ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 460 ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าเขาใจร้ายแล้วกัน
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 460 ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าเขาใจร้ายแล้วกัน
บทที่ 460 ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าเขาใจร้ายแล้วกัน
อีกฝ่ายหนึ่ง เจียงสื้อสื้อตื่นนอนมาก็เห็นข่าวนี้เลย
เธอรู้สึกมึนงงเล็กน้อย คนเลวที่ไม่สามารถให้อภัยได้ที่เขียนอยู่ในนี้หมายถึงเธอจริงๆ เหรอ?
อะไรคือมือที่สามแสนชั่ว? แย่งสามีคนอื่น?
แต่เมื่อเธอเห็นตัวอักษรบนข่าวอย่างชัดเจน เธอเข้าใจในทันที
สีหน้าของเจียงสื้อสื้อไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ มือที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่ก็สั่นเล็กน้อย
บังเอิญจิ้นเฟิงเฉินเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เขาเห็นสีหน้าของเจียงสื้อสื้อเปลี่ยนไปก็เลยเข้าไปถามเธอว่า “สื้อสื้อ เป็นอะไรรึเปล่า? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อยื่นโทรศัพท์ให้เขาไปโดยตรง
หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินเห็นข่าวนี้ เขารู้สึกว่าคนที่สามารถเขียนข่าวแบบนี้ออกมาได้ จิตใจของเขาต้องบิดเบือนขนาดไหนกัน?
มันไม่ต่างอะไรจากการบิดเบือนข้อเท็จจริงเลย
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดอะไร เขาหยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปที่ห้องอ่านหนังสือ
ขณะนี้ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมจนน่ากลัว ในเมืองทางเหนือนี้ ไม่มีสื่อเจ้าไหนกล้าที่จะเขียนข่าวของจิ้นกรุ๊ปมั่วๆ เช่นนี้
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ข่าวนี้มันทำลายภาพลักษณ์ของสื้อสื้อไปโดยสิ้นเชิง นี่เป็นสิ่งที่เขาทนไม่ได้มากที่สุด
เขาโทรศัพท์ไปหากู้เนี่ยน จิ้นเฟิงเฉินพูดด้วยความเย็นชา “เอาข่าวทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณหญิงออกให้หมด แล้วก็ตรวจสอบด้วยว่าสื่อไหนเป็นคนอยู่เบื้องหลัง กล้าได้ยังไงถึงเขียนข่าวแบบนี้ออกมา ผมขอคำตอบก่อนฟ้ามืดวันนี้”
“ครับ ท่านประธาน”
หลังจากที่กู้เนี่ยนได้คำสั่งมาเขาไม่รอช้ารีบติดต่อหาข้อมูลไป
จิ้นเฟิงเฉินนั่งอยู่ในห้องอ่านหนังสือราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ เขาอดคิดถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ไม่ได้
เขาเริ่มสงสัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลตรวจดีเอ็นเอนั่น ผู้หญิงที่ชื่อเซิ่นจือเสี้ยนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ทำไมเธอเพิ่งปรากฏตัวมา ก็มีข่าวเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เธอเจอออกมา?
บนโลกนี้มีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้จริงๆ เหรอ?
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกว่าเรื่องที่พวกเขากำลังเจออยู่นั่น เป็นเหมือนตาข่ายใหญ่ๆ ที่ขังพวกเขาทุกคนไว้ในนั้น
คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือใครกันแน่?
ขณะนี้เจียงสื้อสื้อที่อยู่ในห้องนอนรู้สึกแย่มาก เธอดูถูกผู้หญิงที่ชื่อเซิ่นจือเสี้ยเกินไป
บนโซเชียลเข้าข้างเธอทั้งหมด ต่างก็ด่าเจียงสื้อสื้อว่าเป็นหญิงสาวต่ำทรามที่ไร้ยางอาย หลังจากที่เจียงสื้อสื้อเห็น เธอรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก
วันนี้เธอไม่อยากไปทำงานแล้ว เธอก็เลยอยู่บ้าน
เธอเปิดประตูมาเจอแม่จิ้นยืนอยู่หน้าประตู เธอตกใจมาก
“แม่คะ คุณแม่อยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?”
แม่จิ้นมองไปที่เจียงสื้อสื้อด้วยความเป็นห่วง พร้อมพูดปลอบโยนเธอเบาๆ ว่า “สื้อสื้อ เรื่องข่าวแม่รู้หมดแล้วนะ ข่าวที่เขียนออกมาเป็นข่าวมั่วสั่ว แม่ว่าพวกเขาอิจฉาหนูแน่ๆ ถึงได้เขียนคำพูดพวกนั้นออกมา เธออย่าไปใส่ใจมันเลยนะ”
หลังจากได้ยินเช่นนี้แล้วเจียงสื้อสื้อหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะคุณแม่ หนูไม่เอาคำพูดพวกนั้นมาใส่ใจอยู่แล้วค่ะ เพราะถึงยังไงหนูก็ไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นอยู่แล้ว หนูบริสุทธิ์ใจค่ะ”
แม่จิ้นเห็นว่าเธอไม่ได้กังวลแล้ว เธอก็เลยตบไปที่มือเจียงสื้อสื้อด้วยความเอ็นดู “แบบนี้ก็ดีแล้ว วันนี้หนูไม่ต้องไปทำงานที่บริษัทแล้วเนอะ เดี๋ยวแม่ออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนหนู โอเคไหม?”
“ดีเลยค่ะ หนูไม่ได้ไปไหนมาไหนกับแม่มานานมากเหมือนกันค่ะ” เจียงสื้อสื้อพิงไปที่ไหล่ของแม่จิ้น พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
แม่จิ้นเห็นเจียงสื้อสื้อยิ้มมีความสุข ก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงเธอมากขึ้นกว่าเดิม
เดิมทีเธอยังรู้สึกเห็นใจเซิ่นจือเสี้ยอยู่บ้าง เพราะคิดว่ายังไงเธอก็เป็นแม่ของเสี่ยวเป่า
แต่ไม่คาดคิดว่าเธอจะใช้วิธีนี้ทำลายชื่อเสียงของคนอื่น แน่นอนว่าเธอก็รู้สึกเกลียดชังเธออย่างมาก
แม่จิ้นเป็นคนที่เข้าข้างคนของตัวเองอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินจดทะเบียนสมรสกัน เธอก็นับว่าเจียงสื้อสื้อเป็นลูกสาวของเธอไปเลย
เธอจะยอมให้คนนอกมารังแกลูกสาวตัวเองได้อย่างไร?
เที่ยงวัน ด้านนอกจิ้นกรุ๊ปมีคนมาล้อมรอบอยู่กลุ่มหนึ่ง ต่างก็มาต่อว่าจิ้นเฟิงเฉิน
พวกเขาเป็นกลุ่มคนธรรมดาๆ ของสังคม แต่ว่าพวกเขาเห็นข่าวแล้วรู้สึกโกรธแค้น ก็เลยรวมตัวกันเป็นกลุ่ม
หนึ่งในนั้นที่ดูเหมือนเป็นคนริเริ่มก็ก้าวเดินออกมา แล้วพูดผ่านโทรโข่งในมือ “เพื่อสาวทุกๆ คน พวกเราต่างก็เป็นคนที่เคยถูกผู้ชายเลวๆ หักหลังมาก่อน ไม่คาดคิดว่าคนใหญ่คนโตเช่นนี้ก็เป็นชายไม่รักดีเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องมาทวงคืนความเป็นธรรม ถ้าหากว่าเขาไม่ออกมาแก้ไขปัญหานี้ด้วยตนเอง พวกเราก็จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน!”
“ได้! จัดการกับชายไม่รักดี!”
มีคนเห็นด้วยกับคำพูดของคนคนนี้อยู่มาก
พนักงานรักษาความปลอดภัยของจิ้นกรุ๊ปยืนขวางอยู่หน้าประตู กีดกันคนออกไป แต่พวกเขาเริ่มจะควบคุมสถานการณ์ไม่ไหวแล้ว
กู้เนี่ยนบอกเหตุการณ์นี้ให้จิ้นเฟิงเฉินรับรู้ มันทำให้จิ้นเฟิงเฉินโกรธเป็นอย่างมาก!
เขาสั่งให้คนกีดกันการกระจ่ายของข่าวไปตั้งแต่เช้าแล้ว ห้ามให้ข่าวกระจายไปมากกว่านี้
แต่ไม่คาดคิดว่าเขาไม่สามารถควบคุมมันไว้ได้ แถมข่าวยังขยายใหญ่มากขึ้นด้วยซ้ำ
จากที่โซเชียลรุมประณามเจียงสื้อสื้อ จนตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นจิ้นเฟิงเฉิน
มาหาว่าเขาเป็นชายเจ้าชู้ ดูถูกความรักของผู้หญิง บอกว่าเขาไม่มีหัวใจเล่นกับความรู้สึกของผู้หญิง
อย่างไรก็ถามคำประณามที่โซเชียลมีต่อเขานั้นแย่จนไม่อาจจะรับได้ ส่วนคำประณามที่มีต่อเจียงสื้อสื้อยิ่งรุนแรงมากกว่าเดิม
นี่ก็เป็นเหตุผลที่จิ้นเฟิงเฉินสีหน้าเคร่งขรึม
กู้เนี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขากลัวว่าถ้าพูดอะไรผิดไปจะกลายเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยน
จิ้นเฟิงเฉินยืนขึ้นแล้วมองดูผู้คนที่รวมตัวกันอยู่ข้างล่างตึก เขาโกรธมาก แต่การสั่งสอนที่ดีจากครอบครัวที่เขาได้รับนั้นห้ามความรู้สึกที่อยากตะโกนระบายมันออกมานี้ไว้
สุดท้ายเขาทำได้แค่ต่อยหมัดไปที่กระจกนิรภัยอย่างแรง รอบๆ กระจกนิรภัยก็เริ่มแตกร้าวขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่า เมื่อสักครู่นี้จิ้นเฟิงเฉินใช้แรงไปมากเท่าไหร่
มันทำให้กู้เนี่ยนตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว
ผ่านไปสักพัก จิ้นเฟิงเฉินสงบอารมณ์ตัวเองไว้ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าไล่คนพวกนั้นออกไปไม่ได้จริงๆ ก็ผิดประตูบริษัทไปชั่วคราวเถอะ”
เวลาผ่านไปคนพวกนี้ก็จะหมดกำลังใจ จำไว้นะว่าห้ามให้คุณหญิงเห็นบทความเหล่านี้
เมื่อได้ยินสิ่งที่จิ้นเฟิงเฉินพูดแล้ว กู้เนี่ยเองก็รีบออกไปราวกับวิ่งหนี แต่โชคดีที่เมื่อสักครู่นี้จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้เอาอารมณ์ความโกรธมาลงที่เขา
ณวิลล่าหนึ่งในใจกลางเมือง เจียงนวลนวลกำลังดูข่าวบนโซเชี่ยล
เธอพอใจกับเนื้อหาข่าวเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าที่เธอเลือกจี้เฉินเป็นการเลือกที่ถูกต้องนะ
ตอนนี้เธอกลายเป็นคนละคนไปแล้ว ต่างจากเจียงนวลนวลคนก่อนที่ไร้เดียงสาอย่างฟ้ากับเหว
เจียงนวลนวลนั่งอยู่หน้าโต๊ะแต่งหน้าแล้วมองไปที่คนในกระจก ทำท่าทางยั่วยวนไปหนึ่งที
ริมฝีปากสีแดงขยับเล็กน้อย สายตาดึงดูดผู้คนอย่างมาก เจียงนวลนวลในสภาพแบบนี้ถือเป็นมือที่สามที่ยอดเยี่ยมไปเลย
เธอก้มหน้ามองไปที่ท้องของตัวเอง เธอท้องได้ไม่นาน เพราะฉะนั้นดูไม่ออกว่าเธอตั้งท้อง
เจียงนวลนวลพูดพึมพำกับตัวเอง “ลูกรัก หม่ามี๊จะหาสภาพแวดล้อมที่ดีให้หนูได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าใครก็ตามถ้าหากคิดจะเป็นศัตรูกับฉันต้องไม่ได้ดีแน่นอน”
พูดไปสายตาของเจียงนวลนวลก็ดูแหลมคมและโหดร้ายขึ้นมา การแต่งหน้าที่ดูดีนั้นไม่สามารถซ่อยความสกปรกภายในใจของเธอไว้ได้
กู้เนี่ยนทำงานไวมาก เขาส่งเบาะแสที่ตนเองพบให้จิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินเห็นข้อมูลที่อยู่บนจอโทรศัพท์แล้ว เขาหรี่ตาขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ไม่คาดคิดว่าเป็นฝีมือของคนที่อยู่ต่างประเทศจริงๆ ด้วย พวกเขากล้าท้าทายเขาเหรอ? ถ้าอย่างั้นก็อย่าหาว่าเขาใจร้ายแล้วกัน