นเจียงสื้อสื้อได้แพ้เลยทันที
……
รอตอนที่จิ้นเฟิงเฉินปล่อยเธอไปนั้น เจียงสื้อสื้อนั้นก็ได้หมดแรงไป ได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเฉินอย่างขี้เกียจ
เธอนั้นได้นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ เปิดปากพูดว่า “เฟิงเฉิน คุณว่าที่อยู่ๆเจียงเจิ้นก็มาหาคุณนั้น เป็นเพราะว่าเกิดปัญหาที่บริษัทหรือเปล่า”
จิ้นเฟิงเฉินคิดไปสักพักก็พูดว่า “เหมือนว่าบริษัทของเขานั้นได้เกิดปัญหาขึ้นจริงๆ เกรงว่าเร็วๆ นี้เจียงซื่อกรุ๊ปนั้นจะได้เปลี่ยนชื่อเป็นหลานซื่อกรุ๊ปแล้ว”
เจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ รีบถามออกไปว่า “ทำไมเป็นแบบนี้? ตระกูลเจียงกับตระกูลหลานมีความสัมพันธ์แบบครอบครัวไม่ใช่เหรอ?”