ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 498 รนหามันเอง
บทที่ 498 รนหามันเอง
ในขณะที่เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินกำลังจะเตรียมตัวเดินทางไปแอฟริกาใต้ เจียงเจิ้นก็รู้สึกตัวขึ้นมา
ทางโรงพยาบาลโทรศัพท์หาเจียงสื้อสื้อ เมื่อเธอรับสายและฟังจนจบก็ได้ตอบกลับไปอย่างนิ่งเรียบว่า “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินยังมีธุระอื่นที่ต้องจัดการอีก จึงได้ไปบริษัทตั้งแต่เช้า ดังนั้นเจียงสื้อสื้อจึงนั่งแท็กซี่ไปโรงพยาบาลด้วยตนเอง
ในห้องผู้ป่วย เจียงเจิ้นพยุงตัวลุกขึ้นจะไปหยิบน้ำที่วางอยู่หัวเตียง แต่กลับไม่ทันระวังทำให้แก้วน้ำนั้นหก
“อย่าขยับค่ะ เดี๋ยวฉันหยิบให้” เจียงสื้อสื้อรีบวิ่งเข้าไป
เจียงเจิ้นมองเห็นใครบางคนที่เข้ามา เขาทั้งตื่นเต้นทั้งตกใจจึงทำให้ทำตัวไม่ถูก
เจียงสื้อสื้อก้มลงเก็บเศษแก้วลงไปทิ้งในถังขยะ จากนั้นหยิบแก้วขึ้นมาอีกใบหนึ่งรินน้ำแล้วส่งให้เจียงเจิ้น “นี่ค่ะ”
“อืม” เจียงเจิ้นยื่นมือมารับแก้วน้ำไป เจียงสื้อสื้อมองเห็นมือของเขาสั่นแต่ทำเป็นมองไม่เห็น
เมื่อเห็นเจียงเจิ้นดื่มน้ำแก้วนั้นจนหมดในอึกเดียว อีกทั้งยังทำท่าทางเหมือนยังไม่พอ ทำให้ในใจของเจียงสื้อสื้อรู้สึกแย่อย่างบรรยายไม่ถูก
เจียงเจิ้นมีภรรยามีลูกสาว แต่บัดนี้แม้แต่คนที่จะรินน้ำให้ก็ยังไม่มี
เธอยื่นมือไปรับแก้วอันว่างเปล่านั้นมาแล้วรินน้ำอีกแก้วหนึ่งวางไว้ตรงบริเวณที่มือของเจียงเจิ้นสามารถหยิบได้ถึง จากนั้นพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อขอพยาบาลมาดูแลคุณให้”
“ตกลง! พ่อออกตังเอง” เจียงเจิ้นพูดคล้ายกับกลัวว่าจะทำให้เธอลำบากขึ้นกว่าเดิม จึงได้รีบพูดขึ้นมา
เจียงสื้อสื้อทำตัวไม่ถูก
เจียงเจิ้นก็มีท่าทางร้อนรนราวกับจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
เจียงสื้อสื้อยังคงมีท่าทางดังเดิม เธอถามขึ้นว่า “ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”
“สบายดีไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เจียงเจิ้นรีบตอบกลับมา
เมื่อเจียงสื้อสื้อเห็นว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ที่จริงก็ไม่ได้กังวลอะไรอีกต่อไป
แต่อาการของเจียงเจิ้นไม่ได้เป็นดั่งที่เขาพูด ดูจากท่าทางของเขาก็รู้ว่าที่จริงบาดแผลไม่เท่าไหร่ เพียงแต่ได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจ
ก่อนหน้านี้เธอได้ไปถามแพทย์ แพทย์แจ้งอาการของเขาว่าเพียงพักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะกลับสู่สภาพเดิมฟื้นตัวได้รวดเร็ว
หวังว่าความเจ็บปวดในครั้งนี้ จะเป็นบทเรียนอย่างดีให้แก่เขา เจียงสื้อสื้อนั่งคิดอยู่คนเดียว
บัดนี้หัวใจของเจียงเจิ้นเต็มไปด้วยความซับซ้อน เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าคนที่จะมานั่งดูแลเขาอยู่ข้างเตียงจะเป็นเจียงสื้อสื้อที่เขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา ส่วนสองแม่ลูกที่เขารักมาทั้งชีวิตกลับไม่เห็นหัวเขา
จากการกระทำของเขาในหลายปีมานี้ ต่อให้เจียงสื้อสื้อไม่เดินทางมาเขาก็ไม่ว่าอะไร
“สื้อสื้อ พ่อขอโทษนะ” เจียงเจิ้นนึกย้อนกลับไปในอดีตแล้วรู้สึกผิดอยู่ในใจ
เจียงสื้อสื้อยังคงนิ่งสงบตามเดิม เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็จึงพูดออกมาว่า “หลังจากรักษาตัวดีแล้วอย่าเพิ่งกลับไปเลยค่ะ ที่บ้านนั้นไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว คุณไปหาที่อื่นอยู่สักพักนึงเถอะค่ะ”
เจียงเจิ้นมองดูลูกสาวของตนเอง หัวใจที่บอบช้ำใช้เวลาสักพักจึงได้สงบลง เขากลับไปเป็นคนที่นิ่งสงบดังเดิมก่อนจะตอบว่า “อืม”
เจียงสื้อสื้อพูดต่อไปว่า “น้องชายของเสิ่นซูหลันถูกตำรวจจับไปแล้ว คาดว่าคงไม่ได้ออกมาง่ายๆ ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะไปรบกวนคุณอีก”
เมื่อได้ยินชื่อเสิ่นซูหลันและน้องชาย จิตใจที่กว่าจะนิ่งสงบได้ของเจียงเจิ้นก็ลุกร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
ยังไม่ทันจะได้ฟังคำตอบจากเขา อย่างไรเสียเจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เธอมองไปยังเจียงเจิ้นก่อนจะพูดอย่างคลุมเครือว่า “หลังออกจากโรงพยาบาล คุณพยายามดิ้นรนเอาเองแล้วกันนะ”
สิ่งที่เธอสามารถพูดออกมาและทำได้ก็มีเพียงเท่านี้
เจียงเจิ้นรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก เขาก้มหัวลงไปเหมือนเด็กๆที่ทำผิด เจียงสื้อสื้อพยายามหลีกเลี่ยงความรู้สึกปวดร้าวในใจนั้นก่อนจะลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันไปก่อนนะคะ”
“จะไปแล้วเหรอ?” เจียงเจิ้นพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
ที่จริงเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าการที่เจียงสื้อสื้อเดินทางมาเยี่ยมเขานั้นก็เป็นความรู้สึกประหลาดใจอย่างที่เขาไม่คาดคิดแล้ว หากจะให้เธออยู่ต่อเพื่อดูแลเขาคงจะเป็นการบังคับกันเกินไป
เพียงแต่ว่าเขายังมีอีกหลายต่อหลายอย่างอยากจะพูดกับเธอ สายตาอ้อนวอนนั้นต่อให้เป็นคนตาบอดก็สามารถสัมผัสได้
“สื้อสื้อ พ่อ……”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ ตอนนี้ฉันมีความสุขมาก” เจียงสื้อสื้อพูดขึ้นขัดจังหวะเขาอย่างเยือกเย็น
แววตาของเจียงเจิ้นเปลี่ยนไปเป็นเจ็บปวดในทันที
“ตอนบ่ายฉันจะต้องบินไปแอฟริกาใต้ ยังไม่ได้กลับไปเก็บของเลย” เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะพูดอธิบายออกมา
เจียงเจิ้นได้เก็บคำพูดต่างๆมากมายเอาไว้แล้วพยายามยิ้มออกมาพูดกับเธอว่า “ถ้าอย่างนั้นขอให้เที่ยวอย่างสนุกนะ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าตอบรับ จากนั้นเปิดประตูจากไปอย่างไม่อาลัยอาวรณ์
ปล่อยให้เจียงเจิ้นที่อยู่ด้านหลังมองตามเงาของเธอไปอย่างผิดหวัง แววตาคู่นั้นมืดมน มุมปากเผยอยิ้มด้วยความขมขื่นก่อนจะพูดออกมากับตนเองเบาๆว่า “แกทำมันเอง”
เจียงสื้อสื้อเดินทางออกมาจากโรงพยาบาลจากนั้นเธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารับสายโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ตลอดเมื่อสักครู่ “เฟิงเฉินคะ……”
“ผมรอคุณอยู่ที่หน้าประตูโรงพยาบาล”
น้ำเสียงต่ำทุ้มแต่น่าดึงดูด ทำให้อารมณ์ขุ่นหมองเมื่อสักครู่ของเจียงสื้อสื้อหายไปในทันที เธอยิ้มขึ้นแล้วมองไปรอบๆจากนั้นก็เห็นรถหรูของจิ้นเฟิงเฉินจอดอยู่ในไม่ช้า
“ฉันเห็นคุณแล้วค่ะ” เจียงสื้อสื้อเดินไปยังรถ
จิ้นเฟิงเฉินลงจากรถแล้วเปิดประตูให้เธอ คาดไม่ถึงว่าเจียงสื้อสื้อจะวิ่งเข้ามาโอบกอดเขาเอาไว้ทางด้านหลัง เขาชะงักลงชั่วครู่ มือกันแข็งแกร่งของเขาจับไปที่มือของเจียงสื้อสื้อ
มีผู้คนมากมายเดินผ่านไปผ่านมาตรงบริเวณหน้าประตูโรงพยาบาล นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงสื้อสื้อใจกล้าขนาดนี้
เธอซุกใบหน้าเข้าไปกับแผ่นหลังของจิ้นเฟิงเฉินแล้วจินตนาการว่า กลิ่นของจิ้นเฟิงเฉินช่างหอมจริงๆ
“คุณใช้น้ำหอมอะไรคะหอมจังเลย?” เจียงสื้อสื้ออ้อนถาม
จิ้นเฟิงเฉินหันหลังกลับมา เอื้อมมือมากอดเจียงสื้อสื้อไว้ในอ้อมอก ก่อนที่จะบีบไปที่คางเรียวงามของเธอแล้วพูดว่า “คุณอยู่กับผมมาตั้งนานแล้วผมใช้น้ำหอมอะไรคุณไม่รู้เหรอ หือ?”
เจียงสื้อสื้อแลบลิ้นแล้วพูดอย่างตั้งใจว่า “ไม่ได้ใส่ใจนี่คะ”
จิ้นเฟิงเฉินโมโหและยิ้มออกมา พูดที่ข้างหูของเธอว่า “คุณไม่ใส่ใจผู้ชายของตัวเองเลย วันๆคิดเรื่องอะไรกันนะ?”
สีหน้าของเจียงสื้อสื้อแดงเรื่อทันที เธอรีบผลักจิ้นเฟิงเฉินออกแล้วบ่นว่า “ร้อนจะตายอยู่แล้วค่ะ รีบขึ้นรถเถอะ”
นั่นไงเธอเถียงสู้ไม่ได้ก็เริ่มเปลี่ยนเรื่อง
ระหว่างทางกลับบ้าน เจียงสื้อสื้อมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ริมฝีปากของเธอยิ้มอยู่ตลอดเวลา จิ้นเฟิงเฉินมองออกว่าวันนี้เธออารมณ์ดีเป็นพิเศษจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เมื่อสักครู่ที่หน้าโรงพยาบาล หน้าผากของเธอแทบจะปรากฏคำว่า “กดดัน”
แต่สิ่งที่จิ้นเฟิงเฉินไม่รู้ก็คือสาเหตุที่เจียงสื้อสื้ออารมณ์ดีนั้นก็เป็นเพราะเขา
เมื่อเธอเห็นเขา ไม่ว่าจะอารมณ์เสียขนาดไหนทุกอย่างก็จางหายไป
หลังกลับถึงบ้าน แม่จิ้นเดินออกมารับคล้ายกับกำลังจะพูดอะไร แต่เมื่อมองเห็นเจียงสื้อสื้ออารมณ์ดีขึ้น เธอก็พูดไม่ออก
เจียงสื้อสื้อยิ้มแล้วพูดว่า “แม่คะ หนูไปเก็บของก่อนนะ”
“จ้า ไปเถอะๆ” แม่จิ้นตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอมองตามเจียงสื้อสื้อที่เดินขึ้นบันไดไป จากนั้นก็มองมายังลูกชายของตัวเองก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า “สื้อสื้ออารมณ์ดีจัง?”
คนในตระกูลจิ้นทุกคนรู้ว่าถ้าเจียงสื้อสื้อไปพบกับคนในตระกูลเจียง เธอกลับมาก็จะมีอารมณ์หดหู่อยู่สักพัก
“พอได้ครับ” จิ้นเฟิงเฉินพูดราวกับคำพูดของเขาแพงเหมือนเงินทอง
แม่จิ้นหันไปมองเขา “ดูเจ้าลูกคนนี้สิ ถามอะไรไม่ได้ความจริงๆ แต่ว่าเธอไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว”
สื้อสื้อเป็นคนในตระกูลจิ้น เธอควรจะมีความสุข ไม่ใช่นั่งทนทุกข์เพราะคนที่ไร้ค่า
ในตอนบ่ายวันนั้นจิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อเดินทางโดยเครื่องบินไปยังแอฟริกาใต้