ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 424 ผมมันก็แค่อุบัติเหตุ
บทที่ 424 ผมมันก็แค่อุบัติเหตุ
กู้เนี่ยนค่อยๆ เหยียบเบรกอย่างช้าๆ รถจึงหยุดลงที่หน้าประตูอย่างมั่นคง พลางกล่าวว่า “ถึงบ้านแล้วครับ”
จิ้นเฟิงเฉินส่งเสียง “อืม” ออกมาเสียงหนึ่ง แล้วเดินตรงเข้าไปในบ้าน
เมื่อเข้ามาในบ้าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรับรู้ถึงความอบอุ่นของบ้านหรือไม่ หัวใจของเขาจึงอบอุ่นขึ้นมาหลายส่วนอย่างอดไม่ได้
เขามองไปรอบๆ แต่ไม่พบเงาร่างของเจียงสื้อสื้อ เขารู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาชั่วขณะ ก้าวยาวๆ เดินขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว
ก็ได้พบภาพเจียงสื้อสื้อกับเสี่ยวเป่าอิงแอบอยู่ด้วยกันในห้องหนังสือ พลางพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
ในสายตาของจิ้นเฟิงเฉิน ภาพแบบนี้อบอุ่นอย่างที่สุด
เมื่อรู้สึกถึงสายตาอันร้อนแรงของเขา เจียงสื้อสื้อจึงอดไม่สนใจเขาไม่ได้
เมื่อพบว่าเสียงหายใจของเขาหอบถี่เล็กน้อย ก็รีบถามขึ้นว่า “มีอะไรหรือเปล่าคะ ถึงได้รีบร้อนขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”
จิ้นเฟิงเฉินกลับส่ายหน้า “ไม่มี ผมแค่คิดถึงคุณเท่านั้น เลยอยากมาเจอคุณเร็วหน่อย”
เมื่อได้ยินเจียงสื้อสื้อก็หัวเราะ “คิก” ออกมา คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตอนนี้นับวันเขาจะดูเป็นเด็กมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เขาที่เป็นแบบนี้ สำหรับเจียงสื้อสื้อแล้ว อาจถูกเขาล่อลวงจนถึงแก่ชีวิตได้
เจียงสื้อสื้อปล่อยตัวเสี่ยวเป่า เอานิ้วจิ้มไปที่หน้าอกเขาพร้อมกล่าวว่า “ตอนนี้ทำไมฉันรู้สึกว่าคุณเด็กกว่าเสี่ยวเป่าอีกนะ อ้อนคนอื่นขนาดนี้”
เดิมทีเธอแค่ล้อเล่นเท่านั้น ใครจะรู้ว่าจู่ๆ จิ้นเฟิงเฉินจะกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ผมกลัวเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคราวก่อน”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เจียงสื้อสื้อก็ตัวแข็งค้างขึ้นมาทันที
รีบเข้าไปกอดเขาเอาไว้ พลางพูดอย่างอ่อนโยนว่า “วันนี้คุณไปจัดการธุระ เรื่องคืบหน้าไปถึงไหนแล้วคะ”
จิ้นเฟิงเฉินเพิ่มแรงกอดมากขึ้น กล่าวเสียงเบาๆ ว่า “ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการให้เรียบร้อย ไม่มีทางปล่อยให้ใครก็ตามมาทำร้ายคุณแน่”
เมื่อได้ยินคำสัญญาของเขา หัวใจของเจียงสื้อสื้อก็เต็มตื้นไปด้วยความอบอุ่นอย่างไม่อาจละเลยได้
พอได้เห็นผู้ชายที่รักลึกซึ้งและจริงใจอย่างนี้มาอยู่ตรงหน้า ข้างกายยังมีลูกชายที่น่ารักและรู้ความอีกคน เธอก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
ทันใดนั้น จู่ๆ เสี่ยวเป่าก็ทิ้งพู่กันวาดภาพลง กล่าวด้วยท่าทางไม่พอใจว่า “แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ใจร้าย พอพบหน้ากันก็ตัวติดกัน ไม่มีใครต้องการผมแล้ว
ที่จริงพวกพ่อต่างหากที่เป็นรักแท้ ผมมันก็แค่อุบัติเหตุ”
ถูกเขาพูดแบบนี้เข้า สองสามีภรรยาก็ทั้งอารมณ์ดีและขบขัน
จิ้นเฟิงเฉินกลับกล่าวว่า “เสี่ยวเป่า หนูโตขนาดนี้แล้ว ยังดูแลตัวเองไม่ได้อีกหรือ”
พอเสี่ยวเป่าได้ยินคำพูดนี้ ก็กล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า “แด๊ดดี้ใจร้าย ผมจะวาดแด๊ดดี้เป็นตัวตลก”
เมื่อเห็นทั้งสองทะเลาะกัน เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้มีความสุขเช่นกัน
รีบตีไปที่จิ้นเฟิงเฉิน และกล่าวว่า “คนที่ตัวโตกว่า ยังจะไปถือสาเด็กอีก”
พวกเรายังต้องไประบายสีเป็นเพื่อนเสี่ยวเป่านะ ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวเล็กจะโกรธเคืองขึ้นมาอีก”
เมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามาด้วยกัน เสี่ยวเป่าก็เปลี่ยนจากความโกรธเป็นความดีใจแทน และอดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “ยังคงเป็นหม่ามี๊ที่ดีกว่า รักหม่ามี๊ที่สุดเลย”
หลังจากพูดจบ เขาก็จูบไปที่แก้มของเจียงสื้อสื้อหนึ่งครั้ง
เมื่อเห็นว่าลูกชายไกลห่างจากตัวเองขึ้นไปทุกที จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่มีอะไรจะพูดขึ้นมาชั่วขณะ ถอนหายใจออกมา และจงใจพูดว่า “เสี่ยวเป่า ลูกไม่ต้องการเงินค่าขนมแล้วใช่ไหม”
พอได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเงินทองของตัวเอง แววตาของเสี่ยวเป่าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รีบเปลี่ยนคำพูดว่า “แด๊ดดี้ก็เป็นแด๊ดดี้ที่ดีที่สุดในโลกเช่นกัน”
จิ้นเฟิงเฉินฟังจบก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก พลางบีบไปที่แก้มของเขา “เจ้าเด็กขี้ประจบนี่”
แต่ดูเหมือนเสี่ยวเป่าจะพอใจมากกับคำเรียกแบบนี้ เขายิ้มหวานหยดย้อย และจดจ่ออยู่ในภาพวาดของตัวเองอีกครั้ง
หยอกล้อเสี่ยวเป่าพอแล้ว เจียงสื้อสื้อจึงกล่าวต่อว่า “เฟิงเฉิน เมื่อกี้ฉันเพิ่งนึกเรื่องหนึ่งออก คุณว่าคนที่ลงมือในครั้งนี้ จะใช่คนกลุ่มเดียวกับที่ลักพาตัวฉันเมื่อคราวก่อนหรือเปล่า”
แม้จะเอ่ยถึงคนเหล่านั้นเมื่อคราวก่อน ในใจเธอก็ยังคงหลงเหลือความหวาดกลัวอยู่ แต่คนกลุ่มนั้นน่าสงสัยมากที่สุดจริงๆ
คิดไม่ถึงว่าพอจิ้นเฟิงเฉินได้ยินคำนี้ กลับทำเพียงแค่ส่ายหน้าอย่างเงียบๆ เท่านั้น “ไม่ใช่คนพวกนั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ใช่คนพวกนั้นก็ดีแล้ว
เพราะอย่างไรคนพวกนั้นก็อันตรายเกินไปจริงๆ ตนถูกพวกเขาลักพาตัวไปแค่ครั้งเดียว ยังมีปมในใจจนถึงตอนนี้
“ทำไมหรือ? ” เมื่อเห็นความผิดปกติของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินก็รีบถามอย่างรวดเร็ว
แม้จะไม่อยากให้จิ้นเฟิงเฉินต้องเป็นกังวล แต่เจียงสื้อสื้อก็เข้าใจเช่นกันว่า ไม่มีอะไรหลุดรอดสายตาเขาไปได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงบอกความจริงกับเขา
“ฉันแค่รู้สึกว่า ไม่ใช่พวกเขาอาจจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเรา เพราะคนเหล่านั้นมีอิทธิพลมากเกินไป ภายในเวลาสั้นๆ พวกเรายังทำอะไรพวกเขาไม่ได้”
เรื่องนี้เป็นความจริง แต่ในใจของจิ้นเฟิงเฉินเวลานี้ ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ในการกำจัดอันตรายเพื่อเธอไปแล้ว
เขามองคนในดวงใจของตัวเองที่อยู่ตรงหน้า คิดถึงเรื่องทั้งหมดที่ประสบมาในระยะนี้ ก็อดปวดใจขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
เขากล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ผมจะหาตัวฆาตกรออกมาโดยเร็วที่สุด ต่อให้เป็นคนพวกนั้นเมื่อคราวก่อน ผมก็จะแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด”
เจียงสื้อสื้อในเวลานี้ ทำได้เพียงแค่พยักหน้า ไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบนใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉินเลยสักนิด
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “แม้ว่าฉันจะไม่เป็นอะไร แต่ครั้งนี้เฟิงเหราก็ถูกฉันทำให้เดือดร้อนอีกแล้ว
เดิมทีเขาเกือบจะหายดีอยู่แล้ว อีกไม่นานก็จะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ตอนนี้อาการหนักอีกแล้ว”
พอคิดถึงวันนั้นที่จิ้นเฟิงเหราพยายามลากขาที่หักมาช่วยเธอเอาไว้ เธอก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก
เพียงแต่เป็นความรู้สึกผิดมากกว่า เพราะหากไม่ใช่ตัวเธอ ตอนนี้เขาก็คงไม่ต้องทนทุกข์มากขนาดนี้
จิ้นเฟิงเฉินจับไหล่ของเธอ กล่าวอย่างโล่งใจว่า “ต่างเป็นครอบครัวเดียวกัน และเฟิงเหราก็รู้ว่าคุณสำคัญสำหรับผม ถึงได้ไปช่วยคุณอย่างสุดชีวิต”
อันที่จริงเขาเองก็ติดค้างจิ้นเฟิงเหราอยู่บ้างเช่นกัน เพราะหลายครั้งมักเป็นเขาที่พุ่งตัวออกไปเป็นคนแรก จนได้รับบาดเจ็บอยู่หลายครั้ง
แต่ตัวเขาในฐานะพี่ชาย กลับทำได้แค่จัดการเรื่องราวที่ตามมาภายหลัง พูดขึ้นมาก็ให้ละอายใจอย่างมาก
แต่เขาก็เข้าใจเช่นกันว่า หากตอนนี้เป็นตัวเขาเองที่ได้รับบาดเจ็บ อารมณ์ของจิ้นเฟิงเหราคงไม่ต่างกับเขาในเวลานี้ เพราะความรู้สึกระหว่างพี่น้องเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง
เจียงสื้อสื้อโผล่หน้าออกมาจากในอ้อมแขนของเขา พูดเสียงเบาว่า “ฉันเข้าใจค่ะ ยังมีหวั่นชีงอีกคน ครั้งนี้ถ้าไม่ได้เธอ ฉันคงจะ……”
กลายเป็นศพไปนานแล้ว
เพียงแต่คำเหล่านี้เธอยังไม่ทันได้พูดออกมา ก็ถูกจิ้นเฟิงเฉินใช้นิ้วปิดปากเธอไว้ก่อน
คำพูดไม่เป็นมงคลแบบนี้ เขาไม่ยอมให้เธอพูดเด็ดขาด
เจียงสื้อสื้อเข้าใจความคิดของเขา จึงปิดปากนิ่งเงียบทันที และมองไปที่เขาด้วยความเสียใจ
ท่าทางเช่นนี้ของเธอ ทำให้จิ้นเฟิงเฉินใจละลาย อดไม่ได้ที่จะตำหนิขึ้นมาอีกครั้ง
เจียงสื้อสื้อมองดูเวลา แล้วยิ้ม “เอาล่ะ ดึกแล้ว คุณรีบเข้านอนเร็วหน่อยเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า ฉันเองก็ควรเข้านอนเหมือนกัน พรุ่งนี้เช้าต้องตื่นมาทำอาหารไปส่งให้เฟิงเหราอีก”
หลังจากจิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า เธอก็พูดกับเสี่ยวเป่าว่า “เสี่ยวเป่า เราไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาวาดต่อนะ”
เสี่ยวเป่ากลับทำปากยื่น “ผมอยากให้แด๊ดดี้กับหม่ามี๊เล่านิทานให้ฟังถึงค่อยหลับ”
สองสามีภรรยามองหน้ากันแล้วยิ้ม จากนั้นจึงพูดอย่างพร้อมเพรียงว่า “ได้”