ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 417 จะรอดจากวันนี้ไปได้ไหม
บทที่ 417 จะรอดจากวันนี้ไปได้ไหม
เจียงสื้อสื้อเดินทางไปยังร้านใกล้ๆบ้านเพื่อซื้อกระเช้าผลไม้ จากนั้นเดินเข้าในโรงพยาบาลไปยังห้องพักของจิ้นเฟิงเหรา
แม้จิ้นเฟิงเหราจะนอนป่วยอยู่บนเตียง แต่เขาก็ยังไม่ทิ้งลาย เมื่อมองเห็นเจียงสื้อสื้อเดินเข้ามาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “มีแต่พี่สะใภ้แหละที่มาดูผม พี่ผมล่ะ? ใช้ชีวิตสุขสบายคนเดียวเลยนะ”
นับจากที่เขาได้รับบาดเจ็บและนอนโรงพยาบาล ทุกๆเช้าที่ลืมตาขึ้นมาก็เห็นเพียงแต่เพดานสีขาว จากนั้นเขาก็มองดูมันอยู่ทั้งวัน
สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขในที่นี้ก็คือการที่เขาได้พบกับส้งหวั่นชีงในทุกๆวัน
แต่เธอเป็นพยาบาล มีงานของตัวเองที่ต้องทำ จะมาอยู่กับเขาตั้งแต่เช้าจรดค่ำคงไม่ได้ เขาไม่กลัวที่จะต้องได้รับบาดเจ็บแต่สิ่งที่เขากลัวก็คือความเดียวดายของชีวิตในโรงพยาบาลแบบนี้……
เมื่อได้ยินคำพูดของจิ้นเฟิงเหรา เจียงสื้อสื้อก็พูดออกมาว่า “ถ้าพี่ชายคุณได้ยินประโยคนี้เข้าคงจะต่อยคุณเละแน่!”
เขาทำเป็นกลอกตาไปมาอย่างเสแสร้งแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ครับ ทำไมพี่ถึงไปชอบพี่ชายผมได้ล่ะ เย็นชาแล้วก็น่าเบื่อขนาดนั้น?”
แม้ว่าจิ้นเฟิงเหรามักพูดว่าพี่ชายของตนไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เขาก็ยินดีกับการแต่งงานของทั้งสองคน ก่อนหน้านี้เขายังได้มอบเกาะบ้านพักส่วนตัวของเขาให้กับทั้งสองเป็นของขวัญวันแต่งงานด้วย
“เอ่อ……เรื่องนี้เหรอ ไม่บอกหรอก! ถ้าคุณยังทำตัวแบบนี้อีกฉันจะฟ้องพี่ชายคุณเชื่อไหมล่ะ?”
เจียงสื้อสื้อมองเขาด้วยรอยยิ้ม
เธอหยิบเก้าอี้ออกมานั่งข้างเตียงเขาแล้วปอกแอปเปิ้ล
“เห้อ!” จิ้นเฟิงเหราหันหน้าไปทางอื่น
“วันนี้พี่ไปถามหมอมาแล้ว อาการบาดเจ็บของคุณดีขึ้นไม่น้อย คาดว่าคงจะได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆนี้”
จิ้นเฟิงเหราหยิบแอปเปิ้ลที่เจียงสื้อสื้อปอกเข้ามากัดแล้วพูดว่า “ผมรู้น่ะ ผมเร่งหมอให้รีบรักษาทุกวัน”
เจียงสื้อสื้อส่ายหัวแล้วขำ เธอได้ยินมาว่าจิ้นเฟิงเหราเปลี่ยนหมอประจำตัวบ่อยมาก เนื่องจากเขารู้สึกรำคาญขั้นตอนในการรักษาอันเชื่องช้า
เธอพูดคุยกับจิ้นเฟิงเหราอยู่อีกพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้วจึงได้ลุกขึ้นเตรียมตัวจากไป
หลังเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย ก็ได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งส่งเสียงดังบริเวณประตูลิฟต์
“พวกแก!พวกแกคืนลูกของฉันมานะ! ลูกฉันยังไม่ได้มีโอกาสเกิดมาลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ! หมอต้มตุ๋นอย่างพวกแก แต่ละวันก็คิดแต่หาวิธีโกงเงินชาวบ้าน คือลูกของฉันมานะ!”
หญิงวัยกลางคนกำลังยืนถือมีดอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์ เธอตะโกนออกมาใส่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่
แพทย์คนหนึ่งก้าวออกมาเพื่อจะกล่อมเกลี่ยผู้หญิงคนนี้แต่เธอกลับใช้มีดขึ้นขู่ ดวงตาแดงเรื่อตะโกนออกมาเสียงดังว่า
“อย่าเข้ามานะพวกแก! ถ้าใครก้าวเข้ามา ฉันจะฆ่าให้หมด ให้พวกแกไปอยู่กับลูกของฉัน!!!”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
แต่เธอก็เลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าใครจะถูกหรือผิดก็เป็นเรื่องของทางโรงพยาบาล ควรจะเป็นคนของโรงพยาบาลที่ออกมาจัดการ
“ ใจเย็นๆนะครับคุณ”
แพทย์เกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของหญิงคนนี้ได้จึงได้ถอยหลังไปก้าวหนึ่งแล้วพูดว่า “มีเรื่องอะไรเราค่อยๆคุยกันดีไหม?”
เมื่อพูดจบแพทย์ก็ส่งสัญญาณให้ผู้ที่อยู่ใกล้เธอที่สุดเข้าไปจับตัวเธอไว้
“ไม่!ฉันต้องการคำตอบตอนนี้!”
แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ถือมีดไว้ตรงหน้าอก เธอน้ำตาร่วงหล่นลงมาแล้วพูดว่า “ฉันมาที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจครรภ์ แต่พวกคุณกลับทำแท้งให้ฉัน ทุกคนคะ ช่วยแสดงความคิดเห็นนี้ด้วย!”
“หา?ทำไมโรงพยาบาลเป็นแบบนี้ล่ะ?”
“หมอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
“โรงพยาบาลต้องการเด็กในครรภ์ก็ไม่มีประโยชน์นี่นา แอบทำเด็กหลอดแก้วขายไม่ได้เงินมากกว่าเหรอ?”
คนที่อยู่โดยรอบเริ่มส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมา
เมื่อพยาบาลที่อยู่ข้างๆแพทย์พบเห็นสถานการณ์ดังนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นแล้วกระซิบข้างหูแพทย์ว่า “คุณหมอหวังคะ เราจะฉีดยากล่อมประสาทให้แก่ผู้หญิงคนนี้ก่อนดีไหม?”
แพทย์เองก็รู้สึกเหนื่อยใจ “เธอก็เพียงแค่คนโรคจิตคนหนึ่ง การที่เธอตะโกนออกมาแบบนี้คุณคิดว่าคนอื่นๆจะเชื่อพวกเราไหม? นี่อาจจะส่งผลต่อชื่อเสียงของโรงพยาบาลได้ อีกทั้งคุณดูสภาพเธอตอนนี้สิ ใครกล้าเข้าไปฉีดยาให้เธอกัน?”
“ถ้าอย่างนั้นทำยังไงดีคะ?”พยาบาลขมวดคิ้วขึ้น
เจียงสื้อสื้อเดินหลีกเลี่ยงฝูงชนและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เธอแอบมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นแล้วกำลังจะกดประตูลิฟต์
ในขณะที่เธอกำลังจะเข้าไปในลิฟต์ เธอก็รู้สึกถึงมีใครคนหนึ่งจับแขนเธอเอาไว้แล้วโยนลงไปที่พื้น
ศีรษะเธอกระแทกเข้า จึงทำให้เธอมึนหัว
เมื่อเธอเริ่มตั้งสติได้ก็ได้ยินเสียงส้งหวั่นชีงตะโกนออกมาว่า “ระวัง!!!”
เมื่อหันไปดูพบว่าผู้หญิงคนนั้นคว้ามีดกำลังแทงมาทางเธอ
“นางแพศยา! แกกล้ามาอ่อยสามีฉัน แล้วยังทำร้ายเด็กในท้องฉันอีก!”
“ฉึบ!”
เสียงมีดสเตนเลสกระทบลงที่พื้นห่างจากศีรษะของเธอไปเพียงสองเซนติเมตร ทำให้พื้นเกิดเป็นรอยยาว
คนรอบข้างส่งเสียงอุทานออกมา
เจียงสื้อสื้อขนลุกไม่หาย หากไม่ใช่เพราะเสียงตะโกนเมื่อครู่ทำให้เธอหันหลังกลับมาเกรงว่าเธอคงจะถูกมีดเล่มนั้นปักเข้าที่ศีรษะแล้ว
“นางแพศยา แกฉันจะฆ่าแก!”
ผู้หญิงคนนั้นกำลังคลุ้มคลั่ง เธอใช้มีดฟันทางลงมาที่เจียงสื้อสื้อไม่หยุด
เจียงสื้อสื้อพยายามหลีกเลี่ยง
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลได้สติกลับคืนมาก็รีบเข้าไปหยุดเธอ
ความบ้าคลั่งของเธอคนนั้น พวกเขาไม่อาจยุติมันได้
สถานการณ์วุ่นวายมาก
“อย่า!หยุดนะ!ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” ส้งหวั่นชีงแทบจะร้องไห้ออกมา เธอตะโกนอย่างไม่หยุดแต่ไม่มีใครเข้าไปช่วย
ใช่แล้ว!จิ้นเฟิงเหรา!
เธอคล้ายกับนึกอะไรออกจึงหันหลังและวิ่งตรงไปยังห้องพักผู้ป่วยของจิ้นเฟิงเหรา
จิ้นเฟิงเหราจะต้องคิดหาวิธีได้แน่
ส้งหวั่นชีงวิ่งเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยของเขาด้วยอาการหอบเหนื่อย และเล่าเรื่องของเจียงสื้อสื้อที่ถูกคนโรคจิตทำร้ายออกมาให้เขาฟัง
จิ้นเฟิงเหราได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจและรีบกระโดดลงจากเตียง แต่ทำให้แผงเขาฉีกขาด เขาเจ็บปวดหัวเหงื่อตก
ให้ตายเถอะทำไมเขาต้องมาบาดเจ็บตอนนี้ด้วย!!!
“คนของทางโรงพยาบาลล่ะ ไม่มีใครเข้าไปห้ามหรือไง?”
ส้งหวั่นชีงร้องไห้แล้วส่ายหัวออกมา “พวกเราก็อยากเข้าไปช่วยค่ะ แต่ไม่มีใครเข้าถึงตัวเธอได้เลย”
“ขอโทรศัพท์ให้ผมที!”
ส้งหวั่นชีงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือให้เขา จิ้นเฟิงเหรารับมาแล้วโทรไปที่เบอร์หนึ่ง
“พี่ครับตอนนี้พี่สะใภ้อยู่ที่โรงพยาบาล ถูกคนโรคจิตใช้มีดทำร้าย พี่รีบมาเร็ว!”
ในอีกมุมหนึ่งของทางเดินในโรงพยาบาล เจียงนวลนวลยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นและยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “เหอะๆ เจียงสื้อสื้อฉันอยากจะเห็นจริงๆก็แกจะมีชีวิตรอดไปจากวันนี้ได้ไหม?”
เจียงสื้อสื้อพยายามหลบหลีกผู้หญิงคนนี้ทุกวิถีทาง เดิมทีเธอคิดจะวิ่งหนีลงไปทางบันไดแต่ทางบันไดนั้นมีคนขึ้นมามากเกินไป เธอจะหนีไม่พ้นและกลัวว่าผู้อื่นจะได้รับบาดเจ็บด้วย จึงจำเป็นจะต้องวิ่งไปทางด้านบน