ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 403 ใครเป็นภรรยาของคุณ
บทที่ 403 ใครเป็นภรรยาของคุณ
เป็นเพราะว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เจียงสื้อสื้อก็ได้เข้าไปดูเวยป๋อ
คิดไม่ถึงว่า จะมีข่าวที่หลานซือเฉินจะแต่งงานกับคุณหนูของตระกูลหลินหลินซิเหยา ก็ได้ขึ้นเป็นข่าวท๊อปแล้ว ในคอมเมนต์นั้นก็มีแต่คำอวยพร
เจียงสื้อสื้อเลื่อนดูอยู่นาน ถึงได้เจอคอมเมนต์ที่ไม่ได้พูดดีๆอันหนึ่ง แต่ว่าข้างล่างนั้นเต็มไปด้วยคำด่า ยอดไลค์ก็ไม่มี
เห็นที เพื่อการแต่งงานนี้แล้วหลานซือเฉิน ได้ลงทุนลงแรงไปไม่น้อย ขนาดพวกกองเชียร์ในเวยป๋อก็เชิญมาแล้ว คงจะกลัวว่าจะมีผลกระทบกับภาพลักษณ์แล้วก็ความคิดของว่าที่ภรรยาที่มีต่อเขา
เวลานี้ จิ้นเฟิงเฉินได้เดินเข้ามา เห็นว่าเธอเล่นเวยป๋อ ก็อดถามไม่ได้ “ดูอะไรอยู่ หรือว่าเป็นข่าวการแต่งงานของหลานซือเฉิน?”
เจียงสื้อสื้อไม่ได้คิดที่จะปิดบังเขา อีกอย่างในใจของเธอนั้นเดิมทีก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว พูดไปตรงๆ และไม่จำเป็นต้องปิดบัง เพราะงั้นก็ได้พยักหน้า “เห็นทีหลานซือเฉินน่าจะจ้างกองเชียร์มาเยอะพอสมควร”
นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้เก็บเอาไปคิด แต่พูดว่า “คนที่เสียใจที่สุดในตอนนี้ น่าจะเป็นน้องสาวของคุณล่ะมั้ง”
เจียงสื้อสื้อพูด “คุณอย่าพูดแบบนั้น เธอนั้นได้เอามรดกของบ้านประเคนเข้าไปแล้ว ตอนนี้สมบัติทั้งหมดของเจียงซื่อกรุ๊ป มีเหลือในมือพ่อฉันไม่มากแล้ว”
ถึงแม้ว่าไม่ได้มีความรู้สึกให้กับพ่อคนนั้นมากนัก แต่ถ้าธุรกิจของเจียงซื่อกรุ๊ปตกอยู่ในมือผู้ชายสาระเลวอย่างหลานซือเฉินแบบนั้น ไม่ว่ายังไงก็ไม่คุ้ม เพราะงั้นตอนที่เจียงสื้อสื้อพูด ในใจก็รู้สึกไม่ดีนัก
ยังไงซะนั้นเป็นสิ่งที่เจียงนวลนวลก่อขึ้นมาเอง ถ้าบวกกับความรู้สึกที่ไม่ค่อยลึกซึ้งมากที่ตนนั้นมีให้เจียงซื่อกรุ๊ป แล้วไปคิดถึงแม่ที่ตอนนี้นอนป่วยอยู่บนเตียงคนไข้นั้น เธอถึงขั้นรู้สึกว่านั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาหาเรื่องมาเอง
เจียงสื้อสื้อได้จัดการกับสีหน้าตัวเอง จากนั้นก็พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ช่างเถอะค่ะ ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้แล้ว ทางคุณนั้นมีเรื่องอะไรเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินได้กอดเธอจากทางด้านหลัง เอาคางไปวางที่หัวของเธอ จากนั้นพูดว่า “ผมนั้นก็อยากจะมาพูดเรื่องนี้กับคุณ ตระกูลหลินกับตระกูลจิ้นเมื่อก่อนนั้นได้ทำธุรกิจร่วมกัน แล้วก็ได้รับบัตรเชิญให้ไปร่วมงานแต่งแล้ว”
ที่จริงสังคมชั้นสูงอย่างพวกเขานั้น ไม่มากก็น้อยที่ต้องทำธุรกิจร่วมกัน ถ้าตระกูลไหนได้มีงานมงคลนั้น โดยทั่วไปนั้นก็จะได้เห็นพวกคนชั้นสูงไปร่วมงานเกือบทั้งหมด
โลกใบนี้ถือว่าเล็กนะ เจียงสื้อสื้อไม่ได้แปลกใจอะไร
“งั้นคุณจะไปไหม?” เจียงสื้อสื้อเงยหน้า มองเขา
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า แล้วก็พูดว่า “ที่จริงเดิมที่แล้วผมนั้นไม่ต้องไป น่าจะเป็นจิ้นเฟิงเหราที่ออกงาน แต่ว่าตอนนี้หมอนั้นอยู่โรงพยาบาล ท่าทางแบบนั้นคุณก็รู้ ไปไม่ได้แน่นอน”
“ไหนๆ บัตรเชิญก็ส่งมาแล้ว งั้นก็ไปเถอะค่ะ ไม่แน่ต่อไปอาจจะมีธุรกิจที่ต้องร่วมงานกัน ก้มหน้าไม่เห็นแต่เงยหน้าก็เห็นแล้วแบบนี้” เจียงสื้อสื้อได้บีบนิ้วของเขาเล่นไป แล้วก็พูดไป
จิ้นเฟิงเฉินได้กอดเธอแน่นกว่าเดิม จากนั้นก็กระซิบข้างหูเธอว่า “ถ้างั้น ที่รักคุณยอมที่จะไปเป็นเพื่อนผมไหม?”
คำพูดของเขานั้นทำให้ใจของเจียงสื้อสื้อนั้นคันยิกๆ มองเขาด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “ใครเป็นที่รักของคุณ”
จิ้นเฟิงเฉินถูกพูดให้ขำ แล้วก็ได้หอมแก้มเธอไป จากนั้นพูด “ขอแต่งงานก็ขอแล้ว แหวนคุณก็รับแล้ว ตอนนี้คิดจะแกล้งโง่? แบบนั้นไม่ได้นะ เป็นภรรยาของจิ้นเฟิงเฉินแล้วหนีไม่พ้นหรอก”
เขาคำก็ภรรยาสองคำก็ภรรยา พูดซะจนเจียงสื้อสื้อนั้นเริ่มทำตัวไม่ถูก หน้าก็ได้แดงเลยทันที ทำเอาเธอนั้นได้เหมือนกับสาวน้อยเลยทีเดียว
จิ้นเฟิงเฉินพยายามกดความรู้สึกแปลกๆ ของตัวเองไว้ จากนั้นก็ได้ไอออกมา “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผมเลยนะ จะไปเป็นเพื่อนผมไหม?”
พูดจบเขาก็คิดไปสักพัก ถึงได้พูดต่อว่า “ถ้าเกิดคุณไม่อยากไปล่ะก็ งั้นผมไปโผล่หน้าที่นั้นเสร็จแล้วกลับมา จากนั้นก็มาอยู่เป็นเพื่อนคุณก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปก็ได้”
ถ้าให้พูดฐานะของหลานซือเฉินนั้นมันแปลกๆ เกินไป เป็นอดีตว่าที่สามีของเจียงสื้อสื้อ และก็เป็นแฟนเก่าของเจียงนวลนวล แล้วก็ยังเป็นคนที่ฮุบสมบัติของเจียงซื่อกรุ๊ปอีก กับตระกูลเจียงนั้นจะพูดได้เลยว่าจะอธิบายอะไรก็ไม่ชัดเจน
ที่จริงที่จิ้นเฟิงเฉินถามก่อนก็เข้าใจได้ ยังไงก็เพราะฐานะของคนคนนั้นมันแปลก ถ้าเกิดเจียงสื้อสื้อไม่เห็นด้วย ถึงตอนนั้นเขายังบังคับให้ไปอีก จะเป็นการไม่ให้เกียรติเธอเปล่าๆ
แต่ถ้าไม่ถาม แล้วก็ไปคนเดียวเลย ก็เหมือนว่ากำลังหนีความผิดอะไรอยู่ ถึงตอนนั้นกลัวแต่ว่าจะมีคำพูดอะไรแปลกๆ ออกมา
ที่จริงเจียงสื้อสื้อนั้นไม่ได้สนใจอะไรกับงานแต่งนี้ ความน่าขยะแขยงของหลานซือเฉินนั้นเธอรู้จักดี
พอคิดว่าเขานั้นจะเสแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษแล้วออกงานให้ทุกคนได้เห็น เธอก็รู้สึกอยากจะอ้วก
แต่ว่า……ถ้าเกิดไม่ไป ถึงตอนนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็จะคิดมากแน่ๆ ถ้าถึงตอนนั้นความคิดที่ว่าถ่านไฟเก่ายังติดอยู่โผล่ออกมา นั้นเป็นอะไรที่แบบต่อให้โดนลงแม่น้ำฮวงก็ล้างความผิดไม่หมด
ยิ่งไปกว่านั้น พวกนักข่าวต้องจับตามองจิ้นเฟิงเฉินแน่ ถ้าคนพวกนั้นได้ไปรื้อเรื่องเก่าๆ ออกมา ก็จะกลายเป็นว่าว่าที่ภรรยาของจิ้นเฟิงเฉินเป็นเพราะยังมีใจให้หลานซือเฉินเลยไม่กล้ามาเผชิญหน้า
นักข่าวที่ไร้จรรยาบรรณในตอนนี้นั้น เพื่อเงินแล้วไม่ว่าอะไรก็ทำออกมาได้ คิดถึงตอนนี้ เจียงสื้อสื้อก็เสียวสันหลังอย่างอดไม่ได้
เหมือนว่าจะรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินก็รีบถามออกไปว่า “เป็นอะไรไปครับ? หนาวเกินไปเหรอ?”
จะให้พูดว่าได้ถูกความคิดของตัวเองทำให้ตกใจออกไปก็ไม่ได้จริงไหม เพราะงั้นเจียงสื้อสื้อก็ได้พยักหน้าออกไปอย่างทำตัวไม่ถูก
จิ้นเฟิงเฉินไม่พูดอะไร ก็ได้รีบปล่อยเธอ แล้วก็เอาเสื้อแขนยาวของตนนั้นมาคลุมตัวเธอ จากนั้นก็ได้เทน้ำร้อนมาให้หนึ่งแก้ว
เขายังอุตส่าห์เป่า แล้วก็ใช้ปากของตัวเองลองดูก่อน มั่นใจว่าไม่ร้อนแล้ว ถึงได้ส่งให้เจียงสื้อสื้อ “รีบดื่มตอนที่มันร้อนๆ เถอะ ดื่มแล้วเดียวก็อุ่นขึ้นแล้ว”
เห็นว่าเขานั้นได้ดูแลและใส่ใจตัวเองขนาดนี้ เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าต่อให้ไม่ดื่มน้ำแก้วนี้ ในใจนั้นก็ได้อบอุ่นขึ้นมาแล้ว
เธอดื่มน้ำไป แล้วก็พูดไปว่า “พอคิดได้ว่าเป็นงานแต่งของหลานซือเฉิน ที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่หรอก ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น แต่เป็นเพราะเขานั้นเป็นคนที่ทำอะไรแล้วมันน่ารังเกียจเกินไป
แต่ว่า……ฉันนั้นได้ออกงานใหญ่แบบนี้พร้อมกับคุณน้อยมาก ฉันคิดถ้าครั้งนี้ฉันไปล่ะก็ ก็จะได้ควงแขนคุณออกมาอย่างเปิดเผยแล้ว
เพราะงั้น……ครั้งนี้ฉันนั้นอยากไปค่ะ”
พูดจบเธอนั้นก็คิดขึ้นมาได้ คิดดูแล้ว ครั้งนี้ก็ถือว่าตนนั้นได้พาคนรักคนปัจจุบัน ไปร่วมงานแต่งของแฟนเก่า ฟังดูแล้วเหมือนว่ามันก็ยังรู้สึกน่าแปลกเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินก็ยังที่จะยิ้มอยู่ไปพูดอะไรเหมือนเดิม แต่เจียงสื้อสื้อรู้สึกได้เลยว่า อารมณ์ของเขานั้นได้ดีกว่าก่อนหน้านี้มาก บรรยากาศที่เคยเย็นนั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้นมา
เจียงสื้อสื้อก็ได้หลุดขำออกมา เป็นไปอย่างที่คิดความคิดผู้ชายนั้น เหมือนกับเข็มในมหาสมุทร ตอนแรกเขาก็พูดเองแท้ๆ ว่าไม่สำคัญอะไร แต่ว่าเห็นท่าทางของเขาตอนนี้ เหมือนว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น
น้ำส้มสายชูเก่าแก่แบบนี้ เห็นแบบนี้แล้วจิ้นเฟิงเฉินก็ดื่มมันอย่างอร่อย
ตอนที่เจียงสื้อสื้อกำลังคิดอะไรไปเรื่อยๆนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้จูบเข้ามาแล้ว จูบของเขานั้นได้มีความดุดันแฝงอยู่ แต่ก็กลัวว่าจะทำให้ของที่เขารักนั้นเสียหาย ก็เลยได้มีความอ่อนโยนปนด้วย
ระหว่างฟ้าดินนั้น เหมือนว่าจะเหลือแค่กันและกัน