ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 447 ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องเป็นของฉัน
บทที่ 447 ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องเป็นของฉัน
ผ่านไปสักพัก เสี่ยวเป่าก็วิ่งมาแต่ไกล เจียงสื้อสื้อดึงมือเขาเดินไปข้างใน
เวลานี้ลู่เจิงก็เดินเข้ามาแล้วก็พูดกับเจียงสื้อสื้อว่า “สักพักงานเลี้ยงก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ผมพาพวกคุณไปสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบ”
“ตกลง”
เจียงสื้อสื้อยิ้มให้เขาเบา ๆ คิ้วตาโค้ง ขี้เล่นและสวยงาม
ลู่เจิงไม่มีสติ แสดงความหลงใหลในสายตาออกมา
จากนั้นก็ถูกเธอปกคลุมอย่างรวดเร็ว ฟื้นคืนท่าทางที่เวลาปกติสุภาพออกมา
ลู่เจิงมองเขาแล้วก็ยิ้มออกมา
ตอนนี้เขามีชีวิตที่ดีมาก มีท่าทางที่สวยงามดึงดูดยิ่งกว่าปีนั้น แต่เห็นเธออยู่ข้างกายคนนั้นแล้วมีชีวิตที่มีความสุขมาก
นี่ก็พอแล้ว ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ เขาก็วางมือได้แล้ว ลู่เจิงคิดอย่างขมขื่นและเศร้าเล็กน้อย
“พี่ลู่เจิง!”จู่ ๆ เสียงผู้หญิงที่สดใสก็ดังแทรกเข้ามา และก็ดึงความคิดของลู่เจิงกลับมา
เมื่อกี้เจียงสื้อสื้อก็สังเกตุเห็นว่าข้างกายของลู่เจิงมีเด็กผู้หญิงยืนอยู่
ดูเหมือนมีท่าทางที่สนิทสนมกับเขามาก เพียงแต่ว่าลู่เจิงไม่ได้แนะนำ เขาเองก็ไม่กล้าที่จะถาม
“สวัสดี ฉันคือเจียงสื้อสื้อ”เจียงสื้อสื้อแนะนำตัวเอง
เด็กผู้หญิงยิ้มอย่างน่าเอ็นดู“สวัสดีค่ะพี่สาว ที่จริงฉันก็เคยได้ยินชื่อของพี่มานานแล้ว พี่ลู่เจิงพูดว่าวันนี้คุณจะมาฉันก็รอคอยมาก”
เจียงสื้อสื้อรักษารอยยิ้มไว้ เด็กผู้หญิงคนนี้มีความกระตือรือร้นมาก
แต่ไม่รู้ว่าทำไม เขากลับไม่ชอบมาก รู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาเป็นการเสแสร้งเล็กน้อย
เธอมองไปที่ลู่เจิง รอเขาแนะนำฐานะของเด็กผู้หญิงคนนี้
แต่ว่าลู่เจิงกลับไม่ได้มีความหมายที่จะให้พบกัน เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้พูดมากอีก
ก็พูดคุยสองสามประโยค ลู่เจิงก็ออกไป
เขาเป็นพระเอกของงานเลี้ยงวันนี้ ยังต้องไปต้อนรับแขกคนอื่น ๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ที่นี่ตลอดเวลา
เด็กผู้หญิงส่งสายตาให้ลู่เจิงออกไปแล้ว รอยยิ้มที่มุมปากก็สลายหายไปด้วย ทั้งใบหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ไม่มีท่าทางที่น่าเอ็นดูเหมือนเมื่อกี้ ในดวงตาทั้งหมดเป็นการกลั่นแกล้งและเป็นศัตรู“คุณเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ออกห่างพี่ลู่เจิงให้ไกลหน่อย”
เจียงสื้อสื้องุนงงเล็กน้อย แล้วก็ตลกทันที
ยังร้ายกาจจริง ๆ หน้าเปลี่ยนจนรางวัลออสการ์ต้องมอบตุ๊กตาทองให้กับเธอ
เจียงสื้อสื้อพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ทราบว่าคุณใช้ฐานะอะไรมาพูดอย่างนี้กับฉัน เป็นแฟนของรุ่นพี่?ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เคยพูดกับฉัน”
เด็กผู้หญิงมีสีหน้าเปลี่ยน ท่าทางมีความผิดมาก แล้วก็มีความหงุดหงิดเล็กน้อย พูดอย่างดุร้ายว่า“เขาไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเป็นของฉัน”
“งั้นก็ขอให้เธอโชคดี แล้วก็อยากจะแนะนำว่า ฝีมือการแสดงของเธอดีมาก น่าจะไปเอาดีด้านงานบันเทิง”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็หมุนตัวไป แล้วก็ไม่สนใจเขาอีก
“น่าเกลียดมาก”เสี่ยวเป่าทำหน้าอูม พูดอย่างโมโห
เจียงสื้อสื้อก้มศีรษะหยิกแก้มที่อูมขึ้นของเขา พูดอย่างล้อเล่นว่า“ที่รัก ใครน่าเกลียดเหรอ?”
“น้าคนนั้น เขารังแกหม่ามี๊ น่าเกลียด ”เสี่ยวเป่ากำมือของเจียงสื้อสื้อแน่น ไม่ดีใจมาก ๆ เขาไม่ชอบให้คนอื่นพูดว่าหม่ามี๊อย่างนั้น
ในใจของเจียงสื้อสื้อปรากฏความอบอุ่นขึ้นมาสักครู่ แล้วก็อุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมาหอมฝอดหนึ่งที่หน้าของเขา
“เมื่อกี้หม่ามี๊ชนะแล้ว ไม่มีใครสามารถแกล้งหม่ามี๊ได้”
ท่าทางของเสี่ยวเป่าผ่อนคลายลงเล็กน้อย ยังคงกำหมัดเล็กแน่น พูดอย่างจริงจังว่า“รอหนูโตก่อน หนูจะปกป้องหม่ามี๊ ใครรังแกหม่ามี๊ หนูก็จะตีคนนั้น”
“ตกลง งั้นหม่ามี๊ก็ต้องขอบใจที่รักล่วงหน้าแล้ว”
ความโกรธที่เจียงสื้อสื้อสัมผัสอย่างไม่มีเหตุผล ก็สูญสลายไปในคำพูดที่ไร้เดียงสาของเสี่ยวเป่าอย่างไร้ร่องรอย ไม่ต้องสนใจ อยากจะเป็นยังไงก็เป็นแล้วกัน
เพียงแต่ก็น่าเสียดายรุ่นพี่ รุ่นพี่เป็นคนที่ดีมาก ถ้าเขาชอบผู้หญิงชนิดนั้นจริง ๆ เพียงแต่กลัวว่าในอนาคตจะมีชีวิตที่ไม่ดีมาก
เดิมอยากที่จะเตือน คิดแล้วเรื่องแบบนี้ ก็ไม่มีที่จะให้เธอได้แทรกแซง
เจียงสื้อสื้อหันไปมองทางลู่เจิง ในใจก็อธิษฐานเงียบ ๆ ให้รุ่นพี่เองสามารถแยกแยะชัดเจน
ลู่เจิงทักทายคนในกลุ่มเสร็จแล้วก็กลับมาที่ข้างกายเจียงสื้อสื้ออีกครั้ง
พบว่าบรรยากาศผิดปกติไปเล็กน้อย ในใจสงสัยจึงถามเจียงสื้อสื้ออย่างอ่อนโยนว่า“เป็นอะไรไป?”
เจียงสื้อสื้อค่อย ๆ ยิ้มพูดว่า“ไม่มีอะไร”
ลู่เจิงก็มองไปทางเด็กผู้หญิงอีกด้าน เด็กผู้หญิงนั่นฟื้นคืนท่าทางที่ไม่มีพิษภัยมานานแล้ว ส่งแก้วน้ำให้กับลู่เจิงอย่างน่าเอ็นดู เบิกดวงตาที่เปล่งประกายพูดอย่างอ่อนโยนว่า“พี่ลู่เจิง คุณกระหายน้ำแล้วล่ะ ดื่มน้ำเถอะ”
“ตกลง”ลู่เจิงรับน้ำมา แล้วดื่มอึกหนึ่ง
เด็กผู้หญิงอาศัยเวลานี้ มองเจียงสื้อสื้ออย่างท้าทาย เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้สนใจเขา
งานเลี้ยงนี้ยังไม่เลิกราจนดำเนินต่อไปถึงสามทุ่ม เสี่ยวเป่าสะลึมสะลืออยู่ในอ้อมอกของเจียงสื้อสื้อแล้ว
เพราะว่าเสียงดังมาก ทำให้นอนไม่สนิท ย่นคิ้วเล็กมาตลอด
เจียงสื้อสื้อปวดใจมาก เขาปฏิเสธข้อเสนอของลู่เจิงที่พาเสี่ยวเป่าไปนอนบนโซฟา
จนถึงยืนยันจะอุ้มเสี่ยวเป่าไปจนถึงเวลาที่พวกเขาเตรียมตัวไปร้องเพลง จึงตัดสินใจเลือกที่จะกลับบ้าน
หลังจากบอกลากับลู่เจิงแล้ว เจียงสื้อสื้ออุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นรถ
ระหว่างทาง เสี่ยวเป่าตื่นขึ้นมาและเรียกอย่างงัวเงียว่า“หม่ามี๊……”
เจียงสื้อสื้อยกมือขึ้นบดบังแสงไฟทางที่ส่องเข้ามาในหน้าต่างรถ พูดอย่างอ่อนโยนว่า“ที่รัก นอนเถอะ พวกเรากลับบ้านแล้ว”
รถไปถึงวิลล่า เจียงสื้อสื้ออดใจไม่ได้ที่จะปลุกเขาตื่น และอุ้มเขาเข้าไปข้างใน
แม่จิ้นยังไม่นอนก็เฝ้าอยู่ที่ห้องรับแขก มองเห็นภาพนี้แล้วก็รีบถามว่า“นี่เป็นอะไรไป?”
เจียงสื้อสื้อพูดเบา ๆ ว่า“นอนหลับแล้ว วันนี้เหนื่อยมากแล้ว”
ในสายตาของแม่จิ้นแสดงความปวดใจออกมา ชะโงกมาดูหน้าของเสี่ยวเป่า
นอนอย่างหน้าแดง ดูยังไงก็น่ารัก ในใจชอบเป็นอย่างมาก
“เหมือนกับหมูน้อยจริง ๆ ”
แม่จิ้นอดยิ้มไม่ได้ เงยหน้พอดีกับเจียงสื้อสื้อพูดอยู่ กลับมองเห็นท่าทางของเขาที่มีความเจ็บปวดเล็กน้อย“แม่ ฉันปวดมือแล้ว คุณช่วยฉันอุ้มเสี่ยวเป่าหน่อย”
เจียงสื้อสื้อรับไม่ไหวแล้วจริงๆ เขารู้สึกว่ามากไปหนึ่งนาที เขาก็อาจจะต้องล้มลงไปแล้ว
“ได้ ได้ ได้”แม่จิ้นรับปากติดต่อกัน แล้วเอาเสี่ยวเป่ารับมา มือของเจียงสื้อสื้อชาจนแทบจะไม่มีความรู้สึกแล้ว
แม่จิ้นบ่นเขา“เด็กนี่ เธออุ้มไม่ไหวก็เรียกเขาให้ตื่นก็ได้แล้ว ตามใจเขาอย่างนี้ทำอะไร”
เจียงสื้อสื้อนวดแขน ฝืนยิ้มพูดว่า“แม่ เสี่ยวเป่านอนหลับสบายอย่างนั้น ฉันอดใจไม่ได้”
แม่จิ้นมองเขายังใส่รองเท้าส้นสูง ปวดใจมากในทันทีจ้องมองเขา“ครั้งหน้าไม่อนุญาตให้ทำอย่างนี้อีก ถ้าล้มไป ก็จะได้รับบาดเจ็บทั้งสองคน”
ปากก็พูดอย่างนี้ ในใจกลับดีใจที่เจียงสื้อสื้อปกป้องเสี่ยวเป่าอย่างนี้ ในใจเขาดีใจมาก
ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นห่วง ลูกชายแต่งภรรยาจะไม่ดีต่อหลาน ตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะไม่ต้องเป็นห่วงอะไร
เสี่ยวเป่านอนหลับสนิทในอ้อมอกของคุณย่า บางครั้งยังพึมพำอะไรออกมา แม่จิ้นตั้งใจฟังกลับได้ยินเขากำลังเรียกเสียงเบา ๆ ว่า “หม่ามี๊ หม่ามี๊……”
ในดวงตาของแม่จิ้นมีน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา