ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 530 ถูกตามล่า
บทที่ 530 ถูกตามล่า
พอจิ้นเฟิงเฉินได้ยินก็ทำสัญญาณมือบอกว่าห้ามส่งเสียง “ผมกำลังบอกเขาว่าห้ามกวนหม่ามี๊ ไม่อย่างนั้นพอเขาคลอดออกมาผมจะต้องอบรมเขาอย่างดี”
เห็นท่าทางเขาจริงจังเช่นนี้ เจียงสื้อสื้อก็ทนไม่ไหว หลุดหัวเราะพรืดออกมา
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังหยอกเย้ากันอยู่นั้น โทรศัพท์ของจิ้นเฟิงเฉินก็ดังขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินเพียงปรายตามองแวบหนึ่ง กลิ่นอายทั่วร่างเปลี่ยนเป็นความเย็นเยียบ
“สื้อสื้อ ผมมีบางเรื่องที่ต้องจัดการ คุณหลับไปก่อนสักเดี๋ยวเถอะ”
พอจูบลงบนหน้าผากเจียงสื้อสื้อเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็ออกไปจากห้องทันที
เจียงสื้อสื้อที่อยู่บนเตียงยังไม่ได้สติอยู่บ้าง ทำไมโทรศัพท์สายหนึ่งถึงทำให้เขาร้อนใจขนาดนี้?
หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เจียงสื้อสือรีบเดินมาหยุดตรงหน้าต่าง มองรถจิ้นเฟิงเฉินขับออกไป
ในใจอดกังวลขึ้นมาไม่ได้
แต่เธอรู้ว่าตัวเองไร้ความสามารถที่จะช่วยอะไรได้ ได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็พอ
ระหว่างทางที่รถแล่นอยู่ จิ้นเฟิงเฉินก็ต่อสายกลับไปหา
“มีอะไร? บอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าโทรหาฉันเมื่อไหร่ก็ได้”
เสียงที่ดังมาจากปลายสายอีกด้านคือเสียงของข่ายสื้อลิน น้ำเสียงที่พูดเจือแววร้อนใจ “คุณจิ้น ขอโทษด้วยค่ะ ที่รบกวนคุณดึกขนาดนี้
เพียงแต่ตอนนี้ฉันเจอเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ฉันทำตามคำขอของคุณ ปรากฏตัวที่เมืองเป่ยล่อคนที่อยู่ข้างกายพี่สื้อสื้อออกมา
แต่ฉันได้รับบาดเจ็บ อันที่จริงคือจนปัญญาที่จะหนีจากการตามล่าของพวกเขาแล้ว หวังว่าคุณจะช่วยฉันด้วย”
พอได้ยินจิ้นเฟิงเฉินก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ส่งที่อยู่มาให้ผม”
ข่ายสื้อลินรีบส่งตำแหน่งของตัวเองไปให้
หลังเห็นตำแหน่งแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็เร่งรถด้วยความเร็วสูงสุดทันที
ไม่ถึงสิบนาที ก็หาข่ายสื้อลินเจอ
ท่าทางข่ายสื้อลินในเวลานี้ดูย่ำแย่อยู่บ้าง ที่ขาได้รับบาดเจ็บ เลือดกำลังไหลออกมาไม่หยุด
บาดแผลลึกมาก มองดูก็รู้ว่าถูกของมีคมทำร้าย
เห็นสภาพเธอเช่นนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็อดขมวดคิ้วแน่นไม่ได้
ยังไม่ทันได้สติ เขาก็ถอดเสื้อนอกของตัวเองมาคลุมบนศีรษะของข่ายสื้อลิน อุ้มเธอกลับขึ้นมาบนรถ
พันแผลให้เธออย่างง่ายๆ จากนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็โทรหาป๋ายหลี่
“ฉันจะพาข่ายสื้อลินไปที่บ้านนาย เตรียมอุปกรณ์ห้ามเลือดไว้ด้วย”
ไม่รอให้ป๋ายหลี่ตอบ จิ้นเฟิงเฉินก็วางสายไปแล้ว
ป๋ายหลี่ไม่กล้าชักช้า รีบเตรียมของทันที
ผ่านไปสักพัก จิ้นเฟิงเฉินก็มาถึงบ้านป๋ายหลี่
เพราะเสียเลือดมากข่ายสื้อลินจึงสลบไปแล้ว เห็นจิ้นเฟิงเฉินมีเลือดเปรอะที่ตัว ป๋ายหลี่ก็ตระหนกอย่างมาก
รีบรับคนไปจัดการทันที
พอจัดการบาดแผลของข่ายสื้อลินเสร็จ ก็เป็นเวลาครึ่งคืนให้หลังแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินกลับมาที่บริษัทเพื่อเปลี่ยนชุดที่เปื้อนเลือดออก จากนั้นก็กลับไปที่บ้านป๋ายหลี่อีกครั้ง
เห็นข่ายสื้อลินไม่เป็นอะไรแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็พักผ่อนที่บ้านป๋ายหลี่เสียเลย
วันต่อมา ข่ายสื้อลินฟื้นขึ้นมา เห็นสถานที่ไม่คุ้นเคย ก็รีบระวังตัวขึ้นมาทันที
บังเอิญว่าป๋ายหลี่ผลักประตูเข้ามาพอดี เห็นว่าข่ายสื้อลินฟื้นแล้ว ก็กล่าวว่า “คุณฟื้นแล้วผมจะไปเรียกคุณชายมาเดี๋ยวนี้”
สิ้นคำ ป๋ายหลี่ก็ส่งน้ำอุ่นให้ข่ายสื้อลิน และเดินออกไป
เพียงไม่นาน จิ้นเฟิงเฉินก็เข้ามา มองข่ายสื้อลินแวบหนึ่ง ถามเสียงเย็นว่า “เมื่อคืนคนพวกนั้นหาเธอเจอได้ยังไง?”
“ตอนที่ฉันกำลังกลับเมืองเป่ย ได้ถูกคนสะกดรอยตาม ก็เลยได้รับบาดเจ็บ” ข่ายสื้อลินตอบอย่างอ่อนแรง
มองไปตรงขาที่ข่ายสื้อลินได้รับบาดเจ็บ จิ้นเฟิงเฉินก็กล่าวอย่างรู้สึกผิดอยู่บ้างว่า “อย่างนั้นช่วงนี้ เธอก็พักรักษาตัวอยู่ที่บ้านป๋ายหลี่ไปก่อน รอแผลหายดีแล้ว พวกเราค่อยมาวางแผนขึ้นต่อไปกัน”
จิ้นเฟิงเฉินเพิ่งจะพูดจบ ก็ถูกข่ายสื้อลินปฏิเสธทันที
“ไม่ได้ค่ะ พวกเราต้องรีบคิดแผนรับมือออกมา คนพวกนั้นจะสืบเจอที่นี่ได้อย่างรวดเร็วถึงเวลาจะเกิดความยุ่งยากได้”
พอได้ยิน จิ้นเฟิงเฉินก็เงียบไปสักพัก จู่ๆ ในสมองก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา
“เธอปล่อยข่าวออกไปก่อนได้ ว่าคิดจะขายข้อมูลงานวิจัยเหล่านี้ ทำแบบนี้ก็จะดึงความสนใจของคนพวกนั้นได้ จำเป็นต้องให้พวกเขาแย่งชิงกัน พวกเราจะได้อาศัยช่วงเวลานี้เก็บกวาดพวกเขาทีเดียว วางใจได้ฉันจะรับรองความปลอดภัยให้เธอ ฉันจะคอยช่วยเหลือเธออย่างลับๆ”
วิธีของจิ้นเฟิงเฉินได้รับความเห็นชอบจากข่ายสื้อลิน
แต่ป๋ายหลี่คิดถึงปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้อง อาจจะกระทบโครงการที่กำลังดำเนินงานของพวกเขา
เขามองจิ้นเฟิงเฉินกล่าวอย่างกังวลว่า “คุณชาย ตอนนี้ในประเทศกำลังอยู่ในขั้นตอนปรับปรุง หากเคลื่อนไหวมากเกินไป เกรงว่าจะดึงความสนใจของตำรวจได้”
อันที่จริง จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย ตอนนี้ภายในประเทศ ยังไม่ควรเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตจริงๆ
ยิ่งกว่านั้นผู้ชายคนนั้นที่เจอเมื่อคราวก่อน ก็เป็นคนที่จัดการยากคนหนึ่ง
หากก่อความยุ่งยากอะไรขึ้นมาล่ะก็ เขาจะต้องถูกจับตัวไม่ปล่อยแน่
ป๋ายหลี่เสนอว่า “ตอนนี้ข่ายสื้อลินบาดเจ็บที่ขา ไปไหนคงไม่สะดวกนัก ก็เลือกประเทศหนึ่งที่ค่อนข้างใกล้สักหน่อยแล้วกัน”
หลังจิ้นเฟิงเฉินใคร่ครวญดูแล้วก็พูดว่า “งั้นก็เป็นที่เมียนม่าร์แล้วกัน นับว่าเป็นประเทศที่ค่อนข้างสะดวกสำหรับฉัน”
ข่ายสื้อลินพยักหน้า ขอเพียงมีคนรับรองความปลอดภัยให้เธอได้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเธอก็รับได้ทั้งนั้น
“งั้นในเมื่อเอาแบบนี้ พรุ่งนี้ฉันจะให้คนพาเธอไปส่งที่สนามบิน จะคุ้มกันเธอไปตลอดทางจนถึงสถานที่ปลายทาง พอถึงแล้ว จะมีคนมารับเธอ”
หลังสั่งการทุกอย่างเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็ออกจากที่พักของป๋ายหลี่
เพื่อความปลอดภัยของข่ายสื้อลิน จิ้นเฟิงเฉินจึงเพิ่มคนคุ้มกันเพื่อไปส่งข่ายสื้อลิน
กำชับกู้เนี่ยนเป็นพิเศษว่าต้องหาคนที่พึ่งพาได้สักสองสามคน คอยติดตามอยู่ข้างกายข่ายสื้อลิน
หนึ่งเพื่อคุ้มกันเธอ สองเพื่อจับตาดูพฤติกรรมของเธอ
ว่ากันตามตรง จิ้นเฟิงเฉินยังคงไม่ไว้ใจข่ายสื้อลินอยู่บ้าง
เพราะอย่างไรเธอก็มีความน่าสงสัยอยู่อีกมาก ดังนั้นควรระวังไว้ก่อนดีกว่า
จนกระทั่งเย็น จิ้นเฟิงเฉินถึงจะมีเวลาว่าง กลับมาที่บ้าน
หลังมื้อเย็นผ่านไป เจียงสื้อสื้อรู้สึกเหนียวตัว จึงหาเสื้อผ้าออกมาเพื่อไปอาบน้ำ
แน่นอนว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่อยากพลาดทิวทัศน์อันสวยงามนี้ จึงคิดจะตามเข้าไปด้วย แต่ถูกเจียงสื้อสื้อปฏิเสธเสียงแข็ง
เพื่อไม่ไปยั่วโมโหภรรยาตัวน้อยของตัวเอง จิ้นเฟิงเฉินจึงได้แต่รออยู่ข้างนอก
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง เจียงสื้อสื้อออกมาจากห้องน้ำ สวมชุดนอนสบายๆ
เวลานี้ผมที่เปียกชื้นยังคงมีน้ำหยดติ๋งๆ หยดน้ำไหลลงมาตามกระดูกไหปลาร้าอันงดงามของเธอ
เจียงสื้อสื้อเอามือหยิบผ้าขนหนู เช็ดผมอย่างลวกๆ
จิ้นเฟิงเฉินเห็นเช่นนี้ก็เดินไปอุ้มคนเข้ามา ให้เธอนั่งขัดสมาธิอยู่บนหัวเตียง
ส่วนตนเองก็นำไดร์เป่าผมออกมา เริ่มเป่าผมให้เธอ
ลมอุ่นๆ เป่าลงบนศีรษะ เจียงสื้อสื้อเอนหลังกึ่งพิงเขา หรี่ตาลงอย่างเคลิบเคลิ้ม
จิ้นเฟิงเฉินทำได้นุ่มนวลมาก ยามที่นิ้วนวดผ่านหนังศีรษะของเธอ ช่างชวนให้จั๊กจี้และอบอุ่นยิ่งนัก
เขากลัวว่าจะทำแรงไป อาจทำให้คนท้องเจ็บได้
ตอนที่เธอจวนจะเคลิ้มหลับอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงอ่อนนุ่มน่าฟังของจิ้นเฟิงเฉินดังเข้ามาในโสตประสาท
“จริงสิ สื้อสื้อ มีเรื่องหนึ่งที่ผมต้องบอกคุณ พักนี้ผมต้องเดินทางไปทำธุระที่ต่างเมืองสักระยะ คุณอยู่บ้านทำตัวดีๆ ล่ะ”