ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 46 อย่าทำให้เธอถูกกลั่นแกล้งแม้แต่นิดเดียว
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 46 อย่าทำให้เธอถูกกลั่นแกล้งแม้แต่นิดเดียว
บทที่ 46 อย่าให้เธอถูกกลั่นแกล้งแม้แต่นิดเดียว
แต่คิดถึงแม่ของตัวเอง น้ำตาของเจียงสื้อสื้อก็ไหลออกมาไม่หยุด
ตอนนี้จะทำยังไง?
บอก จิ้นเฟิงเฉิน ให้เขาช่วยเหลือ?
แต่ว่าดธอพูดออกไปแล้วว่าจะตัดความสัมพันธ์กับเขา ยิ่งกว่านั้น เจียงเจิ้นทำอะไรกับแม่เธอจริงๆ ……
ตอนนี้ เซิ่นมู่ป๋ายกินข้าวจากด้านนอกกลับมาถึงโรงพยาบาล ก็เห็นหญิงสาวนั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตู เขานิ่งอึ้งไปสักพัก นี่คือ เจียงสื้อสื้อนิ่ แถมเธอเหมือนกับกำลังร้องไห้
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เซิ่นมู่ป๋าย ไม่ได้ทักทายและถามถึงสถานการณ์ แต่เดินเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างเงียบๆ
เรื่องของจิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อ ไม่กี่วันนี้ เซิ่นมู่ป๋ายได้ยินจากปาก จิ้นเฟิงเหราไม่น้อย
วันนี้ เจียงสื้อสื้อมาอยู่ที่โรงพยาบาล คงเพราะว่าแม่ของเธอล่ะสิ!
ถ้าหากเขาจำไม่ผิด แม่ของ เจียงสื้อสื้ออยู่ในแผนกสมอง คิดไป เซิ่นมู่ป๋ายก็มาถึงแผนกประชาสัมพันธ์และถามว่า “ผู้ป่วยของ203 วันนี้ร่างกายผิดปกติไหมครับ?”
พยาบาลฝึกหัดมองใบหน้าที่หล่อเหลาของ เซิ่นมู่ป๋ายก็นิ่งอึ้งไปสักพัก หลังจากได้สติกลับมาก็ตอบกลับว่า “ห๊า? คุณหมอเสิ่น คุณพูดถึง ฟางเสว่มั่น เธอสบายดีค่ะ แต่ว่าวันนี้ถูกญาติย้ายโรงพยาบาลไปแล้ว”
เซิ่นมู่ป๋ายได้ยินแบบนี้ ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ย้ายโรงพยาบาล?”
พยาบาลฝึกหัดพยักหน้า พูดต่อว่า “ใช่ค่ะ! เมื่อกี้ลูกสาวของเธอมาก่อเรื่องไปรอบหนึ่ง บอกว่าแม่ของเธอมีเธอเป็นญาติคนเดียว เธอไม่เคยยินยอมให้ย้ายโรงพยาบาลเลย ให้โรงพยาบาลออกมาอธิบาย”
เซิ่นมู่ป๋ายขมวดคิ้วมากกว่าเดิม ปากบางเม้มและพูดว่า “หลังจากนั้นล่ะ?”
“คุณหมอหลี่ก็มาหาค่ะ บอกว่าเธอหาเรื่องอย่างไม่มีเหตุผลรบกวนผู้ป่วยท่านอื่น เลยเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาไล่ออกจากโรงพยาบาลไป เรื่องเป็นยังไงต่อไปฉันก็ไม่รู้แล้วค่ะ”
“เอ่อ คุณหมอเสิ่น คุณอย่าเพิ่งไปนะคะ ให้เบอร์โทรศัพท์ฉันได้ไหมคะ ถ้ามีเรื่องอะไรฉันจะได้รายงานคุณ” พยาบาลฝึกหัดมองเขาอย่างลุ่มหลง
เซิ่นมู่ป๋ายไม่ได้ใส่ใจ ออกจากแผนกอย่างเย็นชา ต่อมาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหา จิ้นเฟิงเฉิน
ตอนนี้ จิ้นเฟิงเฉินเมื่อส่งพ่อแม่กลับบ้าน กำลังจะไปห้องสมุด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขารับสาย
“ฮัลโหล”
“เฟิงเฉิน แกลองทายว่าเมื่อกี้ฉันเจอใครในโรงพยาบาล?” หืม? จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น? เธอไปโรงพยาบาลทำไม?”
ป่วยเหรอ? เกิดเรื่องอะไร?
“แกอย่าเพิ่งรีบร้อน เจียงสื้อสื้อไม่เป็นอะไร แต่ว่าแม่ของเธอถูกคนอื่นย้ายโรงพยาบาลแล้ว สาวน้อยมาก่อเรื่องที่โรงพยาบาลไปหนึ่งรอบ ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยไล่ออกไป”
จิ้นเฟิงเฉินยิ่งฟัง สีหน้าก็ยิ่งเย็นชา
“เมื่อกี้ฉันเพิ่งเห็นเธอร้องไห้อยู่หน้าประตูโรงพยาบาล เฮ้อ น่าสงสารจัง!”
พูดจบ จิ้นเฟิงเฉิน ก็วางวายไป ไม่พูดอะไรก็หยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถออกจากบ้านไป
เซิ่นมู่ป๋ายถือโทรศัพท์อยู่ก็ยิ้มออกมา ปีศาจรักภรรยามาแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่จัดการไม่ได้
……
เจียงสื้อสื้อร้องไห้อยู่หน้าประตูโรงพยาบาลสักพัก เธอเช็ดน้ำตาและลุกขึ้นมา ไม่ได้ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เธอต้องเคลื่อนไหวบ้าง
คิดไป เจียงสื้อสื้อก็โทรไปแจ้งความ
แม่ถูก เจียงเจิ้นพาไปอย่างผิดกฎหมาย ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ เจียงเจิ้นจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้
แค่พึ่งตัวเองก็คงหาไม่เจอว่าแม่อยู่ที่ไหน ตอนนี้ทำได้แค่ทำให้เรื่องใหญ่ขึ้น
สักพัก ตำรวจก็มา ถามว่าเรื่องเป็นมายังไง
“คุณตำรวจคะ ตอนนี้แม่ของฉันไม่รู้อยู่ที่ไหน พวกคุณช่วยฉันหน่อยนะคะ พยายามหาเธอให้เจอเร็วที่สุด”
ตำรวจได้ยินแบบนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้น พูดด้วยความขอโทษ “คุณเจียง ขอโทษนะครับ หายไปยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ยังไม่รับแจ้งความครับ”
พอ เจียงสื้อสื้อได้ยิน ในใจก็ดิ่งลง หลังจากยี่สิบสี่ชั่วโมง รับประกันไม่ได้เลยว่า เจียงเจิ้นจะทำอะไรกับแม่เธอ….ไม่ เธอไม่อยากรอ
“คุณตำรวจคะ แม่ฉันป่วยหนักมาก ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าถูกพาไปที่ไหน คุณตรวจสอบให้ก่อนไม่ได้เหรอคะ”
“คุณเจียง พวกเราพอจะเข้าใจเรื่องคร่าวๆ แล้วเพียงแค่……”
“เพียงแค่อะไร แม่ฉันป่วยนะคะ!” เจียงสื้อสื้อตื่นตระหนกผิดปกติ
……
เมื่อกี้ จิ้นเฟิงเฉินมาถึงประตูโรงพยาบาล ก็ได้ยินจากปากของ เซิ่นมู่ป๋ายว่า เจียงสื้อสื้อแจ้งตำรวจแล้ว เซิ่นมู่ป๋ายเตือนว่า “ยังหายไปไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ตำรวจน่าจะไม่รับแจ้ง”
จิ้นเฟิงเฉินวางสาย เซิ่นมู่ป๋ายไป และโทรไปหาอีกเบอร์
ตอนนี้ในสถานีตำรวจ ผู้อำนวยการซ่งกำลังทำงานอยู่ รับสายโทรศัพท์ เขาตกตะลึงไปสักพัก
“คุณชายจิ้น”
จิ้นเฟิงเฉินพูดนิ่งๆ “ฮัลโหล คุณซ่ง “
คุณซ่งคิดไม่ถึงว่าจะเป็น จิ้นเฟิงเฉินจริงๆ จู่ๆ ในใจเขาก็เตือนขึ้น และพูดด้วยความเคารพนับถือ “คุณชายจิ้น คุณโทรมาดึกขนาดนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
“อืม ผู้อำนวยการซ่ง ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วย……” หลังจากนั้นสองนาที หนึ่งในตำรวจที่กำลังคุยกับ เจียงสื้อสื้ออยู่นั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา
เป็นสถานีตำรวจที่โทรมา เขาเดินออกมาจากที่เดิมและรับสาย
ตำรวจคนนั้นคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่โทรมาจะเป็นหัวหน้า เขาตกใจไปสักพัก
“ครับครับ หัวหน้า คุณวางใจเถอะ ผมและเสี่ยวเฉินจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างดี”
……
เจียงสื้อสื้อกำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ตำรวจที่รับสายโทรศัพท์เสร็จก็เดินกลับมา
“คุณเจียง ตอนนี้พวกเรารับเรื่องนี้แล้วครับ คุณอย่าเพิ่งรีบร้อน พวกเราจะรีบช่วยหา คนให้เร็วที่สุด”
เจียงสื้อสื้อนิ่งอึ้งไปสักพัก ไม่ใช่บอกว่ายังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเหรอ……
แต่ว่าสถานการณ์รีบร้อนแบบนี้ เธอไม่มีเวลามาคิดเยอะ และตามตำรวจเข้าโรงพยาบาลไป
จิ้นเฟิงเฉินนั่งอยู่ในรถ มองจากกระจก หลังจากเห็น เจียงสื้อสื้อเข้าไปในโรงพยาบาลแล้ว ก็โทรหา เซิ่นมู่ป๋ายอีกครั้ง
“ช่วยฉันดูหน่อย เรียกหัวหน้าโรงพยาบาลออกมา ทำให้เรื่องนี้ชัดเจน”
สีหน้าเขาลุ่มลึก แต่น้ำเสียงกลับลุ่มลึกยิ่งกว่า
เซิ่นมู่ป๋ายพูดว่า “วางใจเถอะ! เรียกมาตั้งนานแล้ว จะไม่ให้ผู้หญิงของแกถูกกลั่นแกล้งแม้แต่นิดเดียว”
หัวหน้าถูกชี้ตัว เขาจะกล้าเฉยเมยได้ยังไง ตาม เจียงสื้อสื้อและตำรวจมาทันที ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเรื่องนี้
หลังจากเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ความจริงเป็นความผิดพลาดของโรงพยาบาล
คนไม่กี่คนมาถึงแผนก และสอบถามพยาบาล
พยาบาลฝึกหัดกลัวบ้าง พูดติดๆ ขัดๆ ว่า “หัวหน้า พวกเราก็รู้ไม่ชัดว่าเรื่องเป็นมายังไง ขั้นตอนการย้ายโรงพยาบาล คุณหมอหลี่เป็นคนทำค่ะ……”
แววตาของ เจียงสื้อสื้อลุ่มลึก เป็นเหมือนที่คิด เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับ คุณหมอหลี่
“คุณเจียง ขอโทษจริงๆ ครับ เป็นความละเลยของโรงพยาบาลเราเอง พวกเราต้องชดใช้ให้คุณแน่ๆ ครับ”
ตำรวจกำลังเขียนบันทึกและถูกขึ้นว่า “หัวหน้า ตอนนี้ หลี่ยิ่งอยู่ที่ไหนครับ? พาเขามาให้พวกเราเจอได้ไหม”
“ผมจะพาพวกคุณไป” หัวหน้านำทางอย่างเร่งรีบ ตอนนี้ หลี่ยิ่งอยู่ในห้องทำงาน กำลังแสดงฉากรักอยู่