ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 487 จะต้องจับคนออกมาให้ได้
บทที่ 487 จะต้องจับคนออกมาให้ได้
แม้ว่าแม่จิ้นจะโมโห แต่ก็รู้ว่าสิ่งที่ลูกพูดนั้นถูก กดทับไฟโมโหลงอย่างแข็งกระด้าง
สื้อสื้อเพิ่งประสบสถานการณ์อย่างนี้ ถ้าหากได้รู้อีกว่ามีคนตั้งใจจะทำร้ายเธอ เกรงว่าจะยิ่งกลัวจนตัวสั่น
“เฟิงเหราพูดถูกแล้ว พวกเราว้าวุ่นไม่ได้ ตอนนี้สำคัญที่สุดคือดูแล สื้อสื้อให้ดี” แม่จิ้นพูดอย่างเยือกเย็น
พ่อจิ้นแสดงความเห็นด้วย
คนในตระกูลจิ้นจะสืบหาเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง จะไม่ทำให้คนมีโอกาสลูบหน้าปะจมูก
จื่อเฟิงที่อยู่ไม่ไกลฟังอยู่ สีหน้าเกิดความกระวนกระวายใจขึ้นมา
เธอกัดริมฝีปาก กัดแล้วกัดอีก ฉวยโอกาสที่คนในตระกูลจิ้นไม่ได้สนใจเธอ แอบออกไป
พยาบาลเข็นเจียงสื้อสื้อออกมา เธอยังนอนหลับอย่างไม่รู้สึกตัวอยู่ หลับตาอย่างแน่น สีหน้าซีดเซียวเกือบจะโปร่งใส
ห้องผู้ป่วยที่โรงพยาบาลจัดให้คือห้องละสี่คน แม่จิ้นเห็นแล้วก็ไม่ค่อยพอใจ
ข้างในคนเยอะ หนวกหูเกินไป เพราะฉะนั้นสั่งจิ้นเฟิงเหราไปเปิด ห้องผู้ป่วยใหม่อีก
จิ้นเฟิงเหราขานรับก็ไปเลย อีกไม่นานจิ้นเฟิงเหราก็กลับมาแล้ว
ให้คนส่งเจียงสื้อสื้อไปห้องผู้ป่วย VIP โดยตรง คนไข้ที่นี่ล้วนจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากหมอ นี่ก็เป็นความปราถนาที่คนในตระกูลจิ้นอยากจะได้
ตอนนี้พวกเขา จะไม่หวังว่าเจียงสื้อสื้อจะเกิดเรื่องอะไรอีกแม้แต่นิด
คนในตระกูลจิ้นเฝ้าไว้อยู่หน้าเตียงผู้ป่วย จ้องมองใบหน้าของเธอที่ไม่มีสีเลือดสักนิด ในใจล้วนเอ็นดูมาก
หลังจากเจียงสื้อสื้อนอนหลับแล้ว จิ้นเฟิงเหราค่อยๆเอ่ยปาก น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเย็นชา
“หลายวันนี้พี่สะใภ้ล้วนอยู่ในบ้าน สิ่งที่กิน สิ่งที่ใช้ ล้วนเป็นสิ่งของในบ้าน ยาทำแท้งนี้ ก็เพียงเป็นได้แค่ของในบ้านแล้ว”
แม่จิ้นทั้งตื่นตกใจทั้งโมโห “ในบ้านถึงขนาดมีคนกล้าวางแผนทำร้ายสื้อสื้อ?”
พ่อจิ้นเสียงเข้มพูดว่า “รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ เฟิงเหราพูดถูกแล้ว คนที่วางแผนทำร้ายสื้อสื้อ ก็อยู่ในคฤหาสน์”
คนในบ้านทั้งหมดล้วนตะลึงงันต่อข้อสรุปนี้ ถ้าหากว่าเป็นคนใช้ทำจริงๆ งั้นสื้อสื้อจะไม่อันตรายเกินไปแล้วหรือ
พวกเขาจะไม่ยอมอดทนให้คนอย่างนี้อยู่ข้างกายอย่างเด็ดขาด
“เอาล่ะ พ่อ แม่ ถ้าเป็นคนในคฤหาสน์จริงๆ เขาหนีไม่พ้นหรอก” จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างปลอบโยน
มองออกว่าพ่อแม่โมโหแล้วจริงๆ
ไม่เพียงแต่พวกเขา แม้แต่เขาล้วนโมโหเหลือเกิน
ใจของคนนี้เหี้ยมโหดขนาดนี้ สืบออกมาแล้วย่อมจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
พ่อจิ้นแม่จิ้นรู้สึกมีหลักการ แม้แต่วินาทีเดียวแม่จิ้นก็รอไม่ได้แล้วด้วย หมุนตัวก็เดินไปยังข้างนอก
“ตอนนี้ฉันจะกลับไป จะต้องจับคนออกมาให้ได้”
“ก็ดี”
จิ้นเฟิงเหราคิดแล้วคิดอีกพูดว่า “งั้นตอนนี้พวกเราก็กลับไป”
เขากลัวว่ากลับไปช้าแล้ว คนจะหนีไป หรือว่าเกิดอะไรที่ไม่ดีอีก
“ปล่อยพี่สะใภ้ของแกอยู่นี่คนเดียว ได้หรือ?” แม่จิ้นถามอย่างกังวลใจ
จิ้นเฟิงเหราพูดว่า “ผมไปบอกกับหมอสักหน่อย ให้พวกเขาดูแลให้เป็นพิเศษหน่อย สักพักหนึ่งพี่สะใภ้น่าจะยังไม่ตื่น รอพวกเราสืบให้ชัดเจนแล้วก็ค่อยกลับมาทันที”
พูดจบ จิ้นเฟิงเหราไปยังออฟฟิศหมอ
ผ่านไปไม่นานก็ออกมา ขับรถส่งพ่อจิ้นแม่จิ้นกลับบ้าน
ตลอดทาง พ่อจิ้นแม่จิ้นล้วนหน้าตึงเครียดอยู่ ไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว
จิ้นเฟิงเหราก็ขับรถเงียบๆอยู่เช่นกัน ไม่ได้พูดมาก รถขับถึงตระกูลจิ้น ทันทีที่แม่จิ้นเข้าไปในบ้าน ล้วนเรียกคนใช้ทั้งหมดขึ้นมา
เวลานี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว มีคนนอนหลับแล้วก็คลานออกมาจากในผ้าห่มด้วย
ล้วนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมา ตื่นตระหนกเหลือเกิน
พ่อบ้านรางเลือนไม่ชัดเจนรู้เรื่องเล็กน้อย ตอนที่เจียงสื้อสื้อถูกส่งไปโรงพยาบาลเขาก็ตื่นแล้วด้วย
ตอนเวลานั้นก็รู้สึกเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้เห็นสภาพการณ์เช่นนี้ ในใจยิ่งเป็นเสียงดังกุ๊กๆ
สายตาแม่จิ้นกวาดผ่านบนใบหน้าของพวกคนใช้ทีละคน สุดท้ายตกอยู่บนกายของพ่อบ้าน
“แม่ เริ่มจากอาหารการกินก่อนเถอะ” จิ้นเฟิงเหราตักเตือนว่า
แม่จิ้นพยักหน้า จ้องมองพ่อบ้านอย่างไร้สีหน้า ถามว่า “อาหารเย็นวันนี้เป็นใครทำหรือ?”
ตระกูลจิ้นมีแม่ครัวสองคน โดยปกติล้วนเปลี่ยนกันทำ พ่อบ้านรีบพูดว่า “คือพ่อครัวหวัง”
แม่ครัวที่ชื่อว่าพ่อครัวหวังคนนั้นเดินออกมาจากแถวคนใช้ แม่จิ้นมองคนแล้วมองแล้วมองอีกไม่ได้พูดอะไร
“ผักเป็นใครซื้อล่ะ ซื้อมาจากที่ไหน ยังเหลืออีกเท่าไหร่หรือ?”
พ่อบ้านเหงื่อไหลแล้ว เขาเพียงแค่รู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว นึกไม่ถึงเรื่องจะร้ายแรงขนาดนี้ หรือว่าเป็นคุณหญิงร่างกายไม่ดีแล้วหรือ?
ไม่กล้าคาดเดาอย่างเพ้อเจ้ออีก พ่อบ้านพูดตามความจริงออกมาหมด
คนที่ถูกเรียกล้วนยืนออกมาเพียงลำพัง ล้วนงงงวยกลับไม่รู้สาเหตุเต็มใบหน้า
จิ้นเฟิงเหราพูดอยู่ข้างๆว่า “เกิดเรื่องเล็กน้อย ดังนั้นจำเป็นต้องสืบหาสักหน่อย ถ้าหากว่าพวกคุณไม่มีปัญหา งั้นเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกคุณไม่ต้องตื่นเต้น”
ได้ยินคำพูด พวกคนใช้จึงสงบนิ่งลง
สายตาของจิ้นเฟิงเหรากวาดผ่านพวกเขาทีละคน จากนั้นย้ายออก ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
ในเวลานี้ อาหารที่เหลือในคืนนี้ก็ล้วนถูกยกออกมาหมดแล้ว โชคดีเพราะว่าบางส่วนไม่ได้ถูกเตะต้องวางไว้อยู่ในตู้เย็น
ไม่ได้ถูกจัดการไป แต่สิ่งเหล่านี้เพียงอาศัยตาเนื้อ กลับไม่สามารถมองอะไรออกอีก
แต่จิ้นเฟิงเหราเตรียมตัวมาตั้งแต่แรก เขาพูดต่อกับแม่จิ้นว่าไม่ต้องกังวลใจ เดี๋ยวคนก็มาถึง
พอดี ข้างนอกส่งเสียงกดกริ่งเข้ามา ลักษณะดั่งหมอสี่คนเดินเข้ามาแล้ว
จิ้นเฟิงเหราสนทนากันกับพวกเขาหนึ่งรอบ
คนเหล่านั้นพูดว่า “ไม่มีปัญหา”
จิ้นเฟิงเหราพอใจมาก “งั้นก็รบกวนทุกคนแล้ว”
อาหารถูกยกเข้ามาทีละจาน คนเหล่านั้นรวมตัววินิจฉัยด้วยกัน แม้แต่น้ำซุปก็ไม่ให้ผ่านตา
พวกคนใช้เห็นเหตุการณ์ใหญ่ขนาดนี้ ถูกทำให้ตกใจจนอึ้งชะงักไปนานแล้ว
แม่จิ้นกับพ่อจิ้นล้วนจ้องมองพวกหมออยู่ สายตาแม้แต่กะพริบสักครั้งก็ไม่มี
คนเหล่านั้นทำการตรวจเช็คเสร็จทั้งหมด สนทนากันไปแล้วสักพัก ลุกขึ้นมาพูดว่า “อาหารไม่มีปัญหาใดๆหญิงมีครรภ์สามารถรับประทานได”
“หมอ คุณแน่ใจหรือ แต่ว่าลูกสะใภ้ของฉันเกือบแท้งลูก” แม่จิ้นยกข้อสงสัยถาม
ในนั้นคนหนึ่งพูดว่า “อาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น อาหารเหล่านี้พวกเรารับรองว่าไม่มีปัญหา”
คราวนี้ คนในตระกูลจิ้นล้วนงงงวยแล้ว
ถ้าหากว่าอาหารไม่มีปัญหาล่ะก็ งั้นยังเป็นอะไรได้อีกล่ะ?
“เฟิงเหราพี่สะใภ้แกได้กินผลไม้หรือยัง?” แม่จิ้นซักถามจิ้นเฟิงเหรา
จิ้นเฟิงเหราส่ายหัวพูดว่า “แม่ พี่สะใภ้กินแก้วมังกรไปแล้วลูกหนึ่ง แต่หมอบอกแล้ว กินแก้วมังกรไม่มีปัญหา”
“งั้นน้ำล่ะ?” แม่จิ้นมีความร้อนใจเล็กน้อยแล้ว
พ่อจิ้นจับไหล่ของเธอไว้ ปลอบโยนพูดว่า “อย่ากังวลใจ จะต้องสืบออกมาได้อย่างแน่นอน”
จิ้นเฟิงเหราก็รู้สึกแปลกใจอย่างมากเช่นกัน เขาเอาเรื่องทั้งหมดล้วนย้อนคิดอีกรอบ มักจะรู้สึกว่ามีที่ไหนผิดปกติ
“พ่อ แม่ ผมรู้แล้ว” จิ้นเฟิงเหราตาสว่างขึ้น อยู่ดีๆพูดเสียงดัง
แม่จิ้นร้อนใจรีบซักถามว่า “อะไร แกนึกถึงอะไรได้ รีบพูดเถอะเฟิงเหรา อย่าแสร้งสร้างสถานการณ์อีกเลย”
“รังนก พี่สะใภ้กินรังนกไป แต่พวกเราล้วนไม่ได้กิน” จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างมั่นใจ
เพราะว่าสิ่งของนั้นบำรุงร่างกาย คนในบ้านล้วนไม่กิน เหลือไว้ให้หญิงมีครรภ์
อาจจะ พอดีเพราะว่าความรักนี้ ทำให้เจียงสื้อสื้อเกือบจะได้รับมืออำมหิต