ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 409 ฝันไปเถอะ
บทที่ 409 ฝันไปเถอะ
เห็นท่าทางที่ตกใจของเขานั้น เจียงนวลนวลก็ได้หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “ก็มีความหมายตามตัวหนังสือนั่นแหละ ตอนนั้นไอ้แก่ที่ไม่ยอมตายนั้น ได้โอนหุ้นในชื่อของตัวเองไปให้เจียงสื้อสื้อทั้งหมด
ตอนนี้คนที่มีอำนาจในเจียงซื่อกรุ๊ปนั้นคือเจียงสื้อสื้อ เพราะงั้นถ้าคุณอยากจะรวบกิจการล่ะก็ ต้องให้เธอนั้นยินยอม แต่ว่าพินัยกรรมฉบับนั้นต้องรอให้เจียงสื้อสื้อแต่งงานก่อนถึงจะเกิดผล”
หลานซือเฉินจมอยู่ในความคิดของตน ไม่ว่าเขาเตรียมการมายังไปก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องตรงจุดนี้
แต่ว่าเจียงสื้อสื้อในตอนนี้นั้นมีจิ้นเฟิงเฉินปกป้องไว้อย่างดี เขานั้นไม่มีโอกาสที่จะเข้าใกล้เธอเลย
ถ้าเกิดเขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่ตอนแรก เขาไม่มีทางที่จะไปจากเจียงสื้อสื้อหรอก แต่ว่าตอนนี้มาเสียใจที่หลังก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
เขามองเจียงนวลนวลไปสักพัก รู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นน่ารังเกียจมากๆ ว่าด้วยบุคลิกแล้วเธอนั้นไม่มีทางที่จะเทียบกับเจียงสื้อสื้อได้
“ฉันรู้แล้ว เธอออกไปได้แล้ว” หลานซือเฉินพูดอย่างเย็นชา
เผชิญกับท่าทางที่เย็นชาของเขานั้น เจียงนวลนวลได้ลุกขึ้นแล้วพูดด้วยความไม่พอใจว่า “หลานซือเฉินคุณคิดไว้ว่าหลอกใช้ฉันเสร็จแล้ว ก็ได้โยนไปออกไปงั้นเหรอ?”
“ส่งแขก”
พูดจบ ก็ได้มีรปภเข้ามาทันที จับแขนของเจียงนวลนวล แล้วก็เอาตัวเธอออกไป
เจียงนวลนวลคิดไม่ถึงว่าหลานซือเฉินจะทำกับเธอแบบนี้ ได้ออกแรงต้านรปภ แต่เธอนั้นก็สู้แรงของรปภไม่ได้ ก็ได้ถูกลากออกไป
จนมาถึงใต้ตึก เจียงนวลนวลถูกโยนออกไปราวกับผ้าขี้ริ้ว
“หลานซือเฉิน ไอ้ผู้ชายเนรคุณ! ฉันไม่มีท่าปล่อยนายไปแน่!”
ได้ตะโกนด่าอยู่ใต้ตึกไปสักพัก เจียงนวลนวลก็ได้หันหลังเดินจากไป
ตอนที่เจียงนวลนวลออกจากบ้านนั้น เสิ่นซูหลันก็เริ่มเคลื่อนไว้ รู้ว่าเวลานี้นั้นเจียงสื้อสื้อกำลังทำงาน เพราะงั้นเธอเลยตรงไปที่จิ้นกรุ๊ป ตะโกนอยู่ใต้ตึกบริษัท
จะไม่พูดไม่ได้เลยว่า การกระทำของทั้งสองแม่ลูกนั้นเหมือนกันมาก
เจียงสื้อสื้อได้ยินคนพูดว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างล่างนั้นมาหาตน ก็ได้ลงไปข้างล่าง
ตอนที่เห็นเสิ่นซูหลันนั้น สีหน้าของเจียงสื้อสื้อก็ได้เครียดลงทันที
“ดี เจียงสื้อสื้อเธอกล้าที่จะมาเจอฉันสักที” พอเสิ่นซูหลันได้เห็นเจียงสื้อสื้อนั้น ก็ได้พุ่งเข้าไป
“ฉันทำไมไม่กล้ามาเจอคุณ” เจียงสื้อสื้อพูดอย่างเย็นชา
“เธอคนที่ได้ตัดขาดกับตระกูลเจียงไปแล้ว ยังมีหน้ามาสานต่อมรดกของตระกูลเจียงอีก ถ้ารู้เรื่องดีละก็รีบส่งหุ้นส่วนนั้นมา”
เสียงที่ดังของเสิ่นซูหลันได้ทำให้คนมองมาเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะไม่กลายเป็นจุดสนใจ เจียงสื้อสื้อมองเสิ่นซูหลันแล้วพูดว่า “มีเรื่องอะไรไปคุยกันที่ร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้าม ฉันนั้นไม่อยากถูกคนมองเป็นสัตว์เหมือนกับคุณ”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็ได้เดินออกไป
“เธอ!!”
ตอนที่เสิ่นซูหลันเข้าใจความหมายที่เจียงสื้อสื้อพูดออกมานั้น เจียงสื้อสื้อก็ได้เดินออกไปไกลแล้ว เธอทำได้เดินไปตาม
“นังแพศยา กล้าพูดว่าฉันนั้นเป็นสัตว์ ฉันว่าเธอนั้นไม่อยากที่จะมีชีวิตแล้ว”
เสิ่นซูหลันเห็นเจียงสื้อสื้อ ก็ได้ยกมือจะตบหน้าของเธอ
แต่ว่าเจียงสื้อสื้อในตอนนี้ไม่ยอมให้ใครนั้นมารังแกเธออีก เธอได้จับมือของเสิ่นซูหลันอย่างแรงแล้วพูดว่า “ถ้าคุณอยากจะคุยธุระ ก็คุณกันอย่างว่าง่าย ถ้าไม่อยาก ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับคนอย่างคุณ”
พูดจบก็ได้สะบัดแขนของเสิ่นซูหลันออก กับคนแบบนี้ แต่ล่ะวินาทีที่เธอจับต้อง ก็รู้สึกขยะแขยง
สายตาเมื่อกี้ของเจียงสื้อสื้อนั้นเต็มไปด้วยความน่ากลัว ทำให้เสิ่นซูหลันนั้นตกใจกลัว เห็นว่าเจียงสื้อสื้อได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอก็เลยเจียมเนื้อเจียมตัวลง
รอให้เสิ่นซูหลันนั่งลง เจียงสื้อสื้อก็ได้จิบกาแฟไปอึกหนึ่งถามออกไปว่า “คุณพูดถึงหุ้นส่วนนั้นมันหมายความว่าอะไร?”
ได้ยินแบบนั้น เสิ่นซูหลันก็ได้พูดด้วยความโมโหว่า “ก็เป็นเพราะปู่ที่ตายไปของเธอ ก่อนที่จะตายได้โอนหุ้นส่วนไปให้เธอ ตอนนี้ตระกูลเจียงกำลังลำบาก รับเอาของที่ไม่เป็นของเธอนั้นคืนมา”
ได้ยินที่เสิ่นซูหลันพูด เจียงสื้อสื้อก็ตกใจเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าคุณปู่นั้นจะเก็บมรดกไว้ให้เธอ แต่ว่าทำไมข่าวนี้นั้นเธอไม่เคยที่จะได้ยินคนอื่นพูดถึงมาก่อนล่ะ?
เห็นว่าเจียงสื้อสื้อเงียบอยู่นาน เสิ่นซูหลันก็ได้พูดด้วยความรำคาญว่า “เธอหูหนวกหรือว่าเป็นใบ้ห๊ะ ฉันกำลังพูดกับเธออยู่นะ”
ถึงแม้ว่าคำพูดของเสิ่นซูหลันจะไม่น่าฟังขนาดไหน แต่เจียงสื้อสื้อก็ยังใช้น้ำเสียงที่นิ่งเรียบพูดออกไปว่า “ที่คุณมาหาฉันวันนี้ ก็เพราะเรื่องนี้?”
“แล้วจะเป็นอะไรอีกล่ะ? เธอคิดว่าฉันอยากจะเจอหน้าเธอเหรอ?” เสิ่นซูหลันมองบนใส่
“งั้นฉันบอกคุณไว้ก่อนเลยนะ ถ้าอยากจะที่เอาหุ้นส่วนไปจากฉัน นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ฝันไปเถอะ”
“เธอ!! เธอหมายความว่าอะไร?”
ได้ยินที่เจียงสื้อสื้อพูด เสิ่นซูหลันมองเธอด้วยสายตาที่ไม่น่าเชื่อ
“นี่เป็นมรดกที่คุณปู่ของฉันเก็บไว้ให้ฉัน ทำไมฉันต้องให้พวกคุณด้วย? ไหนๆ ฉันนั้นมีอำนาจที่จะจัดการกับหุ้นส่วนนี้ ฉันนั้นก็จะใช้มันให้ดี ฉันนั้นยอมบริจาคให้การกุศล ก็ไม่มีวันที่จะให้พวกคุณ!”
คำพูดของเจียงสื้อสื้อนั้นหนักแน่นมาก ทำให้เสิ่นซูหลันนั้นไม่รู้จะเถียงกลับไปยังไงชั่วขณะ
ที่จริงไม่กี่วันนี้เจียงสื้อสื้อได้จับตาดูเรื่องราวของตระกูลเจียงอยู่ตลอด ตอนแรกเธอนั้นสงสัยว่า ทำไมเจียงเจิ้นถึงได้ลงทุนมาหาตัวเองถึงที่
วันนี้ก็ได้เข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว อาจเป็นเพราะวันนั้นเจียงเจิ้นอยากจะมาพูดเรื่องนี้กับเธอแต่ว่าโดนเธอปฏิเสธไป
ตอนนี้คิดดู คนพวกนี้มันน่าขยะแขยงจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่คุณปู่นั้นไม่ยกหุ้นส่วนให้เจียงเจิ้น
“นังแพศยา เธอมีสิทธิ์อะไรมาเอาสมบัติของตระกูลเจียง คายออกมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
เสิ่นซูหลันพูดจบก็จะลงไม้ลงมือกับเธอ เจียงสื้อสื้อหลบ แล้วเอากาแฟบนโต๊ะสาดไปที่หน้าของเสิ่นซูหลัน
จากนั้นก็ได้เอาเงินสดออกมาจะกระเป๋าไม่กี่ใบ พูดออกไปอย่างเย็นชาว่า “กาแฟวันนี้ถือว่าฉันนั้นเลี้ยงละกัน ฉันพูดจบแล้ว ขอตัว”
จากนั้นก็ได้เดินออกไป
เสิ่นซูหลันที่โดนราดกาแฟใส่นั้นก็อึ้งแบบตั้งตัวไม่ทัน ตอนที่เธอตั้งสติได้นั้น เจียงสื้อสื้อก็ได้เธอออกไปไกลแล้ว เธอนั้นทำได้แค่ร้องออกมาราวกับคนบ้า
คนรอบข้างที่เธอท่าทางของเธอ ก็รู้สึกว่าคนคนนี้นั้นเป็นคนบ้า สุดท้ายเสิ่นซูหลันนั้นก็ได้ถูกรปภเชิญให้ออกจากร้าน
พอกลับถึงห้องทำงานอารมณ์ของเจียงสื้อสื้อนั้นไม่สงบลงสักที เธอนั้นไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณปู่นั้นจะเก็บมรดกไว้ให้เธอ
เวลานี้โทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้นพอดี จิ้นเฟิงเฉินเป็นคนโทรมา
“สื้อสื้อ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม เมื่อกี้ผมได้ยินมาว่าเสิ่นซูหลันมาโวยวายที่นี่” เสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของจิ้นเฟิงเฉินได้ส่งมา
ใจของเจียงสื้อสื้อได้อุ่น พูดออกไปอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันไม่เป็นอะไรคะ”
“ขึ้นมาทานข้าวเถอะ ผมสั่งมื้อเที่ยงมาให้แล้ว”
วางสายเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็ได้มาถึงห้องทำงานของจิ้นเฟิงเฉิน
พึ่งเปิดประตูเข้าไปก็ถูกเขากอดไว้แน่น จิ้นเฟิงเฉินเอาหัววางไว้ที่ไหล่ของเธอ ไม่พูดอะไร
เจียงสื้อสื้อรู้ว่าเขานั้นเป็นห่วงตน ก็ได้ตบไปที่หลังเขาเบาๆ เป็นการบอกว่าตัวเองนั้นไม่เป็นอะไร
“จริงด้วย เฟิงเฉินฉันมีเรื่องจะบอกกับคุณ”
เจียงสื้อสื้อลากมือจิ้นเฟิงเฉินมานั่งลง เอาคำที่เสิ่นซูหลันพูดเล่าให้จิ้นเฟิงเฉิน