ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 410 เอาคืนกลับไปร้อยเท่า!
บทที่ 410 เอาคืนกลับไปร้อยเท่า!
พอจิ้นเฟิงเฉินฟังจบ ก็ได้ตกใจเล็กน้อย แล้วก็ได้สั่งลูกน้องนั้นไปสืบดูทันที สืบดูว่าสิ่งที่เสิ่นซูหลันพูดนั้นเป็นเรื่องจริงไหม
ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ลูกน้องเขาก็ได้ส่งข้อมูลกลับมา
ที่แท้ ตอนที่คุณท่านมีชีวิตอยู่นั้น ก็ได้เขียนพินัยกรรมขึ้นมาเรียบร้อย ได้เอามรดกที่ขยับได้หรือขยับไม่ได้ ได้สั่งโอนให้เจียงสื้อสื้อทั้งหมด
ในนั้นรวมไปถึงหุ้นส่วนของเจียงซื่อกรุ๊ปทั้งหมด คุณท่านนั้นเป็นคนสร้างเจียงซื่อกรุ๊ป หุ้นส่วนในมือนั้นต้องมีเยอะมากอยู่แล้ว
ตอนนี้บ้านที่เจียงเจิ้นกับเสิ่นซูหลันอาศัยอยู่ ก็เป็นของเจียงสื้อสื้อ พวกเขานั้นเป็นแค่ผู้อยู่อาศัยเท่านั้น
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเสิ่นซูหลันถึงได้มาโวยวายถึงที่
เจียงสื้อสื้ออ่านเนื้อหาข้อมูลก็สะอึ้งอย่างห้ามไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าคุณปู่จะทำเพื่อเธอเยอะขนาดนี้
จิ้นเฟิงเฉินเห็นท่าทางของเจียงสื้อสื้อก็ได้กอดไหล่เธอแน่น ให้เธอมาพิง เปิดปากพูดว่า “ไหนๆ ของพวกนี้นั้นเป็นของคุณ งั้นก็ต้องให้คุณนั้นเอากลับมาอยู่แล้ว พอแล้วพวกเราทานข้าวก่อนเถอะครับ ถ้ายังไม่กินจะเย็นหมดนะ”
เจียงสื้อสื้อปรับอารมณ์ของตัวเองเสร็จแล้วนั้น ก็พยักหน้า
ทั้งสองทานข้าวเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้สั่งให้คน ไปหาทนายที่คุณท่านได้สั่งให้เขียงพินัยกรรมขึ้นมาเมื่อตอนนั้น
ยังไงซะหุ้นของหลานซื่อกรุ๊ปในตอนนี้ได้ตกลงไปเลยๆ เป็นไปได้ว่าพวกเขานั้นจะพุ่งความสนใจมาทางเจียงสื้อสื้อ
เพราะเรื่องที่เจียงนวลนวลก่อ สถานการณ์ของหลานซื่อกรุ๊ปในตอนนี้ไม่ดีนัก พวกเขานั้นต้องการเงินมากู้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ งั้นแน่นอนว่าต้องคิดถึงเจียงซื่อกรุ๊ป
บ้านตระกูลเจียง
เสิ่นซูหลันพอกลับมาถึงบ้านตระกูลเจียงก็ได้ระเบิดอารมณ์ทันที ได้ขว้างแจกันดอกไม้ในห้องรับแขกทั้งหมด แล้วก็ยังกรี๊ดออกมาเป็นช่วงๆ
“เจียงสื้อสื้อนังแพศยา! กล้ามากที่ทำกับฉันแบบนี้!”
คนใช้ที่อยู่ข้างๆ ก็ได้หลบออกไปกันหมด กลัวว่าจะทำให้ตัวเองนั้นโดนหาเรื่องไปด้วย
เจียงนวลนวลก็ได้กลับมาถึงบ้านพอดี ได้เห็นของที่แตกกระจายอยู่บนพื้นแล้วก็แม่ที่กำลังสติแตก ก็สามารถจินตนาการได้ว่าเธอนั้นเจออะไรมาบ้าง
“แม่ แม่ทำอะไรอยู่? เดียวพ่อกลับมาได้ต่อว่าแม่อีกแน่ๆ”
“นวลนวล ลูกกลับมาพอดีเลย ลูกไม่รู้ว่าวันนี้แม่นั้นโดนนางแพศยานั้น ทำให้อับอายขนาดไหน!”
พอเห็นเจียงนวลนวล เสิ่นซูหลันก็ได้พุ่งเขาไปทันที เริ่มพูดความลำบากออกมา
“วันนี้แม่ไปที่จิ้นกรุ๊ป นางแพศยานั้นยังคิดว่าตัวเองนั้นเป็นคุณนายตระกูลจิ้นจริงๆ ท่าทางการกระทำนั้นแม่เห็นแล้วอยากจะอ้วก
แม่พูดออกไปไม่กี่คำ เธอนั้นก็ได้ลากแม่ไปอีกฝั่ง ยังพูดอะไรที่ทำให้อับอายออกมา ลูกดูกาแฟบนตัวแม่เป็นเธอที่สาดใส่ ความอับอายในวันนี้ แม่นั้นต้องเอาคืนกลับไปร้อยเท่า!”
พอเห็นเสื้อสีขาวที่ถูกกาแฟสาดใส่ของเสิ่นซูหลัน เจียงนวลนวลก็รู้สึกโมโหทันที
“แม่ นางหน้าไม่อายนั้นรังแกแม่ถึงขนาดนี้เลยเหรอ!”
“นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย? ไม่อยากจะอยู่ต่อไปแล้วหรือไง?”
ตอนที่แม่ลูกกำลังคุยกันอยู่นั้น เสียงที่ไม่สบอารมณ์จองเจียงเจิ้นก็ได้ตะโกนเข้า
อารมณ์ของเขาพึ่งดีขึ้นมาแค่แป๊บเดียว พอเห็นสิ่งของที่แตกอยู่บนพื้น ก็ได้โมโหขึ้นมาทันที
ได้ยินเสียงของเจียงเจิ้น เสิ่นซูหลันก็ได้น้อยใจกว่าเดิม แล้วก็ได้เริ่มเล่าเรื่องที่ตนนั้นเจอ ตีไข่ใส่สีแล้วพูดออกไป พูดให้ตัวเองนั้นดูน่าสงสารมากๆ
“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย?”
ได้ยินที่ภรรยาร้อง เจียงเจิ้นก็อึ้งนิดหน่อย เขาคิดไม่ถึงว่าเจียงสื้อสื้อจะอวดเก่งได้ขนาดนี้
“ก็ใช่น่ะสิคะ ที่รัก คุณต้องช่วยฉันนะ คุณดูสิเจียงสื้อสื้อครอบครองหุ้นส่วนของคุณก็แล้วไปแล้ว ตอนนี้ยังทำกับผู้หลักผู้ใหญ่อย่างฉันแบบนี้ ถ้าถูกพูดออกไปฉันจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง”
พูดจบเสิ่นซูหลันก็ได้ร้องไห้หนักกว่าเดิม ได้เอาความน่าสงสารนั้นแสดงออกมาทั้งหมด
ทำให้เจียงเจิ้นนั้นเริ่มใจอ่อน เจียงนวลนวลที่อยู่ข้างนั้นก็ได้พูดเสริมออกไปต่อ
“จริงด้วยค่ะ คุณพ่อ หนูกับแม่มีพ่อที่เป็นที่ให้พิงคนเดียว ตอนนี้พวกเรานั้นถูกคนอื่นนั้นรังแกขนาดนี้แล้ว ถ้าเกิดพ่อไม่ช่วยพวกเรา หนูกับแม่นั้นจะอยู่ไปเพื่ออะไร”
พูดจบสองแม่ลูกก็พอกันกอดคอร้องไห้
คนหนึ่งเป็นผู้หญิงที่อยู่กับเขามานาน อีกคนก็เป็นลูกสาวที่เขานั้นรัก เจียงเจิ้นเห็นภาพแบบนี้แล้วก็ปวดใจ
คิดถึงคำพูดที่ตนนั้นได้พูดกับพวกเธอสองแม่ลูกก่อนหน้า วันนี้ก็ได้เสียใจที่หลังสุดๆ
ถอนหายใจก็ได้กอดทั้งสองคน
“พ่อรู้ว่าพวกเธอนั้นเจออะไรมาบ้างแล้ว วางใจเถอะ พ่อไม่มีทางให้นางนั่นรังแกพวกเธอฟรีๆ แน่ จะให้ความยุติธรรมกับพวกเธอแน่”
พอได้ยินที่เจียงเจิ้นพูด มุมปากของสองแม่ลูก ก็ได้ชี้ขึ้นมาจนเป็นรอยโค้ง มองดีๆ เต็มไปด้วยความพอใจ
จิ้นกรุ๊ป
พอรู้เนื้อหาในพินัยกรรม เจียงสื้อสื้อนั้นก็ถูกกรงแห่งความคิดถึงครอบอยู่
“เฟิงเฉิน ฉันคิดถึงคุณปู่”
มองรูปคู่ที่ถ่ายกับคุณปู่ในมือ น้ำตาของเจียงสื้อสื้อก็ได้ไหลออกมาทันที
รูปใบนี้นั้นเธอถ่ายเมื่อตอนอายุเจ็ดขวบ คุณปู่ได้กอดเธอไว้ ใบหน้านั้นได้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
จำได้ว่าตอนนั้นเธอซนมากๆ ได้ดึงเคราของคุณปู่ คุณปู่ที่นิสัยไม่ดีมาโดยตลอด แต่กลับไม่เคยพูดอะไรแรงๆ ใส่เธอเลย
เจียงสื้อสื้อได้คิดถึงเรื่องเมื่อตอนเด็ก คุณปู่นั้นมักจะอุ้มเธอแล้วนั่งอยู่ตรงเก้าอี้โยก เล่านิทานให้เธอฟัง
ไม่ว่าเวลาไหนคุณปู่นั้นก็จะปกป้องเธอ ไม่ยอมให้เธอนั้นถูกรังแก
แต่ว่าในตอนนี้ก็ได้เป็นแค่ความทรงจำไปแล้ว
เดิมทีเธอก็คิดถึงคุณปู่อยู่แล้ว วันนี้นั้นได้คิดถึงมากขึ้นกว่าเดิมอีก
“เอาหน่า ตอนนี้คุณปู่ไม่อยู่แล้ว แต่ยังมีผมที่อยู่ข้างๆคุณนะ ผมนั้นจะปกป้องคุณแทนคุณปู่เอง”
เห็นว่าตอนนี้เจียงสื้อสื้อนั้นเศร้ามากๆ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้วางงานในมือลง แล้วมาปลอบใจเธอ
ผ่านไปสักพักเจียงสื้อสื้อก็ได้เดินออกมาจากความเศร้าใจ เช็ดน้ำตาแล้วก็พูดออกไปว่า “เฟิงเฉิน คุณทำงานเถอะ ฉันกลับไปก่อนดีกว่า อยู่ตรงนี้รบกวนเวลาทำงานคุณตลอดเลย”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อพึ่งลุกขึ้นก็ถูกจิ้นเฟิงเฉินรั้นมากอด แล้วพูดว่า “กลับบ้านทำไม คุณไม่รู้เหรอว่าตอนนี้พวกเรานั้นมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ?”
“ยังมีเรื่องอะไรอีก?” เจียงสื้อสื้อมองจิ้นเฟิงเฉินด้วยความมึนงง
“ก็ไปจดทะเบียนสมรสไง เกรงว่างานแต่งนั้นถ้าจัดขึ้นตอนนี้คงไม่ทันแล้ว แต่ว่าพวกเรานั้นไปจดทะเบียนก่อนได้” จิ้นเฟิงเฉินยิ้มแล้วก็พูด
เจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนั้นตั้งตัวไม่ทัน แต่ว่าความตกใจนั้นมีมากกว่า เธอนั้นก็ยังไม่เข้าใจว่าคำพูดของจิ้นเฟิงเฉินนั้นมันหมายความว่าอะไร ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้คิดที่จะจดทะเบียนสมรส?
เห็นท่าทางที่มึนงงของเธอ จิ้นเฟิงเฉินนั้นอยากจะกลืนเธอลงท้องเลยจริงๆ
ค่อยๆ ถูจมูกเธอเบาๆ จิ้นเฟิงเฉินได้ชี้ไปที่กองเอกสารนั้นแล้วพูดว่า “ในพินัยกรรมของคุณปู่คุณนั้นเขียนไว้ชัดเจนแล้ว ถ้าคุณอยากจะสานต่อมรดกของท่าน ต้องแต่งงานอย่างเป็นทางการ ถึงจะได้เป็นเจ้าของที่แท้จริง
แต่ว่าตอนนี้กะทันหันเกินไปเตรียมเรื่องงานแต่งไม่ทัน พวกเราทำได้แค่เป็นสามีภรรยาที่แท้จริงตามกฎหมายก่อน ทำไม คุณไม่เต็มใจเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนั้นก็ได้อึ้งกว่าเดิม เมื่อกี้เธอไม่ได้อ่านอย่างละเอียด คุณปู่นั้นคิดถึงขั้นว่าให้เธอแต่งงานก่อนที่ได้สืบทอดมรดก
เกรงว่า ตอนนั้นคุณปู่นั้นก็กลัวว่าพวกเจียงเจิ้นจะใช้วิธีสกปรกอะไรออกมา