ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 525 คุณคือไอดอลของเสี่ยวเป่า
บทที่ 525 คุณคือไอดอลของเสี่ยวเป่า
คิดถึงเจียงสื้อสื้ออยู่บนโต๊ะอาหารไม่ได้กินอะไรมากเท่าไหร่ จิ้นเฟิงเฉินก็พูดกับแม่จิ้นว่า “แม่ครับ ผมจะพาสื้อสื้อไปกินอะไรหน่อย พวกแม่ไปที่นั่นกันก่อนเถอะ”
แม่จิ้นได้ยินก็พยักหน้า ไปสนามยิงธนูพร้อมกับคนตระกูลฉิน
หลังคนทั้งหมดจากไปแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็พาเธอไปที่ครัวด้านหลัง กินอาหารอ่อนๆ บ้าง
พอในกระเพาะมีอาหารแล้ว เจียงสื้อสื้อถึงค่อยรู้สึกดีขึ้น
พอทิ้งรอยจูบไว้บนหน้าจิ้นเฟิงเฉิน ก็วิ่งหนีไปทันที
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มตามหลังเจียงสื้อสื้อ เกิดกลัวว่าเธอจะไม่ระวังหกล้มเอาได้
พอมาถึงสนามยิงธนู ก็เห็นเสี่ยวเป่าถูกพวกคุณลุงลากมาอยู่ด้านหน้า ในมือถือคันธนูแบบเล็กคันหนึ่ง
ที่ตัวสวมชุดยิงปืนที่เป็นแบบเฉพาะของตระกูลฉิน มองไปแล้วช่างน่ารักเหลือเกิน
เจียงสื้อสื้ออดกังวลเล็กๆ ไม่ได้ กลัวว่าลูกธนูจะทำให้เสี่ยวเป่าบาดเจ็บ
จิ้นเฟิงเฉินมองออกว่าเจียงสื้อสื้อไม่สบายใจ จึงส่งเสียงกล่าวปลอบว่า “ไม่เป็นไร ของเหล่านี้เป็นของปลอม ไม่ทำให้ใครบาดเจ็บ”
พอได้ยิน เจียงสื้อสื้อถึงวางใจลงได้
เห็นอุปกรณ์ที่อยู่ในสนามยิงธนู เจียงสื้อสื้อรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก จึงดูอันนี้ลูบคลำอันนั้น
จิ้นเฟิงเฉินหยิบคันธนูขึ้นมาอันหนึ่งพลางกล่าวว่า “คันธนูทุกอันที่อยู่ในนี้ล้วนเป็นของมีชื่อ คุณตาเป็นคนสั่งให้คนทำขึ้นมาทั้งหมด
คันนั้นของผมตอนนี้ถูกคุณตาเก็บไปแล้ว เป็นยังไง สื้อสื้อ คุณสนใจอยากจะเรียนยิงธนูบ้างไหม?”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่เอาดีกว่าค่ะ ฉันไม่เคยสัมผัสของอย่างพวกธนูมาก่อนดูพวกคุณเล่นก็พอแล้ว”
ตอนที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ ก็มีเสียงโห่ร้องดังมาจากอีกด้าน
คนทั้งสองมองไปตามเสียง พบว่าเสี่ยวเป่ายิงถูกกลางเป้าพอดี
คุณท่านฉินอุ้มเสี่ยวเป่าไว้ในอ้อมแขน กล่าวชมเชยไม่หยุด
จิ้นเฟิงเฉินเห็นเช่นนี้ก็วางคันธนูไว้บนมือเจียงสื้อสื้อพลางกล่าวว่า “คุณดูสิ ลูกเราเก่งขนาดนี้ ผมเชื่อว่าคุณก็ต้องเก่งมากเช่นกัน
สบายใจได้ ผมจะคอยชี้แนะอยู่ข้างคุณตลอด”
อยู่ภายใต้คำชี้แนะของจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อจึงเริ่มลองดูบ้าง
แต่เพิ่งจะเริ่มที่มือก็รู้สึกลำบากอยู่บ้าง เจียงสื้อสื้อจึงไม่พ้นคิดอยากจะถอดใจเสียแล้ว
กล่าวกับจิ้นเฟิงเฉินอย่างกระเง้ากระงอดว่า “เฟิงเฉิน พวกคุณฝึกทักษะพวกนี้ได้ยังไงกันคะ ฉันไม่เอาด้วยได้ไหม มันยากเกินไปสำหรับฉัน”
เจียงสื้อสื้อเวลานี้กำลังกะพริบดวงตาโตปริบๆ มองจิ้นเฟิงเฉินอย่างไร้เดียงสา
ด้วยท่าทางเช่นนี้สำหรับจิ้นเฟิงเฉินแล้ว ใช้ได้ดีที่สุด แต่วันนี้จิ้นเฟิงเฉินกลับส่ายหน้าปฏิเสธเจียงสื้อสื้อ
เขาเดินมาหยุดที่ด้านหลังเจียงสื้อสื้อ ใช้มือกุมมือเธอ กล่าวอย่างระมัดระวังว่า “สื้อสื้อคุณดูสิ ตอนที่พวกเรากำลังยิง จะต้องมองที่ตำแหน่งใจกลางเป้ากับหัวลูกศร คุณดูนี่นะ……”
สิ้นคำ จิ้นเฟิงเฉินก็ปล่อยมือ เห็นเพียงลูกธนูปักลงตรงกลางเป้าอย่างมั่นคง
“ว้าว ยิงถูกจริงๆ ด้วย”
เมื่อเห็นว่ายิงโดนที่กลางเป้า เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง
จากนั้นก็ฉวยคันธนูไปจากมือจิ้นเฟิงเฉิน เริ่มยิงเองดูบ้าง
เพิ่งเริ่มต้นจึงยังมีความลำบากเล็กน้อย แต่เจียงสื้อสื้อก็ค่อยๆ รู้สึกสนุกกับมันอย่างช้าๆ
เห็นท่าทางเธอจริงจัง จิ้นเฟิงเฉินจึงมองดูอย่างหลงใหล
ดังคาดไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ขอเพียงทำสิ่งใดอย่างจริงใจ ล้วนงดงามที่สุดเสมอ
ลูกธนูอันต่อมาถูกปล่อยจากมือเจียงสื้อสื้อ หัวลูกศรปักลงโดนเป้า แม้จะไม่ใช่กลางเป้า แต่ก็ห่างจากกลางเป้าไม่ไกลนัก
แม้แต่จิ้นเฟิงเฉินยังคิดไม่ถึง เจียงสื้อสื้อถึงกับจับหลักการยิงได้เร็วขนาดนี้
กำลังคิดจะเอ่ยปากชมเชย เสียงของจิ้นเฟิงเหราก็ดังมาทางนี้ก่อน
“พี่สะใภ้ คุณเก่งขนาดนี้เชียว ทักษะการยิงเกือบจะเท่าผมแล้ว ไม่เลวจริงๆ”
เจียงสื้อสื้อได้ยินก็พิงไปที่บ่าของจิ้นเฟิงเฉิน กล่าวอย่างภูมิใจว่า “พอใช้ได้ไหมคะ ใครให้ฉันมีสามีที่เก่งแบบนี้ล่ะ หากคิดว่าไม่เก่งคงยาก”
ภายใต้รอยยิ้มบางๆ ของจิ้นเฟิงเฉินที่ถูกเอ่ยชื่อ ก็โอบเจียงสื้อสื้อไว้ในอ้อมกอด จงใจพูดว่า “ยังคงเป็นภรรยาที่มีพรสวรรค์ ผมถึงสอนเป็นเร็วขนาดนี้
ไม่เหมือนคนบางคน ตอนฝึกในปีนั้น ร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่หยุด จนสุดท้ายยังถูกคุณตาตีไปหนึ่งชุด ถึงค่อยยิงเป็น”
แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแซ่ แต่เจียงสื้อสื้อก็กล้ายืนยันได้ว่า คนที่จิ้นเฟิงเฉินพูดคือจิ้นเฟิงเหราอย่างไม่ต้องสงสัย
ผลเป็นดังคาด วินาทีต่อมา จิ้นเฟิงเหราก็กระโดดขึ้นมาตำหนิจิ้นเฟิงเฉินว่า “พี่ เรื่องนี้ตกลงกันแล้วไงว่าจะไม่เอ่ยถึงอีก
พวกพี่อยากแสดงความรักต่อกันก็ช่างเถอะ จะเอาผมไปเกี่ยวด้วยทำไม
จริงๆ เลย ผมยังต้องไปหาหวั่นชีงของผมอีก พวกพี่สองคนนี่เห็นแต่กันและกันแต่ไม่เห็นน้องนุ่งบ้างเลย”
จิ้นเฟิงเหราพูดเสร็จก็จากไปด้วยความโกรธ
มองเงาหลังของเขา เจียงสื้อสื้อก็อดยิ้มกว้างหัวเราะออกมาไม่ได้
หลังเสียงหัวเราะผ่านไป เจียงสื้อสื้อก็หยิบคันธนูขึ้นมาใหม่ เริ่มยิงอีกครั้ง
สายตาจับจ้องที่หัวลูกศรตรงหน้าเขม็ง ให้หัวลูกศรกับกลางเป้าอยู่บนระนาบเดียวกันดึงสายธนูจนตึง
เจียงสื้อสื้อสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ปล่อยมือ
ได้ยินเพียงเสียงดัง “สวบ” ลูกธนูปักโดนตรงกลางเป้าพอดี
เจียงสื้อสื้อเห็นลูกธนูปักอยู่ตรงกลางเป้า ก็แทบไม่อยากจะเชื่อ
หลังชะงักไปหนึ่งวินาทีก็กระโดดขึ้นมา กล่าวกับจิ้นเฟิงเฉินอย่างตื่นเต้นว่า “เฟิงเฉินคุณดูสิฉันทำได้แล้ว!”
จิ้นเฟิงเฉินโอบเอวเธอแน่น พยักหน้ากล่าวอย่างชื่นชมว่า “เมียผมเก่งที่สุด ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องทำได้”
พูดเสร็จก็หอมไปที่แก้มของเธอหนึ่งที
ถูกเขาจูบอย่างไม่ทันตั้งตัวก็ตกใจ เจียงสื้อสื้อเขินจนต้องซุกหน้าเข้ากับอกจิ้นเฟิงเฉิน
ทุบไปที่บ่าของเขาอย่างโมโห พลางกล่าวเสียงค่อยว่า “ที่นี่มีคนอยู่ตั้งเยอะนะ……”
คนที่อยู่อีกด้านสังเกตเห็นเรื่องสนุกทางด้านนี้ ก็พากันทอดสายตามองมา
เห็นจิ้นเฟิงเฉินจูบเจียงสื้อสื้อพอดี ทุกคนต่างเผยรอยยิ้มอย่างรู้กันดีออกมา
“หม่ามี๊ เก่งมากเลยครับ หม่ามี๊คือไอดอลของเสี่ยวเป่า!”
ไม่รู้ว่าเสี่ยวเป่าวิ่งมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ กล่าวชื่นชมเจียงสื้อสื้อไปหนึ่งชุด
เจียงสื้อสื้ออุ้มเสี่ยวเป่าไว้ในอ้อมแขน ยิ้มกล่าวว่า “หม่ามี๊เก่งไม่เท่าเสี่ยวเป่าหรอก เมื่อกี้เสี่ยวเป่ายิงดอกเดียวก็เข้ากลางเป้าเลย”
พอเสี่ยวเป่าได้ยินก็เกาหัวอย่างรู้สึกผิดอยู่บ้าง “นั่นผมแค่โชคดีเท่านั้นเองฮะ อีกอย่างหม่ามี๊ใช้ธนูของผู้ใหญ่ ของผมยังเป็นของเด็กอยู่เลย”
“จริงด้วย หม่ามี๊เก่งที่สุดเลย”
จิ้นเฟิงเฉินรับเสี่ยวเป่ามาอุ้มจากในอ้อมแขนเจียงสื้อสื้อ จากนั้นก็กล่าวคล้อยตาม
“นั่นสิ สื้อสื้อ ช่างทำให้พวกเราตกใจจริงๆ ยิงธนูครั้งแรกก็ทำได้ถึงขนาดนี้ แม้แต่หลายคนที่อยู่ในสนามอย่างพวกเรายังสู้ไม่ได้เลย
คนที่พูดคือลุงของจิ้นเฟิงเฉิน และยังเป็นพี่ชายคนโตของแม่จิ้นด้วย อยู่ในตระกูลฉินนับว่าค่อนข้างมีอำนาจ
สิ้นคำ เจียงสื้อสื้อก็กล่าวอย่างรีบร้อนว่า “คุณลุงคะ อย่ายกยอฉันเลยค่ะ แบบนี้ก็เท่ากับฉันสอนหนังสือสังฆราชน่ะสิ ฉันเทียบกับพวกคุณได้ที่ไหนกัน”
เจียงสื้อสื้อพูดจบ คุณลุงก็มองไปที่ลูกชายที่ข้างๆ อย่างเป็นนัยแวบหนึ่ง ความหมายในแววตาไม่อาจแจ่มชัดไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
เห็นเช่นนี้ ญาติผู้พี่คนโตของจิ้นเฟิงเฉินก็เอ่ยปากกล่าวอย่างรู้สึกผิดว่า “ไม่ต้องถ่อมตัว น้องชายน้องสาวเก่งกว่าผมตั้งเยอะ ตอนแรกผมฝึกอยู่นานกว่าจะยิงเข้ากลางเป้าได้”