ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 406 อยู่ห่างๆ ฉัน
บทที่ 406 อยู่ห่างๆ ฉัน
เธอนั้นได้เอาผลตรวจแล้วก็ไปที่ที่หลานซือเฉินอยู่
“ฉันจะแต่งงานกับคุณ” ในมือของเจียงนวลนวลนั้นได้มีผลอัตราซาวด์ สายตานั้นมองหลานซือเฉินแน่วแน่ “ตระกูลหลานของพวกคุณนั้นได้มีคนรุ่นหลังอย่างยากลำบาก คงไม่ได้คิดที่จะไม่สนใจเขาใช่ไหม?”
“เหอะ”
มือของหลานซือเฉินได้คีบบุหรี่ ปลายบุหรี่ที่เผาไหม้สีแดงได้ส่องสว่างเล็กน้อยในห้องที่มืด ท่าทางที่ไม่แคร์อะไรของชายหนุ่มได้ทำให้เจียงนวลนวลนั้นได้ร้อนรน
ลูก เป็นตัวช่วยสุดท้ายของเธอ
สายตาที่คมเข้มของชายหนุ่มได้มองยังใบหน้าที่งดงานของเจียงนวลนวล ควันสีขาวๆ ก็ได้ลอยขึ้น เสียงที่เย็นชาก็ได้ดัง “เธอคิดว่าฉันนั้นมีผู้หญิงคนอื่นไม่ได้? ผู้หญิงคนอื่น ท้องไม่ได้?”
สีหน้าของเจียงนวลนวลได้ซีด มือข้างหนึ่งที่ได้วางที่โต๊ะก็ได้ประคองตัวเองไว้ ถึงได้ไม่ล้มลงไป
เธอได้หลับตา ถามออกไปด้วยความสิ้นหวังว่า “คุณคิดจะจัดการยังไงกับเด็ก? นี่เป็นเลือดเนื้อของคุณ คุณอยากจะทำให้เขาตายเหรอ?”
บุหรี่ให้มือนั้นได้สูบจนหมด หลานซือเฉินได้ทิ้งไปบนพื้น เช็ดรองเท้าที่ขัดจนเงาแล้วก็เหยียบไปที่บุหรี่ที่ยังไม่ดับ ท่าทางแบบนั้นก็เหมือนกับเป็นการเตือนเจียงนวลนวล ถ้าเกิดเธอกล้าทำอะไรบ้าๆ มา งั้นเธอก็จะเป็นเหมือนบุหรี่ ถูกเขาเหยียบไปบนพื้น
“ไปทำแท้ง” หลานซือเฉินได้หยุดการกระทำที่เท้าแล้วพูด
เจียงนวลนวลเบิกตากว้าง รู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ กระดาษในมือเธอนั้นได้กำแน่น ส่งเสียงที่สูงแสบหูออกมา “คุณอยากให้ฉันไปทำแท้ง? หลานซือเฉิน คุณทำไมอำมหิตแบบนี้?”
“ฉันอำมหิต?” หลานซือเฉินกระตุกมุมปาก เหมือนว่าได้ยินคำพูดที่ตลกที่สุดออกมา “มีปัญญาปีนขึ้นเตียงได้ ก็มีปัญญาจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นตามมาเองได้ เธออย่าคิดว่า มีลูกของฉันแล้วก็สามารถที่จะควบคุมฉันได้”
เจียงนวลนวลรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังหวังว่าหลานซือเฉินนั้นจะกลับตัวกลับใจ “ยังไงซะฉันก็ไม่มีทางให้กลับแล้ว ถ้าคุณไม่แต่งงานกับฉัน ฉันก็จะประกาศเรื่องนี้ออกไป! คุณรู้ใช่ไม่ว่ามันมีผลกระทบต่อคุณมากขนาดไหน?”
สีหน้าของหลานซือเฉินได้เย็นชาลง “เธอขู่ฉัน?”
“นั่นจะถือว่าเป็นการขู่ได้ยังไง?” เจียงนวลนวลเข้าใกล้หลานซือเฉิน เสียงของส้นสูงนั้นได้กระทบกับพื้นจนส่งเสียงออกมา เสียงนั้นเป็นจังหวะ เหมือนกับวงดนตรีที่บรรเลงร่วมกัน ได้บรรเลงเพลงเพลงหนึ่ง
เธอเข้าใกล้มากๆ ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมของชายหนุ่ม เจียงนวลนวลยิ้ม เอากระดาษในมือยัดไปที่มือของเขา พูด “ฉันนั้นก็แค่อยากจะมีลูกของพวกเรา มีครอบครัวที่มีความสุขเท่านั้น คุณคงจะไม่ได้ไม่ตกลงหรอกนะ?”
กลิ่นน้ำหอมที่แสบจมูกของเจียงนวลนวล หลานซือเฉินได้ถอยหลังด้วยความรังเกียจ “อยู่ห่างๆ ฉัน”
ไม่รู้ว่าเจียงนวลนวลได้เอาเบอร์ติดต่อมาจากไหน หลานเป่ยชวนกับฉินซวนก็ได้รู้ข่าวนี้กันหมด ก็ได้โทรมาถามว่ามันเป็นเรื่องจริงไหม หลานซือเฉินนั้นไม่ได้ให้คำตอบพวกเขา ก็ได้ทำให้คนแก่ทั้งสองนั้นร้อนใจมากๆ
หลานซือเฉินกลับมาถึงบ้าน คนดูแลบ้านที่เห็นเขากลับมา ก็ได้รีบวิ่งเข้าไป พูดเสียงเบาว่า “คุณชาย คุณท่านคุณหญิงมาแล้วครับ รอคุณอยู่ที่ห้องรับแขก”
“ฉันรู้แล้ว” ได้ถอดเสื้อสูทแล้วก็ส่งไปให้คนดูแล หลานซือเฉินได้จัดการกับแขนเสื้อไป แล้วก็เดินไป
ข้างในนั้นได้ตกแต่งอย่างหรูหรา ห้องรับแขกที่กว้าง ได้มีคนวัยกลางคนนั่งอยู่สองคน ผู้หญิงใส่กี่เพ้า ผมได้มัดขึ้น ผิวขาวราวกับเด็ก เหมือนว่าถามแตะแรงๆ อาจจะช้ำได้ ดูไม่ออกเลยว่ามีอายุมาก
ได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางประตู ฉินซวนได้เงยหน้า ก็เห็นหลานซือเฉินที่ได้เดินเข้ามา
ในใจนั้นก็ได้คิดถึงแต่เด็กคนนั้น ฉินซวนได้รีบวางนิตยสารในมือลง ก็ได้รีบเดินเข้าไป ถามว่า “ท้องแล้วจริงๆ เหรอ?”
หลานซือเฉินพยักหน้า แล้วก็ได้เอามือไปวางที่ไหล่ของฉินซวน ดันแม่หลานไปที่โซฟา แล้วก็ได้นวดไหล่ให้เธออย่างเอาใจ พูดออกมาอย่างออดอ้อนว่า “แม่นั้น ไม่ต้องสนอะไรมาก เรื่องนี้ผมจัดการเองได้”
ฉินซวนได้หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา แล้วก็ได้ยอมรับการบริการจากลูกชาย ไม่คิดที่จะฟังที่เขาพูด “จากนิสัยของลูก ถ้าเอาลูกคนนั้นมานั้นสิแปลก คุณก็คิดแบบนั้นใช่ไหม คุณคะ?”
เพื่อที่จะยืนยันว่าความคิดของเธอนั้นถูก ฉินซวนนั้นได้ไปถามหลานเป่ยชวนที่ดูทีวีอยู่ข้างๆ พ่อหลานนั้นพยักหน้า
“จึ ตอนนี้ผมนั้นมีความสามารถที่จะจัดการเรื่องของตัวเองได้แล้ว พวกท่านก็อย่าคิดมากไปเลยครับ?” หลานซือเฉินแกล้งทำเป็นโมโห จ้องมองฉินซวน
ได้ดูหลานซือเฉินตั้งแต่เด็กจนโต ก็ได้เข้าใจเขาดี ฉินซวนนั้นได้นั่งพิงโซฟาด้วยท่าทางที่สบาย มองหลานซือเฉิน ได้ใช้น้ำเสียงที่เป็นการปรึกษาหารือ “ลูกอย่าแกล้งทำเป็นทำตาม เรื่องพวกนั้นเอาไปพูดทีหลังจะได้ไหม?”
ท่าทางที่รอคอยของหลานเป่ยชวนกับฉินซวน หลานซือเฉินนั้นได้เห็นแล้ว หลานเป่ยชวนได้วิเคราะห์สถานการณ์ให้หลานซือเฉินอย่างใจเย็น หลานซือเฉินนั้นต้องทำตามความคิดของฉินซวนอย่างช่วยไม่ได้ ไม่งั้นได้มีผลกระทบต่อชื่อเสียงตระกูลหลาน
ได้ยินว่าตระกูลหลานนั้นเห็นด้วย เป็นเหมือนที่เจียงนวลนวลคาดการณ์ไว้
หลานเป่ยชวนกับฉินซวนนั้นได้นัดเจียงนวลนวลออกมา ตอนที่เจียงนวลนวลไปนั้นไม่ได้เจอทั้งสอง แต่กลับเจอหลานซือเฉิน
“รอฉันโดยเฉพาะเหรอ?”
เจียงนวลนวลเห็นเขา ในใจนั้นได้อบอุ่น แล้วก็เอากระเป๋าวางไว้บนเก้าอี้แบบตามใจ จากนั้นก็ได้ไปข้างหลังหลานซือเฉิน “เป็นไปอย่างที่คิดคุณนั้นก็ยังไม่ที่ทางทิ้งพวกเรา”
เห็นว่าหลานซือเฉินไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจียงนวลนวลก็ไม่ได้แปลกใจอะไร แต่ว่าถ้าตอนนี้หลานซือเฉินที่ท่าทางที่ให้เกียรติเธอ นั่นถึงจะทำให้เธอสงสัย
เจียงนวลนวลนั้นได้ลากเก้าอี้ข้างๆ หลานซือเฉิน นั่งลง มองหน้าหลานซือเฉินด้วยความหลงใหล “คุณจะจัดงานแต่งตอนไหน?”
เห็นหน้าเจียงนวลนวล ในหัวของหลานซือเฉินก็ได้มีเสียงของพ่อหลานแม่หลานดังขึ้นไม่หยุด หลานซือเฉินนั้นเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ดี เลยทำเพื่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล แลกกับความอดทนเพียงเล็กน้อย
“รอไปก่อน” หลานซือเฉินได้ดันที่เขี่ยบุหรี่ตรงหน้าออก เอาตะเกียบแล้วก็กินกับข้าว ไม่ค่อยอยากที่จะสนใจเจียงนวลนวล
เจียงนวลนวลได้เสียใจเลยทันที รอยยิ้มบนใบหน้าได้หายไป “นานเท่าไหร่? คุณจะให้ฉันรอทั้งชาติเลยหรือไง?”
เธอไม่ได้โง่ คำว่ารอไปก่อนของหลานซือเฉิน อาจจะเป็นการรอที่ไม่มีวันจบ ทำได้แค่รอ
หลานซือเฉินไม่ได้ตอบ แต่สีหน้าบนใบหน้านั้นไม่ได้เหมือนเมื่อกี้ และก็ไม่ได้อธิบายอะไรกับเธอเพิ่มเติม ให้เจียงนวลนวลนั้นไปคิดเองคนเดียว
ได้ทนความเย็นชาแบบนี้ต่อไปไม่ไหว เจียงนวลนวลก็ได้เปิดประเด็น ถามหลานซือเฉิน “ถามจริงคุณอยากจะแต่งงานกับฉันไหม? คุณให้คำตอบฉันจะได้ไหม?”
“อยาก” หลานซือเฉินได้กลืนอาหารในปากลง แล้วตอบ
ชอบหลานซือเฉินนั้นไม่ใช่วันสองวันแล้ว เจียงนวลนวลจะไม่รู้จักนิสัยของหลานซือเฉินได้ยังไง? เห็นท่าทางของหลานซือเฉินในใจก็ได้มีการเตรียมใจขึ้น
เจียงนวลนวลนั้นไม่ได้ปล่อยหลานซือเฉินไปเหมือนเดิม ก็ได้ถามออกไปไม่หยุดว่า “คุณอยากหรือไม่อยากกันแน่? พูดความจริงออกมา อยากมาหลอกฉัน”
เพราะรู้สึกว่าหลานซือเฉินนั้นไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับเธอนัก เพราะเรื่องนี้เจียงนวลนวลได้ทะเลาะกับหลานซือเฉิน
และตระกูลหลินได้ยุติการแต่งงานกับตระกูลหลาน แล้วก็ได้ตัดขาดกันทางธุรกิจ เรื่องนี้สำหรับตระกูลหลานแล้ว เป็นความเสียหายที่ใหญ่หลวง