ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 481 วางแผนทำร้าย
บทที่ 481 วางแผนทำร้าย
ตอนเย็น เจียงเจิ้นกลับถึงบ้าน
“ได้ยินว่าสื้อสื้อตั้งครรภ์แล้ว” เสิ่นซูหลันกินข้าวอยู่ อยู่ดีๆก็พูดประโยคนี้
มือของเจียงเจิ้นหยุดชะงัก จ้องมองเสิ่นซูหลันหนึ่งที กล่าวเตือนว่า “เธอตั้งครรภ์แล้วต้องการพักผ่อนร่างกายอย่างสงบ คุณอย่าไปรบกวนเธอ”
ทันใดนั้นเสิ่นซูหลันน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย “คุณทำไมคิดว่าฉันเป็นแบบนั้นล่ะ ฉันไม่เคยคิดที่จะรบกวนเธอ ไม่ว่ายังไงพวกเราก็เป็นคนทางบ้านแม่ของเธอด้วย ตอนนี้เธอตั้งครรภ์แล้ว ฉันก็คิดว่าจะไปเยี่ยม”
เจียงเจิ้นพูดอย่างราบเรียบว่า “คุณคืออยากจะไปเยี่ยมเธอ หรือว่าอยากจะไปทะเลาะกันกับเธอล่ะ?”
“เจิ้น แม้แต่ของขวัญฉันก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ก็แค่รอไปเยี่ยมคนแล้ว ถ้าหากว่าคุณไม่ยินยอม งั้นฉันก็ไม่ไปเยี่ยม” เสิ่นซูหลันโกรธกระฟัดกระเฟียดพูด
เจียงเจิ้นจ้องมองเธอสักพักอย่างเงียบๆ เสิ่นซูหลันดูเหมือนโมโหมากจริงๆ ในใจอดไม่ได้ที่จะสงสัยงงงวย หรือว่าเธอจริงใจหรือ? แต่ว่าก่อนหน้านั้นความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้เลวร้ายเกินไปแล้ว เจียงเจิ้นมีความสงสัยเล็กน้อยเหมือนเดิม
“อยู่ดีๆทำไมใจดีขนาดนี้ คุณไม่ใช่ทนดูเธอไม่ได้มาโดยตลอดหรือ?” เจียงเจิ้นพูดอย่างสงสัย จ้องมองเสิ่นซูหลันอีกสองที
ในใจเสิ่นซูหลันแอบกัดฟัน บนใบหน้ากลับไม่แสดงสีหน้าออกมา เพียงแค่ก้มหัวใจหดหู่พูดว่า “ก็ไม่มีอะไร แม้ว่าในตอนต้นฉันไม่ได้เจตนา แต่สรุปแล้วก็ได้ทำผิดเรื่องบางอย่างไป ตั้งแต่นวลนวลจากไปแล้ว ฉันย้อนสำนึกมาโดยตลอด”
พูดถึงตรงนี้ เธอทอดถอนใจเบาๆหนึ่งที
เจียงเจิ้นนิ่งเงียบ ในใจปวดจี๊ดเป็นพักๆ ไม่เพียงแค่เสิ่นซูหลัน แม้แต่เขาก็ทำผิดต่อเจียงสื้อสื้ออย่างมาก ย้อนนึกดูแล้ว เขาทำเรื่องเหล่านั้นออกมาได้ยังไง
เสิ่นซูหลันเงยหน้าขึ้น จ้องมองตรงไปยังเจียงเจิ้นพูดว่า “พวกเราติดหนี้เธอมากเกินไปแล้ว ชดใช้คงไม่ทันแล้ว แต่ยังไงก็เป็นคนบ้านเดียวกัน บัดนี้เธอก็ตั้งครรภ์แล้ว พอดีเป็นเวลาที่ต้องการความปกป้อง ถ้าหากว่าพวกเราให้ความห่วงใยแก่เธอสักหน่อย หลังจากนั้นแล้วเธออาจจะอภัยให้พวกเราก็ไม่แน่”
อภัยหรือ ในใจเจียงเจิ้นสั่นไหว สื้อสื้อจะให้อภัยเขาจริงๆหรือ
ต้องบอกว่า เขามีความเสียใจภายหลังเล็กน้อย บัดนี้สื้อสื้อกับเขาเหมือนดั่งคนแปลกหน้า นวลนวลก็สาบสูญไร้ร่องรอยอีก เจียงเจิ้นได้รู้สึกถึงความอ้างว้างแล้วอย่างแท้จริง
หากว่าสื้อสื้อสามารถให้อภัยเขา เขาสามารถวางหน้าตาลง ไปกระทำเรื่องที่แต่ก่อนไม่ยินยอมทำ
เสิ่นซูหลันแอบจ้องมองสีหน้าของเขา เห็นเขาสีหน้าผ่อนคลาย พูดอีกว่า “เจิ้น นี่ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเราแล้ว”
เจียงเจิ้นเอ่ยปากพูด “งั้นก็ได้ แต่ว่าตกลงกันแล้วนะ ของขวัญส่งไปถึงแล้วก็ออกไปเลย”
คิดแล้วคิดอีก เขาพูดเสริมอีกว่า “ถ้าหากว่าสื้อสื้อไม่ยินยอมที่จะเจอกับพวกเรา คุณก็ห้ามโมโหเช่นกัน ยิ่งห้ามใช้คำพูดมาทำให้เธอโมโห มิฉะนั้น ก็ไม่ต้องไปแล้ว”
เขากลัวว่าถึงเวลานั้นทั้งสองคนจะทะเลาะกันขึ้นมาอีก กลับทำให้ความสัมพันธ์ที่เดิมทีก็แตกแยกแล้ว ยิ่งผีซ้ำด้ามพลอยอีก และจากความเข้าใจที่เขามีต่อเสิ่นซูหลัน มีความเป็นไปได้ที่จะทำเรื่องเหล่านั้นออกมาได้จริงๆ
เสิ่นซูหลันโมโหพูดว่า “ดูคุณพูดสิ ยังจดจำเรื่องเก่าเหล่านั้นที่เมื่อก่อน ฉันล้วนยินดีซ่อมแซมความสัมพันธ์กับเธอด้วยตนเองแล้ว ที่ไหนยังจะทะเลาะกันกับเธออีก”
เจียงเจิ้นจ้องมองเธอหนึ่งทีอย่างลึกๆ “เป็นอย่างนี้ดีที่สุดล่ะ”
เสิ่นซูหลันแกล้งทำเป็นว่าฟังไม่เข้าใจประโยคนี้ของเขา ปรากฏรอยยิ้มอย่างเบิกบาน ตื่นเต้นดีอกดีใจพูดว่า “ดีมากเลย งั้นพรุ่งนี้เช้าตรู่พวกเราก็ไป คุณจำไว้ตอนเช้าอย่าออกไปไหน เวลาจะได้ไม่สายเกินไป”
“ได้ ต้องการซื้อของอะไรบ้าง ผมจะให้คนไปเตรียม” เจียงเจิ้นไม่ค่อยเข้าใจเรื่องสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ ดังนั้นไม่เคยคิดว่าจะเตรียมด้วยตนเองเช่นกัน
เสิ่นซูหลันลืมตาขาวจ้องมองเขาหนึ่งที “นั่นเป็นลูกสาวของคุณนะ คุณจะให้ใครไปเตรียมหรือ”
เจียงเจิ้นเยาะเย้ยพูดว่า “นี่ผมไม่ใช่ไม่เข้าใจ ขอคำแนะนำหน่อยก็ดี ดีกว่าที่จะซื้อผิด”
“ไม่ต้องแล้ว ฉันล้วนเตรียมเสร็จแล้ว”
เสิ่นซูหลันก็ดึงเจียงเจิ้นที่ตื่นตะลึงอยู่ไปดูของที่เธอซื้อ เพียงแค่เห็นถุงเจ็ดแปดถุงกองไว้อยู่ที่เดียวกัน มองผ่านๆหนึ่งที ล้วนเป็นของประเภทรังนกโสมที่ดีที่สุด
“รบกวนคุณแล้ว” ในใจเจียงเจิ้นรู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย ซึ่งเชื่อว่าเสิ่นซูหลันคือ “กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่” แล้ว
เสิ่นซูหลันฝืนยิ้มพูดว่า “ของไร้ชีวิตเหล่านี้ไม่มีค่าอะไร ตระกูลจิ้นก็ไม่ขัดสนเช่นกัน นี่เพียงแค่เป็นน้ำใจส่วนหนึ่งของฉัน อะไรล้วนไม่ทำ ในใจฉันก็ไม่สงบสุข”
เจียงเจิ้นจ้องมองเธอ สายตาอึมครึม “ทำแล้วก็ดี”
“ใช่แล้ว คุณพูดถูกแล้ว คือผมคิดเพี้ยนไปแล้ว” เสิ่นซูหลันทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมา เริ่มไปจัดเตรียมยาบำรุงเหล่านั้น ในปากยังพูดร่ำไรอยู่ สิ่งเหล่านี้จะกินถึงเมื่อไหร่ อันนี้มีผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมแบบไหน มารดาแก่ๆคนหนึ่งที่เต็มเปี่ยมด้วยความพะวักพะวนที่ลูกสาวตั้งครรภ์
เจียงเจิ้นยืนอยู่เงียบๆสักพัก ยกเท้าเดินไปยังห้องหนังสือ
แง้มประตูห้องหนังสือ เจียงเจิ้นจุดบุหรี่หนึ่งมวน นั่งเคลิบเคลิ้มอยู่บนเก้าอี้กว้างใหญ่ อยู่ดีๆนึกอะไรขึ้นมา เขารื้อหีบค้นตู้ หารูปถ่ายใบหนึ่งออกมา
เป็นรูปถ่ายเจียงสื้อสื้อตอนเด็ก เวลานั้นเธอเพิ่งหกเดือน นั่งอยู่บนพรมปูพื้น จ้องมองเลนส์กล้อง แสยะปากยิ้ม ฟันหนูสองซี่โผล่ออกมา
เจียงสื้อสื้อตอนเด็ก คิ้วตาก็งดงามมาก สามารถมองออกว่าวันหลังต้องเป็นคนสวยแน่นอน
นิ้วของเจียงเจิ้นลูบผ่านใบหน้าของเจียงสื้อสื้ออย่างคิดถึง ใบหน้าที่เย็นชาเข้มงวดน้อยมากที่จะเพิ่มความอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก——”
อยู่ดีๆประตูห้องหนังสือมีเสียงดังขึ้น เสิ่นซูหลันเดินเข้ามาจากข้างนอก บัดนี้เธอก็เฉลียวฉลาดขึ้นแล้วด้วย รู้จักเคาะประตูแล้ว
เจียงเจิ้นคว่ำรูปถ่ายไว้อยู่บนโต๊ะหนังสือ จ้องมองเสิ่นซูหลัน
“เจิ้น สิ่งของล้วนเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณไปดูสักหน่อยก็ได้ ดูว่าจะต้องเพิ่มอะไรอีก” เสิ่นซูหลันวางน้ำผึ้งถ้วยหนึ่งไว้อยู่ข้างมือเจียงเจิ้น ส่วนกาแฟถูกเธอเอาไปแล้ว
เจียงเจิ้นไม่ปริปากพูดว่าถูกหรือไม่ถูก “คุณดูและจัดการไปตามสมควรก็ได้แล้ว ผมไม่มีความเห็น”
เสิ่นซูหลันจ้องมองเขา คำพูดติดที่ปาก สุดท้ายก็ยังพูดไปประโยคหนึ่งว่า “พักผ่อนเร็วๆหน่อย” ลุกขึ้นออกไป เดินไปถึงหน้าประตู เจียงเจิ้นเรียกเธอไว้ “รอสักครู่”
เสิ่นซูหลันหันหน้ามา ตาทั้งคู่แวววาว เจียงเจิ้นกวักมือเรียกเธอ “คุณเข้ามา”
เธอควบคุมความปีติที่อยู่ในใจไว้ เดินไปถึงข้างเจียงเจิ้น
“ซูหลัน ผมนึกไม่ถึง คุณจะสามารถพิจารณาแทนสื้อสื้อได้ละเอียดครอบคอบถึงขนาดนี้ เทียบแล้วผมสู้ไม่ได้” เจียงเจิ้นดึงมือของเสิ่นซูหลันรักละมุนจริงใจ
เสิ่นซูหลันเขินอายขี้ขลาด “พูดอะไรล่ะ ล้วนเป็นคนบ้านเดียวกัน คุณเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งวันมีเรื่องมากมายต้องจัดการ ย่อมไม่มีเวลาคิดมากขนาดนั้นอยู่แล้ว”
เจียงเจิ้นถอนหายใจยาวๆหนึ่งที ทอดถอนใจด้วยความหดหู่พูดว่า “คุณพูดถูกแล้ว ก่อนหน้านั้นท่าทีผมไม่ดี ผมขอโทษต่อคุณ คุณสามารถให้อภัยผมได้ไหม”
น้ำเสียงถึงขนาดมีความนอบน้อมถ่อมตนหลายส่วน นัยน์ตารักละมุนเหลือเกิน
เสิ่นซูหลันจับมือของเจียงเจิ้นไว้ เสียงอ่อนโยนหัวเราะพูดว่า “เจิ้น โทษคุณไม่ได้ คู่สามีภรรยามักจะมีช่วงเวลาที่สะดุดบ้าง ชีวิตจะดีสมบูรณ์แบบขนาดนั้นได้ที่ไหน แต่ว่าครอบครัวเดียวกันก็จะไม่แตกแยกกัน”
เจียงเจิ้นรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน ยิ่งรู้สึกถึงเสิ่นซูหลันมีเหตุมีผล ในเวลาเดียวกันในใจมีความรู้สึกผิดเล็กน้อย เจียงนวลนวลลูกสาวคนเดียวของพวกเขาทั้งสองไม่อยู่ ถ้าหากว่านวลนวลอยู่ล่ะก็ งั้นทุกอย่างก็ล้วนดีสมบูรณ์แบบแล้ว
เขาคงยังรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่ ก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น รอยยิ้มของเสิ่นซูหลัน ไม่มีถึงนัยน์ตาเลย นัยน์ตาที่ก้มอยู่ เหน็บหนาวครึ้มมืด
เพียงแค่ รอเวลาที่เจียงเจิ้นมองเข้ามา ความรู้สึกเหน็บหนาวนั้น ก็ สลายหายไปอย่างรวดเร็วอีก หมุนกลับกลายเป็นลักษณะที่โอนอ่อนผ่อนตามเอาอกเอาใจ เห็นจนในใจเจียงเจิ้นกระเพื่อมเหลือเกิน ก็ยิ่งรู้สึกผิดขึ้นมาด้วย ตัดสินใจว่าจะดีต่อเสิ่นซูหลันมากกว่านี้หน่อย