ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 545 เมาหัวราน้ำ
บทที่ 545 เมาหัวราน้ำ
สายลมพัดขึ้น ผ้าม่านปลิวขึ้นสูง
แสงยามเช้าสาดเข้าบนใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉินที่เสื่อมโทรม ความสง่าของเขา ค่อยๆเลือนหาย
สายตาที่เฉียบขาดคมเข้มเปลี่ยนเป็นความอ่อนล้าผิดหวังทดแทน ไม่มีแสงเลย
“ใกล้แปดโมงครึ่งแล้ว ทำไมพี่ยังไม่ตื่น?”
จิ้นเฟิงเหราวิ่งบนทางเดินอย่างเร่งรีบ ปากก็พึมพำไปด้วย
เดินถึงหน้าประตู ก็เคาะประตูไปสองที
“พี่ ตื่นรึยัง?”
ไม่มีเสียงตอบรับ จิ้นเฟิงเหรากัดฟัน ยื่นมือไปบิดประตู พบว่าประตูไม่ได้ล็อก
เดินเข้าไปแล้ว ก็ตกใจกับภาพที่เห็น
ในห้องไม่มีกลิ่นเหล้าแล้ว แต่ดูจากขวดเหล้าก็รู้ จิ้นเฟิงเฉินดื่มไปเท่าไหร่
“พี่ รีบลุกขึ้นเข้าบริษัทได้แล้ว เรื่องมากมายรอพี่อยู่ ยังมีเวลามานอนเมาหัวราน้ำอย่างนี้อีก”
จิ้นเฟิงเหราปลูกจิ้นเฟิงเฉินอย่างโมโห ไม่ว่ายังไงก็ต้องเอาตัวเขาไปบริษัทก่อนค่อยว่ากัน
ขอให้มีเรื่องให้ทำ จะได้ไม่ต้องคิดมากแบบนี้
ได้ยินเสียงตะโกนของจิ้นเฟิงเหรา จิ้นเฟิงเฉินกะพริบตา มองไปที่จิ้นเฟิงเหรา เหมือนทำการตัดสินใจอะไร
สายตาเรียบเฉย ตอบด้วยเสียงเรียบ “บริษัทนายมารับช่วงต่อ จากความสามารถของนายตอนนี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
สีหน้าเขาไม่เหมือนล้อเล่น แต่มีความหนักแน่น
จิ้นเฟิงเหราอึ้ง เบิกตากว้าง
พอคิดได้ ก็รีบถามด้วยอาการอ้าปากค้าง “แล้วพี่ละ พี่จะไปทำอะไร?”
รู้สึกแปลกใจ
จิ้นเฟิงเฉินหมุนตาไปมา มองไปรอบห้อง สีหน้ามีความเศร้าโศกที่พยายามไม่ให้คนอื่นเห็น
จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงเรียบ “ฉันจะไปต่างประเทศ มีอะไรต้องทำหน่อย”
พอได้ยินคำว่าต่างประเทศ จิ้นเฟิงเหราก็นิ่งไม่ไหวแล้ว รู้สึกหางตากระตุก
หรือว่าพี่ชายเขาอยากหนีจากสถานที่ที่ทำให้เสียใจนี่เหรอ?
ข้างกายเขายังมีเสี่ยวเป่า ยังมีพวกเขา หรือเขาจะไม่สนใจเลยเหรอ?
จ้องจิ้งเฟิงเฉิน จิ้นเฟิงเหรารีบพูดขึ้น “พี่ พี่จะทำแบบนี้เพื่ออะไร ถ้าพี่สะใภ้ยังอยู่ เธอคงไม่อยากเห็นพี่เป็นแบบนี้
จิ้นเฟิงเหราเหมือนมดในหม้อน้ำมัน รีบร้อนจนทำอะไรไม่ถูก พอรีบร้อน ก็ด้วยความเคยชินก็จะเอาเจียงสื้อสื้อมาเป็นข้ออ้าง
สภาพโทรมขนาดนี้ ยังอยากไปต่างประเทศคนเดียว
อยากปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกชัดๆ
เห็นเพียงคิ้วของจิ้นเฟิงเฉินย่นไปนิดหนึ่ง ในสายตานั้น มีแววของความเจ็บปวดเสียใจ
จิ้นเฟิงเหราเห็นแล้วก็ตบปากตัวเองด้วยความเสียใจ รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“พี่ ถึงพี่จะไม่คิดถึงพวกเรา ก็คิดถึงเสี่ยวเป่าบ้าง เขาเป็นลูกชายของพี่ พี่จากไปแบบนี้ จะไม่ห่วงเสี่ยวเป่าเลยเหรอ?”
เขาพูดเสียงดัง จนทำให้พ่อจิ้นแม่จิ้นได้ยิน
เสี่ยวเป่าก็ถูกอุ้มมาด้วย ครั้งนี้แม่จิ้นอุ้มอยู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
พ่อจิ้นมองสองพี่น้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จริงจัง ถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”
พูดจบ จิ้นเฟิงเหราก็รีบดึงแม่จิ้นมา เล่าเรื่องร้ายแรงไปนิดหนึ่ง
สีหน้าจริงจัง “พ่อ แม่ รีบรั้งพี่ไว้หน่อย เขาจะทิ้งพวกเราทุกคนแล้วไปต่างประเทศ เขาทำแบบนี้จะไม่สนใครแล้ว”
พ่อจิ้นแม่จิ้นได้ยิน ก็รู้สึกใจหาย
โดยเฉพาะแม่จิ้น เธอเข้าใจความรู้สึกของจิ้นเฟิงเฉินดี เงยหน้าขึ้นมองลูกชายตัวเอง พูดอย่างระวัง “เฟิงเฉิน นี่เรื่องจริงเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า ทำให้ทุกคนรู้สึกใจหาย
ได้ยินแบบนี้แม่จิ้นใช้แรงพยุงตัวเองให้ยืนตรง หน้าซีดจนขาว แต่ก็พยายามคุมสติ แล้วถามขึ้น “บอกแม่ได้ไหมว่าเพราะอะไร? หรือว่าเป็นเพราะสื้อ……”
“ไม่ใช่”
จิ้นเฟิงเฉินตัดคำพูดแม่ก่อนที่ชื่อนั้นจะออกมา
เขาไม่ได้จะหนีเราะสื้อสื้อ หรือพูดได้ว่า ไม่ได้เป็นเพราะสื้อสื้อทั้งหมด……
“ผมแค่อยากไปบริหารงานที่สาขาต่างประเทศ ทางโน้นเมื่อเทียบกับทางนี้แล้วยังค่อนข้างอ่อนอยู่ อีกอย่าง ตามหาเจียงนวลนวลด้วย”
น้ำเสียงเขาเรียบเฉย ใบหน้ามีเงาจางๆ
ใช้สีหน้าที่จริงจังเพื่อให้ทุกคนรู้ ว่าเขามีความตั้งใจ
พ่อจิ้นถอนหายใจอยู่ด้านข้าง ถ้าเป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว ก็ไม่มีใครเปลี่ยนได้
สบตากับแม่จิ้น ในใจทั้งสองคนมีคำตอบแล้ว
แต่จิ้นเฟิงเหรา ฟังเหตุผลของจิ้นเฟิงเฉินแล้วก็ยังยอมรับไม่ได้
เขาก็ยังคิดอยู่ว่าพี่ชายตัวเองยังลืมพี่สะใภ้ไม่ได้ อยู่ในประเทศยังเป็นแบบนี้ ไปต่างประเทศแล้ว
ไม่มีญาติอยู่ข้างกาย ใครจะรู้ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรอีก
“พี่ พี่ให้เวลาผมอีกหน่อย ผมต้องหาเจียงนวลนวลเจอแน่นอน”
เขาอยากใช้วิธีนี้ลองโน้มน้าวจิ้นเฟิงเฉิน
ว่าไปแล้ว เจียงนวลนวลก็ไม่ธรรมดา พวกเขาค้นหากันขนาดนี้ก็ยังซ่อนตัวได้ หายังไงก็ไม่เจอ
“ไม่ต้องแล้ว ฉันตัดสินลงมือหาเองแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างแน่วแน่ สายตาเชื่อมั่น
หาในประเทศไม่เจอ เขาก็ไปหาต่างประเทศ สุดขอบฟ้าเขาก็ต้องหาเธอให้เจอ
ต้องมีสักวัน เขาเชื่อว่าต้องเจอเธอที่ไหนสักแห่งแน่
จิ้นเฟิงเหรอยังอยากพูดต่อ พ่อจิ้นกดไหล่เขาไว้ ส่ายหัว
ได้ยินแล้วสีหน้าของแม่จิ้นก็มีแววอ่อนโยน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ถ้าลูกตัดสินใจดีแล้ว ก็ไปเถอะ บริษัทยังมีเฟิงเหรา ยังมีแม่กับพ่อช่วยดูอยู่ ลูกไม่ต้องกังวล อยากทำอะไรก็ไปทำเถอะ”
คนเป็นพ่อแม่ ก็เป็นแบบนี้เสมอ
ลูกอยากบิน พวกเขาก็ไม่มีวันห้าม
แต่จะกางปีก มาปกป้องพวกเขา
ทุกคนต่างน้ำตาคลอ ในใจมีความรู้สึกมากมาย
ยามสบตากัน ความรู้สึกทั้งหมดล้วนอยู่ในตา
“แดดดี๊ จะไปไหนครับ ไม่เอาเสี่ยวเป่าแล้วเหรอครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินถูกดึงชายเสื้อ เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยดังขึ้นมา
เสี่ยวเป่าเงยหน้า มองจิ้นเฟิงเฉินด้วยน้ำตา ในสายตาเต็มไปด้วยความกลัวและเสียใจ
ใจอ่อนไปทันที จิ้นเฟิงเฉินย่อตัวลง จับลูบหัวของเสี่ยวเป่า พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เป็นไปได้ยังไง หนูไปกับแดดดี๊”
เสี่ยวเป่าไม่มีแม่แล้ว ถ้าไม่มีพ่ออีกคน อย่างนั้นก็น่าสงสารเกินไป
ตั้งแต่เช้า จิ้นเฟิงเฉินก็รวมเสี่ยวเป่าในแผนการของตัวเองแล้ว
ได้ยินคำพูดของจิ้นเฟิงเฉินแล้ว หน้าบึ้งตึงของเสี่ยวเป่าค่อยผ่อนคลายลง
เขาโล่งใจ ยื่นมือไปกอดคอจิ้นเฟิงเฉิน โอบอยู่ตรงไหล่เขา พ่อลูกเป็นที่พึ่งกันและกัน
สามคนที่มองอยู่ข้างๆ ในใจก็รู้สึกห่วงใน
ในบ้านนี้แค่ชั่วครู่เดียวก็หายไปสามคน อีกหน่อยคงรู้สึกไม่เหมือนเดิม
แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร
แต่มีเสี่ยวเป่าอยู่กับจิ้นเฟิงเฉิน อย่างน้อย พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าจิ้นเฟิงเฉินจะคิดสั้น
อีกอย่าง จากไปอาจเป็นวิธีที่ดี อาจจะช่วยให้จิ้นเฟิงเฉินปล่อยวางได้บ้าง และเดินออกจากความมืดมน
ช่วงอาหารเย็น คนทั้งครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า ไม่มีใครพูดอะไรเลย
บรรยากาศมีความเศร้าโศก เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีไม่วุ่นวายใครเลย
วันถัดมา จิ้นเฟิงเฉินกับจิ้นเฟิงเหราเข้าบริษัทพร้อมกัน
พวกเขาเรียกประชุมภายใน และเชิญนักข่าวมาเป็นพยานพร้อมกัน