ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 465 ขับไล่ทั้งหมด
บทที่ 465 ขับไล่ทั้งหมด
วันนี้ ได้จัดการเรื่องในมือเสร็จ แล้วก็ได้เดินไปที่หน้าห้องทำงานของจิ้นเฟิงเฉินอีกครั้ง
แล้วจิ้นเฟิงเหรา ได้ออกมาพอดี เห็นท่าทางที่เป็นกังวลของเธอ ก็ได้ถามอย่างอดไม่ได้ “พี่สะใภ้ ถ้าพี่เป็นห่วงพี่ผม ก็เข้าไปถามเขาเถอะครับ”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า
“ฉันว่าช่างเถอะ นายเข้าไปจะดีกว่า ออกความเห็นดีๆให้เขา ก็ถือว่าได้ช่วยแบ่งเบาความเครียดของเขา”
เรื่องบนธุรกิจเธอไม่เข้าใจ แน่นอนว่าเทียบไม่ได้กับจิ้นเฟิงเหรา ถ้าให้ตัวเองเข้าไปเป็นภาระให้ งั้นก็ให้จิ้นเฟิงเหราเข้าไปดีกว่า
จิ้นเฟิงเหรามองเธอ สุดท้ายก็ได้เข้าไปในห้องทำงาน
จิ้นเฟิงเฉินมองเขา เห็นว่าเขาเป็นคนเข้ามา ก็ได้ก้มหน้าอีกครั้ง ทำงานที่อยู่ในมือต่อ
“พี่ได้ติดต่อการค้าขายวัตถุดิบที่ต่างประเทศเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” จิ้นเฟิงเหราพูด
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ติดต่อแล้ว ตกลงว่าจะขายให้แล้ว แต่ว่าได้แพงกว่าทางฟางถิงหลินร้อยละสิบ พอมาคำนวณแล้ว ก็ขาดทุนไปไม่น้อย”
“นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ พี่อย่าเก็บไปคิดเลย” จิ้นเฟิงเหราปลอบใจ
เรื่องนี้ถ้าพูดในแง่มุมในแง่หนึ่ง เป็นเพราะเรื่องของจิ้นเฟิงเฉินถึงได้เป็นแบบนี้จริง จิ้นเฟิงเหรากลัวว่าเขาอารมณ์ไม่ดี
จิ้นเฟิงเฉินได้เปลี่ยนประเด็นไปเลย ไม่ได้เอาเรื่องนี้เก็บมาคิด ก็ได้พูดออกมาเรียบๆ ว่า “ฟางถิงหลินกับจี้เฉินร่วมงานกันแล้ว ราคานั้นต่ำกว่าที่พวกเราให้ไปประมาณร้อยล่ะสอง อีกอย่างฉันเห็นช่วงนี้จี้เฉินได้ติดต่อผู้ผลิตในประเทศ เหมือนว่าเขานั้นจงใจจะเข้ามา”
เรื่องนี้จิ้นเฟิงเหราก็ได้ยินมาบ้าง แต่ว่าเขาได้ยินแค่ว่าจี้เฉินได้ชิงล้อมกัด คิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะเดินมาถึงจุดนี้แล้ว
“งั้นต่อจากนี้พี่จะทำยังไง?”
เรื่องแบบนี้ ปกติจิ้นเฟิงเหรานั้นจะถามความเห็นของพี่ชายเขาก่อน
ยังไงซะ ฝีมือของจิ้นเฟิงเฉินได้ดีกว่าตัวเองมาก
เห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินได้ยิ้มอย่างเยือกเย็น “มันกล้ามาฉันก็กล้าทำให้มันกลิ้งกลับไป”
น้ำเสียงแบบนั้นของเขาได้เย็นราวกับน้ำแข็งที่ไอเย็นได้ส่งออกมาจากด้านใน
ขนาดจิ้นเฟิงเหราที่เห็นความเยือกเย็นแบบนี้ของเขาจนชิน ก็ยังร้อนๆ หนาวๆอย่างอดไม่ได้
เป็นเวลานี้ กู้เนี่ยนได้เคาะประตูแล้วเข้ามา
พอจิ้นเฟิงเฉินอนุญาต เขาถึงได้เอาเอกสารส่งให้จิ้นเฟิงเฉิน
“ผมได้ไปสืบมาแล้วครับ สำนักข่าวที่ได้ออกข่าวในตอนแรก ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับสตีเฟนกรุ๊ป ทั้งสองได้ร่วมงานกันมานาน คราวนี้ก็เป็นพวกเขาที่ได้ร่วมมือกันปล่อยข่าว”
เรื่องทั้งหมดได้ปะติดปะต่อกัน ปลายหอกก็ได้ชี้ไปที่จี้เฉิน
จี้เฉินได้ท้าทายความอดทนของจิ้นเฟิงเฉินมาตลอด เดิมทีเขาคิดว่าผ่านไปสักพักถึงจะจัดการ
แต่ตอนนี้มือของเขาคิดที่จะยื่นมาที่ตัวของตน นั่นทำให้จิ้นเฟิงเฉินนั้นทนต่อไปอีกไม่ไหว
เขาคิดว่าเรื่องคราวก่อนจบ สตีเฟนกรุ๊ปก็ได้เสียหายไปไม่น้อย จี้เฉินก็จะเจียมเนื้อเจียมตัวบ้าง
แต่ว่าเขาไม่เพียงแค่ไม่เจียมตัว แต่ยังหนักข้อกว่าเดิมอีก จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกว่า คราวนี้ไม่จำเป็นที่จะปล่อยเขาไปอีกแล้ว
“กู้เนี่ยน นายไปเช็คหน่อยว่า จี้เฉินได้ติดต่อผู้ผลิตคนไหนไปบ้าง แล้วรายชื่อมาให้ฉัน”
กู้เนี่ยนพยักหน้า แล้วออกไป
ถึงแม้จิ้นเฟิงเหราจะเดาออกว่าเขาจะทำอะไร แต่ก็ยังพูดไปอย่างไม่มั่นใจว่า “พี่ นี่พี่จะ?”
จิ้นเฟิงเฉินพูดออกมาอย่างเย็นชา “จี้เฉินชอบชิงตัดหน้าไม่ใช่เหรอ งั้นฉันก็จะตัดหน้ามันบ้าง ยังไงซะสิ่งที่เขาทำมันไร้ศีลธรรม งั้นฉันก็จะเอาคืนเขาไปทีละเรื่อง”
พูดพวกนี้จบ จิ้นเฟิงเหราก็รู้สึกว่าจี้เฉินตอนนี้น่าอนาถจริงๆ
เขาก็แค่ตัดหน้าชิงเอาการค้าขายของจิ้นเฟิงเฉินไปอันเดียว แต่จิ้นเฟิงเฉินนี่สิ ได้ตัดทางเดินของเขาไปจนหมด ไม่พูดไม่ได้เลยว่าแผนนี้โหดร้ายจริงๆ
อยู่ๆ จิ้นเฟิงเหราก็คิดอะไรเรื่องหนึ่งได้ ก็ได้รีบพูดว่า “งั้นเรื่องวัตถุดิบในคราวนี้ พวกเราก็ได้ขาดทุนไปแบบนี้เลยเหรอ?”
ไหนๆ จิ้นเฟิงเฉินก็พูดแล้วว่าจะเอาคืน งั้นเรื่องนี้ เขาไม่มีทางที่จะปล่อยจี้เฉินกับฟางถิงหลินทั้งสองไปง่ายๆ แน่
มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินได้ยิ้มอย่างเยือกเย็น “เรื่องคราวนี้ฟางถิงหลินได้ไม่พอใจ วัตถุดิบที่ได้มาคราวก่อนก็มีปัญหานิดหน่อย ฉันก็จะหาคนมาทำให้เรื่องนี้มันใหญ่ขึ้น”
ความโหดร้ายของเขาจิ้นเฟิงเหรารู้ดีมาตลอด แต่ว่าตอนนี้มาสัมผัสจริงๆ ก็หนาวๆ เหมือนกัน
ไม่เกินสองวัน ทางจี้เฉินนั้นก็เพราะเรื่องวัตถุดิบก็ได้เจอกับปัญหา
พวกข่าวก็ได้พูดเรื่องนี้ตลอด ชื่อเสียงของสตีเฟนกรุ๊ป ก็ได้ต่ำลงอีกครั้ง
จี้เฉินนั่งอยู่ที่ห้องทำงาน มองสัญญาที่ตนได้เซ็นกับฟางถิงหลินในตอนแรก แววตานั้นแทบทำให้คนแข็งตายได้ ก็ได้พูดกับผู้ช่วยด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “นายบอกว่าคนคนนี้ไว้ใจได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังเกิดเรื่องแบบนี้อีก?”
ผู้ช่วยอยากช่วยแต่ผลที่ได้รับมันแย่ ตอนนี้ก็ตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไร
ฟางถิงหลินรู้ว่าคราวนี้ได้ก่อเรื่องไว้แล้ว ก็ได้เอาเงินแล้วก็หนีไป
สิ่งค้าที่เหลือก็ไม่ได้ส่งออกไป จี้เฉินก็ได้รับความว่างเปล่า
แต่จิ้นเฟิงเฉินได้เตรียมการไว้แต่แรก พอทางนั้นเกิดเรื่อง เขาก็ได้ให้รองประธานของฟางซื่อกรุ๊ปมารับตำแหน่ง แล้วก็ได้คุยเรื่องร่วมงานต่อ
รองประธานได้รับความช่วยเหลือจากจิ้นเฟิงเฉิน แน่นอนก็ได้คิดแต่ที่จะร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปอย่างเดียว
จัดการเรื่องนี้เสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้เอารายชื่อของพวกผู้ผลิตไว้ในมือ แล้วก็ได้คัดเลือก
เก็บบริษัทที่เชื่อถือได้แล้วก็ราคาไม่แพงมากไม่กี่บริษัท ติดต่อไปทีเดียว
พวกผู้ผลิตพวกนี้ จิ้นเฟิงเฉินได้อยากร่วมงาน แน่นอนว่าต้องเป็นที่จี้เฉินอยากร่วมงาน
ถึงแม้ในต่างประเทศชื่อเสียงของสตีเฟนกรุ๊ปนั้นไม่เลว แต่ในประเทศ ก็ยังเทียบไม่ได้กับจิ้นกรุ๊ป
ยิ่งไปกว่านั้น อุตสาหกรรมมีผู้ที่เชี่ยวชาญ แต่เพราะสตีเฟนกรุ๊ปนั้นไล่ล่ากว้างเกินไป พวกผู้ผลิตพวกนั้นก็ได้มีทางท่าทีที่ไม่ไว้ใจ
แต่จิ้นเฟิงเฉินไม่เหมือนกัน ข้อแรก เดิมจิ้นกรุ๊ปก็ได้มีความสามารถในด้านนี้ ถึงขั้นไปถึงจุดที่สมบูรณ์แบบได้ ข้อสอง ช่วงนี้จิ้นกรุ๊ปได้นำเข้าวัตถุดิบปริมาณมาก ต้องขยายเขตแน่นอน การร่วมมือคราวนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว
เดิมที่คนพวกนั้นก็ยังไม่ได้ตกลงกับจี้เฉิน ตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินได้รับประกันออกไป ไม่นานก็ได้จัดการได้ทั้งหมด
“พวกผู้ผลิตที่พวกเราได้พูดคุยในตอนแรกล่ะ? ไอ่ที่ยังไม่ได้ให้คำตอบนั้นไม่ไหนหมดแล้ว?”
จี้เฉินโมโหมากๆ สายตาที่เต็มไปโดยความโกรธของเขาแทบที่จะฆ่าคนเลยทีเดียว
ผู้ช่วยมองเขา ก็ได้พูดอย่างกลัวๆ “มีบางบริษัทท่านก็ได้ปฏิเสธไปแล้ว ที่เหลือได้ยินว่าท่านไม่ได้ร่วมงานกับฟางถิงหลินแล้ว ก็กลัวว่าท่านจะเอาวัตถุดิบที่ผิดสัญญาออกมา ก็ไม่กล้ารับครับ”
พวกผู้ผลิตพวกนั้น แน่นอนไม่กล้าที่จะเสี่ยง
ถ้าทำแล้วจะล้มละลาย งั้นก็ปฏิเสธที่จะร่วมงานกับสตีเฟนกรุ๊ปดีกว่า
เรื่องยิ่งอยู่ยิ่งร้ายแรงขึ้น ไม่นาน จี้เฉินก็ได้เสียที่พึ่งพิงไปทั้งหมด
ในเวลาเดียวกับจิ้นเฟิงเฉินก็ได้ดีขึ้น ใครกล้าที่จะร่วมงานกับสตีเฟนกรุ๊ป ก็จะถูกเขาเล่นงาน
พอเป็นแบบนั้น ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเอาตัวเองไปซวย
วัตถุดิบกับผู้ผลิตจัดการไม่ได้สักอัน สุดท้ายเรื่องนี้ก็ทำได้แค่ให้มันเป็นแบบนี้
คราวนี้จี้เฉินแพ้อย่างอนาถ ไม่สามารถที่จะต่อกรกับจิ้นเฟิงเฉินได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ที่จิ้นเฟิงเฉินอยากได้ก็คือขับไล่จี้เฉินออกไปทั้งหมด
พวกสำนักข่าวก็ได้แย่งกันรายงานเรื่องการปะทะของสองบริษัทใหญ่ ตอนแรกข่าวที่ประกาศได้อยู่ข้างสตีเฟนกรุ๊ป แต่มาถึงสุดท้ายก็ได้เข้าข้างจิ้นกรุ๊ป
สุดท้ายสตีเฟนกรุ๊ปก็ไม่ประกาศเรื่องที่จะออกจากแวดวงธุรกิจของในประเทศไปไม่ได้