ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 461 แผนการร้ายที่คืบคลานเข้ามา
บทที่ 461 แผนการร้ายที่คืบคลานเข้ามา
ข่าวในคราวนี้ ได้ถูกบริษัทที่ชื่อCO เป็นคนปล่อยออกมา
ในเมืองเป่ยนี่ก็เป็นแค่สาขาย่อยของพวกเขาเท่านั้น ตำแหน่งของสาขาหลักอยู่ที่ต่างประเทศ
สำหรับจิ้นเฟิงเฉินแล้ว นี่เป็นความยากลำบากที่ค่อนข้างมาก อย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าเกิดอยู่ในประเทศ จิ้นเฟิงเฉินพูดได้เลยว่ามีโอกาสอยู่มาก ที่จะปิดข่าวนี้ไปได้ทั้งหมด แต่ว่าถ้าอยู่ในต่างประเทศนั้น……
ถึงว่าทำไมถึงได้ปิดข่าวไม่ได้สักที ยิ่งไปกว่านั้นข่าวยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เห็นทีมีคนได้เพิ่มไฟเรื่องนี้อย่างลับๆ นะนี่
จิ้นเฟิงเฉินอ่านเนื้อหาบนหน้าจอ สายตาเยือกเย็น ทำให้คนหวาดกลัว
เรื่องในคราวนี้เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น จิ้นเฟิงเฉินนิ่งคิดไปสักพักก็ได้โทรไปหากู้เนี่ยน
เสียงเรียกเข้าดังไปสักพัก กู้เนี่ยนก็ได้รับสาย ไม่รอให้เขาพูด จิ้นเฟิงเฉินก็ได้สั่งงานทันที “ฉันอยากให้นายหาตัวต้นตอมาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฟ้ามืดฉันอยากจะเห็นงาน”
ไม่รอให้กู้เนี่ยนได้มีโอกาสพูดอะไรกลับมาทั้งนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ตัดสายไป
“คุณชาย ดิฉันเข้าไปได้ไหมคะ?”
ตอนที่จิ้นเฟิงเฉินกำลังเครียดอยู่นั้น จื่อเฟิงได้เคาะประตูห้อง
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ขมวดคิ้ว แล้วพูดออกไปเสียงเข้ม “เข้ามา”
จื่อเฟิงได้ยกกาแฟแก้วหนึ่งเข้ามา วางไว้ที่โต๊ะห้องทำงานของจิ้นเฟิงเฉิน แล้วถามออกไปอย่างระมัดระวังว่า “คุณชาย มีอะไรที่ฉันช่วยได้ไหมคะ?”
“ฉันให้เธอไปปกป้องคุณนายไม่ใช่เหรอ? เธอทำไมออกมาโดยพลการ? คำพูดของฉันเป็นลมข้างหูเหรอ?”
ในน้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้มีความโมโหปนมาเล็กน้อย จื่อเฟิงไม่รู้ว่าจะตอบอะไรชั่วขณะ
แต่เธอก็ได้กลืนน้ำลายแล้วตอบออกไปว่า “วันนี้คุณนายกับคุณหญิงไปเดินห้างค่ะ รอบตัวคุณหญิงมีบอดี้การ์ดอยู่เยอะ ฉันก็เลยกลับบริษัท”
ได้ยินแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ตีไปที่โต๊ะ ทำเอากาแฟที่จื่อเฟิงชงมาได้ตกลงไปที่พื้น
“เธอไม่รู้ว่าการที่ขัดคำสั่งของฉัน ผลที่ตามมามันร้ายแรงเหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินได้ใช้สายตาที่คมมองไปที่จื่อเฟิง
เวลานี้จื่อเฟิงถึงได้รู้ถึงความผิดของตน ก็ได้รู้พูดขอโทษไปว่า “จื่อเฟิงผิดไปแล้วค่ะ ขอร้องคุณชายให้โอกาสฉันอีกครั้ง”
“ออกไป”
เดิมจื่อเฟิงก็แค่อยากจะมาปลอบใจเขา แต่ว่าผลที่ได้รับมันกลับกัน กลับมาเป็นการทำให้เขาไม่พอใจ ก็ได้เริ่มเสียใจที่หลังขึ้นมา
แต่เพื่อที่จะไม่ให้เรื่องยิ่งอยู่ยิ่งแย่กว่าเดิม จื่อเฟิงก็ได้กลับไปหาเจียงสื้อสื้ออย่างเชื่อฟัง
ตอนที่จื่อเฟิงออกไปนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้นวดหัวที่ปวดของตน
ก่อนหน้านี้เขาแค่ไม่อยากที่จะสนเรื่องเล็กๆ พวกนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการให้โอกาสพวกเขา เห็นทีถึงเวลาที่ต้องตอบโต้หน่อยแล้ว
ไม่อย่างนั้นใครๆ ก็จะมารังแกจิ้นกรุ๊ปแน่
ช่วงเย็น จิ้นเฟิงเฉินพึ่งกลับมาถึงบ้าน เจียงสื้อสื้อก็ได้รีบไปรับ แล้วกอดเขาไว้
พอได้ดมกลิ่นตัวของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกว่าอาการเหนื่อยของทั้งวันก็ได้หายไปแล้ว
เห็นว่าที่เท้าของเจียงสื้อสื้อไม่ได้ใส่รองเท้า จิ้นเฟิงเฉินก็ได้อุ้มเธอขึ้น
“ทำไมไม่ระวังขนาดนี้ ไม่สบายทำยังไง?”
ได้ดุเล็กน้อยแล้วก็สวมรองเท้าให้เจียงสื้อสื้อ
“ก็ฉันมีที่รักแล้วไม่ใช่เหรอ คืนนี้ไม่ทำงาน อยู่เป็นเพื่อนฉันเลย” เจียงสื้อสื้อยิ้มแล้วก็มองเขา
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินแบบนั้นก็ได้ยิ้มแล้วก็บีบไหล่ของเจียงสื้อสื้อเบาๆ พยักหน้า
แล้วก็ตั้งเวลาปิดเครื่องโทรศัพท์ทิ้งไปอีกด้าน จิ้นเฟิงเฉินอุ้มเจียงสื้อสื้อกลับไปที่ห้อง
คืนนี้หลับสบาย
พวกเขาไม่รู้ว่าแผนที่ร้ายกว่านั้นกำลังคืบคลานเข้ามา
ใกล้เช้า มีคนคนหนึ่งได้โพสต์ 《ท่าแท้ของภรรยาคนปันจุบันจิ้นกรุ๊ป》ออกมา
ในนั้นได้มีอดีตมากมายของเจียงสื้อสื้อ
ในนั้นพูดอะไรที่ไม่ดีกับเจียงสื้อสื้อมากๆ แล้วยังบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจียงสื้อสื้อแย่งว่าที่สามีของคนอื่นแล้ว
ได้บรรยายทำเอาเจียงสื้อสื้อไม่มีคุณธรรม ไม่มีศีลธรรม ไม่มีความเห็นใจไปเลย แล้วยังกดดันจนน้องตัวเองนั้นเข้าคุก
ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังไปยึดมรดกของตระกูล ไม่เหลือทางรอดให้แม่เลี้ยงกับน้องสาว หลังจากนั้นเจียงสื้อสื้อก็ได้กลายเป็นคนที่ถูกผู้คนด่า
ไม่นานเพื่อนในโซเชียลก็ได้เปิดมาดู บนโซเชียลก็ได้เต็มไปด้วยคำด่า
เช้าวันต่อมา จิ้นเฟิงเฉินได้ตื่นมาเพราะเสียงเรียกของโทรศัพท์ เขาก็ได้รับด้วยความหงุดหงิด
“คุณชาย ไม่ดีแล้วครับ คุณรีบมาที่บริษัทเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินได้ขมวดคิ้ว
เพื่อไม่เป็นการรบกวนเจียงสื้อสื้อ เขาก็ได้รีบใส่เสื้ออย่างรวดเร็ว แล้วก็ลงไป
ไปถึงบริษัท กู้เนี่ยนก็ได้ส่งเอกสารอันนึงให้เขาด้วยสีหน้าที่เป็นทุกข์
“คุณชาย ตอนนี้ข่าวในเน็ตได้ปิดไม่อยู่แล้ว เช้านี้มีคนมาโพสต์โพสต์ใหม่ลง ได้ปล่อยเรื่องอดีตของคุณนายออกมา
คุณดูนี่เป็นตัวเลขบนเน็ต คนที่มาดูโพสต์นี้ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หุ้นของบริษัทขึ้นลงไม่หยุด คนที่ถือหุ้นหลายคนก็ได้เริ่มไม่พอใจแล้วครับ”
จิ้นเฟิงเฉินเห็นข่าวในนั้น ก็ได้กำกระดาษในมือแน่น
“รีบจัดเตรียมการประชุมผู้ที่ถือหุ้นเดี๋ยวนี้ ฉันจะเป็นคนอธิบายกับพวกเขาเอง”
ในห้องประชุม สีหน้าที่เคร่งเครียดของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้นั่งอยู่ที่ตรงกลาง บรรยากาศรอบๆ ก็ได้กดดันจนน่ากลัว
เวลานี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ
เป็นแบบนั้นอยู่นาน จิ้นเฟิงเฉินที่มีสีหน้าที่เคร่งเครียดก็ได้พูด “ผมเชื่อว่าทุกคนได้เห็นเนื้อหาข่าวบนเน็ตแล้ว แต่ว่าคนส่วนมากที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็ได้เคยร่วมงานกับสื้อสื้อแล้ว
เธอเป็นคนยังไง ในใจของทุกคนน่าจะรู้ดี เรื่องคราวนี้ต้องมีคนที่อยากจะอาศัยจังหวะนี้ทำให้บริษัทพวกเราได้ขาดทุนครั้งใหญ่
อยากจะอาศัยโอกาสนี้เหยียบพวกเรา พวกเราอย่าไปหลงกลเขาเด็ดขาด ทุกคนได้ทำงานที่จิ้นกรุ๊ปมาหลายปีแล้ว ความรู้สึกที่มีให้จิ้นกรุ๊ปนั้นแทบไม่ต้องสงสัย
เพราะงั้นผมหวังว่าในช่วงเวลานี้ พวกเราสามารถที่จะรวมกันเป็นหนึ่ง เพื่อต่อต้านคนที่จะมาทำร้ายพวกเราด้วยกัน!”
พอจิ้นเฟิงเฉินได้พูดออกไปก็ได้รับความร่วมมือจากทุกคน
ที่จริงความคิดของพวกคนที่ถือหุ้นนั้นก็ได้เข้าใจเป็นดี ข่าวบนเน็ตนั้นก็ได้เท็จมากกว่าครึ่ง
ยังไงซะ จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้เป็นคนโง่ ก่อนที่เขาจะคบกับเจียงสื้อสื้อเป็นไปได้เหรอที่จะไม่ไปสืบอดีตของเธอก่อน?
อีกด้าน ณ ตึกสูงในต่างประเทศ จี้เฉินได้พอใจมากๆ กับข่าวที่ได้ถืออยู่ในมือ
เขาคิดไม่ถึงว่าเจียงนวลนวลที่มองแล้วไม่มีประโยชน์ แต่พอเรื่องทำงานนั้นก็ผลที่ได้จะสูงขนาดนี้
คนมองแค่ภาพนอกไม่ได้จริงๆ
ก็แค่โพสต์เล็กๆ ก็สามารถที่จะทำให้หุ้นของจิ้นกรุ๊ปมีผลกระทบได้ ขอแค่เขานั้นใช้เล่ห์กลเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถที่จะล่มจิ้นเฟิงเฉินได้
จี้เฉินได้โทรไปหาเจียงนวลนวล
“คุณเจียง การทำงานของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก”
เจียงนวลนวลได้ยินก็ได้รีบพูดไปว่า “นี่เป็นเพราะประธานจี้เลยค่ะ ถ้าข้างฉันไม่มีคนที่แข็งแกร่งอย่างประธานจี้หนุนหลัง
เกรงว่าเรื่องคราวนี้ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น และฉันก็ไม่กล้าที่จะทำแบบนี้แน่”
ทั้งสองได้พูดคุยไปสักพัก จี้เฉินก็ได้วางสาย
รอยยิ้มบนหน้าก็ได้หายไปทันที ผู้หญิงคนนี้เพื่อเป้าหมายแล้วสามารถทำได้ทุกอย่าง อันตรายมากๆ
แต่ยังดีที่พวกเขาก็แค่ร่วมมือกันเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายก็แค่เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของตน
มองวิวที่อยู่นอกหน้าต่าง อารมณ์ของจี้เฉินก็ได้ดีกว่าปกติ
ก่อนหน้านั้นเขาได้ถูกจิ้นเฟิงเฉินกดทับมาโดนตลอด ตอนนี้เห็นเขาหกล้ม ก็ได้ดีใจเอามากๆ จริงๆ