ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 445 ทำไมถึงกระทันหันอย่างนี้
บทที่ 445 ทำไมถึงกระทันหันอย่างนี้
เจียงสื้อสื้อเอาเรื่องนี้บอกกับจิ้นเฟิงเฉินช้าไปเล็กน้อย นึกถึงท่าทางของจิ้นเฟิงเหราที่อยู่ต่อหน้าเขาแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ควบคุมรอยยิ้มของตัวเองไม่อยู่
ฟังเจียงสื้อสื้อพูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง มุมปากเพยิดขึ้นโค้งอย่างพอใจ
เจียงสื้อสื้อมีท่าทางเจ้าเล่ห์ พูดด้วยเสียงที่ชิว ๆ ว่า คิดไม่ถึงว่าจิ้นเฟิงเหราหมอนี่จะมีวันนี้ ในที่สุดก็มีคนสามารถรักษาเขาได้แล้ว วันหลังคงต้องเรียกว่าน้องสะใภ้หวั่นชีงแล้ว”
พูดพลางก็บีบเอวของจิ้นเฟิงเฉิน มุมปากที่โค้งของจิ้นเฟิงเฉินก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ มือใหญ่ลูบหัวของเจียงสื้อสื้ออย่างอ่อนโยน ยิ้มพูดว่า “เด็กโง่”
“คุณต่างหากที่เป็นเด็กโง่”
เจียงสื้อสื้อไม่ยอม ยื่นหมัดต่อยที่บนไหล่ของเขาอย่างแรงทันที
สำหรับแรงของเจียงสื้อสื้อแล้ว จิ้นเฟิงเฉินถูกต่อยก็ไม่เปลี่ยนสีหน้า สำหรับเขาแล้วก็แค่เกาคันเท่านั้น
แต่พอเปลี่ยนน้ำเสียง จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา ดวงตาที่ลึกจ้องมองใบหน้าเล็กของเจียงสื้อสื้ออยู่ ฑุดอย่างจริงจังว่า “สื้อสื้อผมมีเรื่องหนึ่งต้องการพูดกับคุณ”
จิ้นเฟิงเฉินจู่ ๆ ก็เคร่งขรึมขึ้นมา เจียงสื้อสื้อก็ไม่หัวเราะเล่นอีก ทำได้แค่นั่งเรียบร้อย
“เรื่องอะไร ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เคร่งขรึมขึ้นมาอย่างนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกเหรอ?”
“ก็ไม่มี”
จิ้นเฟิงเฉินขยับเข้าไปข้างกายเขาสองที ให้เจียงสื้อสื้อพิงในอ้อมกอดของเขา ประคองเบา ๆ ลูบผมสวยของเขา
“ช่วงนี้บริษัทมีโครงการหนึ่ง คือจะต้องให้ผมออกหน้าทำให้สำเร็จ ดังนั้นสองสามวันนี้ผมอาจจะต้องไม่ได้อยู่ที่นี่”
จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำธุระนอกสถานที่ แต่เจียงสื้อสื้อต่างก็ไม่อยากให้ออกห่างทุกครั้ง
หาท่าที่สบายในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขา มือสองข้างโอบกอดเขาอยู่ ฝังอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยเสียงที่ทึม ๆ
“ทำไมถึงได้กระทันหันอย่างนี้?ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นคุณเคยพูด”
รู้ว่าเจียงสื้อสื้อหวงตัวเอง จิ้นเฟิงเฉินพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า“ปกติก็ไม่เห็นคุณติดหนึบกับผมอย่างนี้ ทำไมจู่ ๆ ก็หวงผมขึ้นมาล่ะ?”
เจียงสื้อสื้อเปิดออก อยากเอาหัวของเธอออกมาแล้วฝังหัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
ออดอ้อนเหมือนเด็ก แม้จะมองไม่เห็นอารมณ์ของเขา ก็รู้ว่าตอนนี้เขามีความน่ารักมากแค่ไหน
“ฉันไม่ได้หวงซะหน่อย เพียงแค่ขาดเตียงอุ่น รู้สึกไม่ชินเล็กน้อย”
จิ้นเฟิงเฉินอดไม่ดีที่จะยิ้ม ทำได้แค่รัดอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เหมือนอยากที่จะเอาเขาถูเขาไปในร่างกาย
“ผมแค่ออกไปวันสองวันเอง ไม่นานก็กลับมาแล้ว จะไม่อยู่ที่นั่นนานมากหรอก”
“คุณยังไม่ได้บอกฉันว่าทำไมเดินทางไปทำธุรกิจครั้งนี้กระทันหันอย่างนี้?”เจียงสื้อสื้อเงยหน้าถาม
“ก็ไม่ได้กระทันหัน ช่วงก่อนหน้านี้เพื่อให้ได้โครงการนั่นมา บริษัทเตรียมไว้มานานครึ่งปีแล้ว เพียงแค่ไม่อยากให้เกิดปัญหากระทันหัน ดังนั้นผมจะต้องไปด้วยตัวเอง”
เขาควักเจียงสื้อสื้อออกมาจากอ้อมกอดของตัวเองอย่างเบา ๆ แล้วจูบที่หน้าผากของเขา
“คุณต้องเป็นเด็กดี รอผมกลับมา”
“ตกลง”เจียงสื้อสื้อรับปากอย่างน่าเอ็นดู
“ฉันช่วยคุณเก็บของ”
เจียงสื้อสื้อรู้ว่าออกไปทำธุรกิจครั้งนี้สำหรับจิ้นเฟิงเฉินแล้วน่าจะสำคัญมาก ก็ไม่ได้ทำให้เสียเวลาเขาอีก
พูดพลางก็ลุกขึ้นมาที่ด้านหน้าตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าที่ซักเรียบร้อยแล้ว
มองเงาร่างที่ยุ่งวุ่นวายนั่นเพื่อตัวเองอยู่นั่น
แสงไฟที่อบอุ่นส่องร่างของเขา ก็ดึงดูดวิญญาณของจิ้นเฟิงเฉินอย่างไม่รู้สึกตัว
“เนคไทเส้นนี้จะเอาไปด้วยไหม?”เจียงสื้อสื้อหยิบเนคไทเส้นนี้ขึ้นมา หมุนศีรษะมาถามเขา
จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้พูดอะไร
ก็ไม่รู้ว่าเขาได้ยินหรือไม่ได้ยิน สายตากลับจ้องมองตรงมาที่เจียงสื้อสื้อ
เดิมทีเจียงสื้อสื้อคิดว่าเขากำลังคิดไตร่ตรองว่าสรุปแล้วจะเอาไปไหม แต่ผ่านไปกี่วินาทีกลับพบว่า ที่แท้จิ้นเฟิงเฉินกำลังเหม่อลอยอยู่!มองอย่างเหม่อลอยเหรอ?
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แล้วก็หัวเราะมีเสียงออกมา คิดไม่ถึงว่าเขาก็จะมีวันที่ใจลอยด้วย
ก็ไม่ได้สนใจความคิดเห็นของจิ้นเฟิงเฉินอีก แล้วก็ยัดเข้าไปในกระเป๋าเดินทางของเขาเลย
วันที่สองตอนเช้าตรู่
วันแรกของเช้าตรู่ที่มีแสงพระอาทิตย์อ่อน ๆ ทะลุผ่านผ้าผ่านเข้ามาในห้อง ในห้องเงียบสนิทจนเข็มตกลงพื้นยังได้ยิน มีเพียงลมหายใจชายหญิงที่ผสมอยู่ด้วยกัน
สองสามปีมานี้นาฬิกาชีวภาพของจิ้นเฟิงเฉินดีมากมาโดยตลอด แต่หลังจากมีเจียงสื้อสื้อแล้วก็รู้จักนอนขี้เกียจ
ลืมตา หน้าเล็กแดงของเจียงสื้อสื้อก็เข้าสะท้อนมาในม่านตา ดวงตาสองข้างของเขาก็ปิดแน่น นอนอย่างมีความสุข
จิ้นเฟิงเฉินก็มองเข้าอย่างละเอียดอย่างนี้ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเจียงสื้อสื้อยิ่งมองก็ยิ่งอยากมอง
อาจเป็นเพราะรับรู้สายตาที่ร้อนแรงของจิ้นเฟิงเฉินทำให้เจียงสื้อสื้อส่งเสียงที่เขินอายออกมา
แขนที่ขาวละเอียดยื่นมือออกมาจากผ้าห่ม บดบังตาด้านหน้า หลังจากสองสามวินาทีก็หมุนหัวมา กอดเอวที่ผอมของจิ้นเฟิงเฉิน พูดเหมือนเด็กอ้อนว่า “คืนนี้นอนเหนื่อยมาก”
เมื่อวานเก็บของให้เขาเสร็จก็ประมาณห้าทุ่มแล้ว บวกกับสองสามวันก่อนทำโอทีที่บริษัททำให้เจียงสื้อสื้อพอตื่นนอนแล้วยังไม่ได้สติ
เห็นเขามีท่าทางที่น่ารักอย่างนี้ จิ้นเฟิงเฉินบีบแก้มที่กลมลื่นของเขา
ความรู้สึกที่สัมผัสดีจนไม่ไหว ความรู้สึกที่อ่อนนุ่มนี้ทำให้เขาวางมือไม่ลงจริงๆ
แต่ว่าสุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นจากเตียง แล้วพูดว่า“คุณนอนต่ออีกเถอะ ผมไปจัดเก็บสักหน่อย”
จูบที่มุมปากของเขา จิ้นเฟิงเฉินก็เปิดผ้าห่มออกทันที แล้วเข้าในห้องน้ำอาบน้ำ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็ยังไม่ได้ตื่นนอน
เพียงแค่โผล่หัวเล็ก ๆ ออกมา กลับทำให้จิ้นเฟิงเฉินมีความรู้สึกถึงความสบายใจอย่างแปลกประหลาด
และก็พูดที่ข้างหูของเจียงสื้อสื้อเบา ๆ ว่า“สองสามวันนี้ผมไม่อยู่ จะจัดการให้จื่อเฟิงอยู่ข้างกายคุณ ก่อนที่จะไปจำไว้ส่งตำแหน่งที่อยู่ให้ผม”
เจียงสื้อสื้อส่งเสียงอืม แล้วก็เอาศีรษะมุดลงในผ้าห่ม มีท่าทางที่ไม่ให้รบกวน
รอเจียงสื้อสื้อตื่นนอนก็หลังสองสามชั่วโมงแล้ว
เจียงสื้อสื้อคิดได้อยากที่จะกอดผู้ชายที่อยู่ด้านข้าง มือกลับวางเปล่า นี่ถึงคิดได้ว่าจิ้นเฟิงเฉินออกไปทำธุรกิจข้างนอกแล้ว
คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะพึ่งพิงเขามากกว่าที่คิดไว้
“ตื่นนอนกินข้าวแล้ว”
เสียงเคาะประตูจู่ ๆ ดังขึ้นมา แต่ยังไม่ทันให้เจียงสื้อสื้อพูดว่าเชิญเข้ามา จื่อเฟิงที่ใส่ชุดสีดำก็เดินเข้ามาเลย พูดออกมาหนึ่งประโยคแล้วก็หมุนตัวออกไป
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ จื่อเฟิงมาตระกูลจิ้นได้ยังไง?
หลังลงจากตึก เห็นแม่จิ้นกำลังพูดคุยกับจื่อเฟิง เจียงสื้อสื้อย่นคิ้ว
“วันนี้ที่จื่อเฟิงมาพูดว่ามาเยี่ยมเฟิงเหราสักหน่อย พอดีฉันต้องเรียกเธอตื่นนอนพอดี จื่อเฟิงก็เป็นธุระให้” แม่จิ้นดึงมือเจียงสื้อสื้อพูด
“สวัสดีคุณเจียง คุณชายส่งฉันมาดูแลข้างกายคุณ”
น้ำเสียงของจื่อเฟิงทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกไม่ดี มีท่าทางที่แข็งก้าวเป็นพิเศษ
ตั้งแต่ไหนมา จื่อเฟิงให้ความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีต่อเจียงสื้อสื้อ เวลานี้ก็ยิ่งไม่มีความรู้สึกที่ดีอะไรต่อเขา
แต่เป็นเพราะหน้าของจิ้นเฟิงเฉิน ยังไงก็ทักทายง่าย ๆ ไป
เจียงสื้อสื้อกินข้าวแล้วก็ไปบริษัท
จื่อเฟิงมีหน้าที่โกรธแค้นเดินตามอยู่ข้าง ๆ เจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อก็ไม่สนใจ ก็ถือว่าเขาเป็นแค่อากาศ