ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 508 ฐานะไม่ธรรมดาจริงๆ
บทที่ 508 ฐานะไม่ธรรมดาจริงๆ
คนที่โทรมาก็คือกู้เนี่ยน
เขาหยิบมือถือขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปรับสายตรงระเบียง
“ว่า”
เสียงที่แสนเย็นชาถูกเปล่งออกมาแค่คำเดียว ในค่ำคืนที่แสงไปสลัวแบบนี้มันทำให้รู้สึกเหมือนเป็นไบโพลาร์เลย
กู้เนี่ยนฟังออกว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี จึงไม่กล้าเสียมารยาท เขารีบรายงานข้อมูลที่หาได้ไปในทันที
“ท่านประธานครับ ผู้หญิงที่คุณสั่งให้ผมไปหาข้อมูลนั้น ฐานะของเธอไม่ธรรมดาเลย เราสืบรู้มาว่าเธอเป็นลูกสาวของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในJYกรุ๊ปที่อยู่ต่างประเทศครับ”
“JYกรุ๊ปของประเทศEนะเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยถาม พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเป็นปม
บริษัทนี้ได้ก่อตั้งมานานแล้ว มีชื่อเสียงตั้งแต่ศตวรรษที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศก็ตาม
ปลายนิ้วที่เย็นเฉียบเลื่อนผ่านริมฝีปาก สายตาทอดยาวไปข้างหน้า ไอเย็นปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ไม่นึกเลยว่า ข่ายสื้อลินจะมีฐานะแบบนี้ซ่อนอยู่
กู้เนี่ยนมองดูชีวประวัติที่โดดเด่นของข่ายสื้อลิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาว่า “ใช่ครับ บริษัทนั้นแหละครับข่ายสื้อลินไม่ธรรมดาเลย ไอคิวของเธอสูงมาก พวกระดับสูงของประเทศEจึงชักชวนเธอเข้าไปวิจัยด้านการบินตั้งแต่แรกแล้ว เป็นที่จับตามองของคนในประเทศมาก เด็กสาวคนนี้อายุยังน้อยแท้ๆ ช่างน่านับถือจริงๆ”
พอได้ยินอย่างนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้พูดสวนไปว่า “หึ คนที่มีความสามารถระดับนี้เลือกที่จะเข้ามาอยู่ในบริษัทเรา แถมยังพยายามเข้าหาสื้อสื้ออีก มันไม่ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่เหรอ?”
“คุณหมายความว่า เธอเข้าหาเราเพราะมีอะไรแอบแฝงอยู่ใช่ไหมครับ?”
พอคิดมาถึงตรงนี้ กู้เนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบ
กู้เนี่ยนหัวใจเต้นรัว แล้วรีบถามไปว่า “ท่านประธานต้องการให้ผมไปสืบให้แน่ชัดไหมครับ?”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมจัดการเอง”
หลังจากเสียงที่เย็นชาของจิ้นเฟิงเฉินดังขึ้น ไม่กี่วิต่อมาเขาก็วางสายไป
ผู้หญิงระดับข่ายสื้อลิน ไม่ใช่คนที่กู้เนี่ยนะสามารถรับมือด้วยได้
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเจียงสื้อสื้อ มันก็สามารถทำให้เขาสูญเสียตัวตนได้ทั้งนั้น
การมีระเบิดที่ไม่รู้ที่มาที่ไปมาซ่อนอยู่แบบนี้มันทำให้เขาไม่สบายใจเอาซะเลย
เขายืนอยู่ตรงระเบียง มองออกไปยังท้องฟ้าที่มืดมิด สายลมที่เยือกเย็นพัดผ่านมา
เส้นผมสีดำสลวยปลิวไสว ท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่อง ดวงตาที่ดำมืดคู่นั้นเหมือนกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่……
วันต่อมา ทันทีที่จิ้นเฟิงเฉินมาถึงบริษัท เขาก็สั่งให้กู้เนี่ยนไปตามข่ายสื้อลินมา
“ท่านประธาน เธอมาแล้วครับ”
จิ้นเฟิงเฉินที่กำลังนั่งไขว่ห้าง พอได้ยินอย่างนั้นเขาก็วางเอกสารในมือลง
“ให้เธอเข้ามา”
“Boss เรียกฉันมามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ ข่ายสื้อลินเข้ามาทำงานแล้วถูกจิ้นเฟิงเฉินเรียกมาคุยเป็นการส่วนตัวแบบนี้ เธอในตอนนี้เลยรู้สึกค่อนข้างกดดัน
หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินทำอย่างนั้นกับเธอในบ้านตระกูลจิ้น เธอก็พอจะรู้แล้วว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ชอบเธอสักเท่าไหร่
ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่กล้าทำตัวสนิทสนมกับเขานัก ได้แต่รับบทเป็นพนักงานบริษัทคนหนึ่งเท่านั้น
ริมฝีปากที่เรียวเหมือนใบมีดของจิ้นเฟิงเฉินเปิดออก น้ำเสียงที่แหลมคมของเขาถูกเปล่งออกมา
“ก่อนหน้านี้ทำไม่คุณถึงไม่ยอมบอกว่าเป็นลูกของหุ้นส่วนรายใหญ่ในJYกรุ๊ป” เขาพูดเพื่อยืนยัน
ข่ายสื้อลินยืนอึ้งอยู่กับที่ สีหน้าดูแย่เอามากๆ
“คุณสืบค้นข้อมูลของฉันเหรอคะ?”
ใบหน้าที่งดงามค่อยๆ ขาดเลือดไปเรื่อยๆ จนดูซีดเผือดไปเลย
“ถ้าคุณไม่จงใจที่จะเข้าหาเรา ผมก็คงไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้จริงไหม?”
สายตาที่ดุดันของจิ้นเฟิงเฉินกำลังจดจ้องมาที่ ข่ายสื้อลิน
บรรยากาศที่ส่งออกมาจากตัวเขา ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องเลย
ข่ายสื้อลินกัดริมฝีปากแน่น แล้วตอบไปด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวว่า “ไม่ใช่นะคะ”
“คุณคิดว่าผมจะเชื่ออย่างนั้นเหรอ? คุณทำงานให้กับรัฐบาลของประเทศE แถมยังเป็นลูกสาวของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ด้วยสถานะแบบนี้ทำไมคุณยังต้องมาทำงานที่บริษัทเราอีก?”
จิ้นเฟิงเฉินยืนขึ้นพร้อมกับคำพูดที่ถากถาง จากนั้นก็เดินเข้าใกล้ ข่ายสื้อลินทีละนิด
ใบหน้าที่เรียบเฉยแต่เย็นชาของเขา ทำให้ ข่ายสื้อลินที่เห็นแล้วถึงกับเสียวสันหลังเลย
“บอกมา ว่าการที่คุณเข้าหาเราแบบนี้ คุณต้องการอะไรกันแน่?”
จิ้นเฟิงเฉินอยู่ห่างจากเธอแค่ครึ่งเมตร ภายใต้เงาร่างที่สูงใหญ่ของเขา เธอก็สามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล
การต้องเผชิญหน้ากับจิ้นเฟิงเฉินที่ทรงพลังขนาดนี้ มันทำให้เธอไม่อาจพูดโกหกได้เลย
ร่างกายของเธอหดเล็กลงในทันที มือที่กำแน่นของข่ายสื้อลินก็ค่อยๆ คลายออก เธอยอมแพ้ที่จะต่อต้านแล้ว “ฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายพวกคุณนะคะ การที่ฉันมาที่นี่ ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน”
ข่ายสื้อลินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับจิ้นเฟิงเฉินที่กำลังสงสัยอยู่
“ถ้าคุณสามารถสืบได้ว่าฉันทำงานให้กับประเทศEละก็ คุณก็น่าจะรู้แล้วใช่ไหมคะว่าฉันกำลังรับผิดชอบโครงการที่เกี่ยวกับยานอวกาศอยู่สินะ โครงการนี้อาจจะบอกกับโลกภายนอกว่าเป็นการวิจัยเกี่ยวกับยานอวกาศก็จริง แต่ความจริงและมันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น ส่วนรายละเอียดต่างๆ ฉันบอกไม่ได้ มันเป็นความลับของประเทศค่ะ”
ข่ายสื้อลินพักหายใจ พอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเคยประสบมา เธอก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นจากนั้นก็พูดต่อว่า “ตอนแรกการวิจัยก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีคนแอบแฝงตัวเข้ามาเป็นพนักงานของศูนย์วิจัย เพื่อขโมยข้อมูลที่เป็นความลับโชคร้ายที่ตอนนั้นฉันอยู่ในห้องวิจัยด้วย เลยเจอหน้ากับคนๆ นั้นพอดี ถึงจะโชคดีที่ตอนนี้ฉันสามารถหนีมาได้ แต่เบื้องบนก็คิดว่าที่ประเทศEมันไม่ปลอดภัยแล้ว พวกเขาจึงต้องส่งฉันมาที่นี่เป็นการชั่วคราว”
จิ้นเฟิงเฉินที่ได้ยินอย่างนั้น ก็ยังคงขมวดคิ้วอยู่
ข่ายสื้อลินคิดว่าเขายังไม่เชื่อ เธอจึงชูมือขึ้นมา แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “ที่ฉันเล่ามาทั้งหมดเป็นความจริงนะคะ ฉันมาที่นี่เพราะต้องการที่หลบภัย และถือโอกาสมาตอบแทนบุญคุณด้วย ฉันไม่ได้หรอกคุณนะ ในประเทศSฉันก็รู้จักแค่คุณกับพี่สื้อสื้อเท่านั้น ฉันเลยให้คนในหน่วยงานช่วยตามหาที่อยู่ของพวกคุณ แล้วคุณคิดเหรอคะ ว่าลำพังผู้หญิงแค่คนเดียวอย่างฉันจะสามารถดั้นด้นมาถึงที่นี่ได้?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ถ้าสิ่งที่คุณพูดมาคือความจริง คุณยิ่งควรออกห่างจากสื้อให้มากที่สุด” ”คุณหมายความว่ายังไง?”
ข่ายสื้อลินบิดมือของตัวเองไปมา พอรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินยังจะไล่เธอไปอีก มันก็ทำให้เธอยังไม่เข้าใจ
จิ้นเฟิงเฉินจึงตอบไปตามตรงว่า “ถ้าคุณคิดที่จะตอบแทนจริงๆ ก็ควรอยู่ให้ห่างจากสื้อสื้ คุณมาที่นี่เพื่อหลบภัย และคนที่กำลังตามล่าคุณอยู่ก็อาจจะมุ่งเป้าไปที่สื้อสื้อด้วยเหมือนกัน”
ความหมายก็คือ ข่ายสื้อลินอาจจะนำพาเรื่องยุ่งยากมาให้เจียงสื้อสื้อด้วยก็ได้
ข่ายสื้อลินอึ้งไปแปบหนึ่ง ราวกับว่าเธอถูกตบหน้าเข้าอย่างแรง
เธอได้แต่ยืนจ้องจิ้นเฟิงเฉินอยู่อย่างนั้น แววตาเต็มไปด้วยความทุกข์ทน
“ต่อให้คุณจะมองว่าผมเลือดเย็นใจดำหรืออะไรก็ช่าง แต่ผมแค่ต้องการให้สื้อสื้ออยู่อย่างปลอดภัยเท่านั้น ถ้าคุณเข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อละก็ ผมว่าคุณน่าจะรู้นะว่าต้องทำยังไงต่อ”
จนตอนที่จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยถึงชื่อของเจียงสื้อสื้อออกมา แววตาที่เยือกเย็นของเขาถึงได้จางลงบ้าง
ข่ายสื้อลินสามารถรับรู้ได้ในทันทีว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าสามารถอ่อนโยนได้แค่คนเดียวเท่านั้น
ส่วนคนอื่นๆ นอกจากนั้น จะมีหรือไม่มีก็ไม่เป็นไร
ในความรู้สึกอิจฉานั้น ความรู้สึกสับสนมากมายก็ได้หมุนวนอยู่ในใจ
เธอถอนหายใจออกมา จากนั้นก็เก็บความรู้สึกที่สิ้นหวังของเธอกลับเข้าที่เดิม แล้วหันไปพยักหน้าให้จิ้นเฟิงเฉิน “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะลาออก”
ในน้ำเสียงของเธอปะปนไปด้วยความรู้สึกที่สิ้นหวัง
หันหลังไป แล้วพยายามยืดอกขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองดูเสียใจจนเกินไป
วันต่อมา ข่ายสื้อลินก็ได้ยื่นใบลาออกที่เขียนเสร็จแล้วให้กับฝ่ายบุคคล และจากไปอย่างสง่างาม
ทำเอาฝ่ายบุคคลถึงกับงง หลังจากที่ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ก็ทำได้แค่เห็นใจเท่านั้น
เหตุการณ์เล็กที่เกิดขึ้นนี้ เจียงสื้อสื้อไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่นิดเดียว