ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 555 พี่ชาย อุ้มๆ
บทที่ 555 พี่ชาย อุ้มๆ
เด็กน้อยมองดูพี่ชายคนงามที่อยู่ตรงหน้า และเธอก็ยื่นมือออกไป
แล้วก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่ยังไม่ชัด “พี่ชาย——อุ้ม——อุ้ม——”
เมื่อได้ยินเด็กน้อยพูดภาษาจีนกลางออกมา เสี่ยวเป่าก็รู้สึกประหลาดใจ
ลังเลอยู่สักพัก จากนั้นเสี่ยวเป่าก็อุ้มเธอขึ้นมาจากพื้น แล้วก็ถามต่อ : “แม่ของเธอไปไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว”
เด็กหญิงสุ่มชี้ไปทางถนนด้านหน้า เห็นได้ชัดว่าเธอนั้นได้เดินพลัดหลง
ทำให้เสี่ยวเป่ารู้สึกลำบากใจ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ตอนนี้ กลุ่มเด็กผู้ชายเหล่านั้นได้เดินเข้ามา เห็นตัวเสี่ยวเป่าที่กำลังอุ้มเด็กน้อยไว้ จึงรู้สึกแปลกใจ
เสี่ยวเป่าได้เล่าอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น เด็กชายคนหนึ่งจึงพูดขึ้น : “เธอจะต้องเดินพลัดหลงกับพ่อแม่อย่างแน่นอน แล้วทีนี้นายจะทำอย่างไรกับเธอ”
เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเสี่ยวเป่า ได้กอดคอของเขาไว้แน่น
เสี่ยวเป่าเห็นว่าจะทิ้งไปไม่สนใจไยดีก็ไม่ได้ : “พวกนายไปเล่นกันเถอะ เราจะพาเธอไปเดินตามหาพ่อแม่”
พรรคพวกได้ยินดังนั้น จึงได้แยกย้ายกันไป
เห็นว่ายังมีเค้กติดอยู่บนใบหน้าของเด็กน้อย เสี่ยวเปล่าจึงหยิบกระดาษทิชชูออกมาเช็ดให้เธออย่างระมัดระวัง
จากนั้นก็พูดโอ๋ขึ้น : “น้องสาวไม่ต้องกลัวนะ พี่จะพาน้องไปหาหม่ามี๊ของน้อง”
เด็กน้อยได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น : “ หนูชอบ——พี่ชาย”
เมื่อพูดจบ ใบหน้าของเสี่ยวเป่าแดงขึ้น เขินอายเล็กน้อย
เมื่อเห็นแก้มเสี่ยวเป่าแดงขึ้น เธอก็ทำปากจู๋แล้วจุ๊บเข้าไปที่แก้ม
ทำให้เสี่ยวเป่าก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก จึงได้พาเธอไปหา โจเซฟก่อน
โจเซฟคือคนขับรถและบอดี้การ์ดของเสี่ยวเป่า เป็นสมุนคนเก่งของจิ้นเฟิงเฉิน
เมื่อไปถึงที่รถ เสี่ยวเป่ามองโจเซฟแล้วก็ถามขึ้น : “ โจเซฟ เมื่อกี้ได้สังเกตหรือเปล่าว่าเธอเดินมาจากไหน”
โจเซฟเห็นเด็กน้อยก็ตกใจเช่นกัน หน้าที่ของเขาคือดูแลเสี่ยวเป่าไม่ให้เกิดเรื่อง ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตเด็กน้อยคนนี้
จึงทำได้เพียงส่ายหน้า แต่เมื่อวิเคราะห์ดูแล้ว ก็พอจะเดาทิศทางได้
“เธออาจจะเดินมาจากลานจัตุรัสฝั่งนั้น พวกเราลองไปดูกันไหม”
เสี่ยวเป่าได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า โจเซฟเห็นเสี่ยวเป่าไม่มีแรงที่จะอุ้มเด็กน้อยต่อไป จึงเสนอตัวที่จะช่วยอุ้มเธอแทน
แต่ว่าเด็กน้อยกลับไม่ยอม และได้กอดเสี่ยวเป่าไว้แน่น พูดอย่างไรเธอก็ไม่ยอมให้อุ้ม
“ให้พี่ชายอุ้ม…..”
พูดๆแล้วก็ร้องไห้ขึ้น
เสี่ยวเป่าเห็นดังนั้นก็พูดปลอบ : “ไม่ต้องเป็นห่วง พี่จะอุ้มเธอเอง พาเธอไปหาหม่ามี๊ของเธอไง ลุงโจเซฟไม่ใช่คนไม่ดี ถ้าหนูไม่ดื้อ พี่ก็จะอุ้มเธอไปตลอดทาง”
เด็กน้อยได้ยินดังนั้นก็หยุดร้องไห้ แล้วรับปากไปอย่างไร้เดียงสา
ความจริงแล้วเสี่ยวเป่าก็ไม่กล้าปล่อยมือเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการอุ้ม แต่ว่าเขาก็เอ็นดูความน่ารักของเด็กน้อยคนนี้
ในใจอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ ถ้าหากหม่ามี้ยังอยู่ น้องสาวที่คลอดออกมาก็คงจะโตประมาณเธอ
เห็นความออดอ้อนของเด็กน้อย เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก
ทำได้เพียงมุ่งหน้าเดินไปทางลานจัตุรัส
แต่ว่าเดินได้แค่เพียงครึ่งทาง เด็กน้อยกับพูดลั่นออกมาว่าหิว
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เสี่ยวเป่าก็ค่อยๆวางเธอลงบนพื้น แล้วถามอย่างใจเย็นว่า “ได้ ไหนบอกพี่มาซิว่าเธออยากทานอะไร”
“เค้ก……อยากได้เค้ก!” เด็กน้อยพูดพลางตบมือ
เมื่อพูดจบ เสี่ยวเป่าก็หันไปมองทางโจเซฟ
โจเซฟพยักหน้า แล้วพาเด็กสองคนนี้เข้าไปที่ร้านขนมหวาน
ทันทีที่คนเหล่านี้เดินเข้าไป เจียงสื้อสื้อก็เดินหน้าผ่านประตูไปอย่างรวดเร็ว
เจียงสื้อสื้อในเวลานี้ร้อนรุ่มดุจไฟสุมในอก ดวงตามีแต่คราบหยดน้ำตา เห็นได้ชัดเจนว่าเธอเป็นกังวลมากมายเพียงใด
ลูกเปรียบเสมือนชีวิตของเธอ ถ้าเกิดอะไรขึ้น เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร
เดินอยู่บนถนน เจียงสื้อสื้อก็นึกถึงฝู้จิงเหวินขึ้นมา
แล้วก็ตบเข้าที่ขมับของตัวเอง ใช่สิ เธอสามารถหาฝู้จิงเหวินได้
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ฝู้จิงเหวินก็ได้โทรเข้ามาพอดี เจียงสื้อสื้อกดรับสายแล้วร้องไห้ฟูมฟาย : “จิงเหวิน ลูกหายไปแล้ว เมื่อสักครู่ฉันไปห้องน้ำแป๊บเดียว กลับมาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของลูก”
ฝู้จิงเหวินได้ยินเสียงร้องไห้ของเจียงสื้อสื้อ ก็รู้สึกเจ็บปวดในใจแล้วพูดปลอบประโลมว่า : “สื้อสื้อ คุณใจเย็นๆก่อนนะ บางทีลูกอาจจะยังเดินไปได้ไม่ไกล คุณแจ้งความกับตำรวจก่อน แล้วค่อยไปเช็คกับกล้องวงจรปิดแถวนั้น จากนั้นคอยสังเกตร้านค้าต่างๆ ผมจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้”
“ค่ะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้ารับ
เช็ดหยดน้ำตาบนใบหน้า แล้วก็เดินหาไปตามทาง
เวลานี้เสี่ยวเป่าได้พาเด็กน้อยเดินออกมาจากร้านขายขนมหวาน มุ่งหน้าเดินไปทางลานจัตุรัส
ในมือของเด็กน้อยได้ถือเค้กไว้ แล้วก็กินอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่ไม่สนเรื่องที่ตัวเองเดินพลัดหลง
แต่ว่ารออยู่ที่ลานจัตุรัสอยู่เป็นเวลาพักหนึ่ง ก็ยังไม่เห็นครอบครัวของเด็กน้อย
เนื่องจากเมื่อสักครู่ได้เดินหาอยู่ที่ลานจัตุรัสแล้ว ไม่เจอตัวลูกน้อย ดังนั้นเจียงสื้อสื้จึงไม่ได้ย้อนกลับไปอีก
สองแม่ลูกก็เลยคลาดกัน……แบบนี้
ท้องฟ้ากำลังมืดลงอย่างช้าๆ เด็กน้อยได้ทานเค้กที่อยู่ในมือจนหมดและก็รู้สึกง่วงนอนขึ้น ถูกอุ้มอยู่บนตัวของเสี่ยวเป่าให้ตายยังไงก็ไม่ยอมลงมา
โจเซฟเหลือบดูนาฬิกา รู้ว่ารอต่อไปแบบนี้ไม่ใช่ทางออกที่ดี
จึงอ้าปากพูดแนะนำขึ้น : “คุณชายน้อย พวกเราพาเธอไปที่สถานีตำรวจดีกว่าไหม ผมเชื่อว่าตำรวจจะช่วยตามหาครอบครัวของเธอจนเจอ ถ้าหากพวกเราพาเธอกลับบ้าน……”
ยังไม่ทันรอให้โจเซฟพูดจบ เด็กน้อยก็ร้องไห้งอแงขึ้นมา
เสี่ยวเป่าลนลานไม่รู้จะทำอย่างไรดี
แต่สุดท้ายแล้วก็พาเด็กน้อยไปที่สถานีตำรวจ ถ้าปล่อยให้เธออยู่ข้างๆตลอดเวลา เกรงว่าคนทางบ้านของเธอจะร้อนใจ
เมื่อไปถึงสถานีตำรวจ โจเซฟจึงได้ทำการลงบันทึกประจำวัน ตำรวจบอกว่าจะช่วยตามหาครอบครัวของเธอให้เจอ
จากนั้นโจเซฟจะพาเสี่ยวเป่ากลับ แต่เด็กน้อยเมื่อเห็นพี่ชายกำลังจะเดินจากไป เธอก็ร้องงอแง
กอดขาของเสี่ยวเป่าไว้ไม่ยอมปล่อยมือ
และก็ร้องไห้ตลอดอยากให้พี่ชายอุ้ม
เมื่อเห็นเด็กน้อยร้องไห้ก็รู้สึกสงสาร เสี่ยวเป่าทนดูต่อไปไม่ได้
จึงอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา จากนั้นพูดกับโจเซฟว่า : “พวกเราพาเธอกลับบ้านด้วยดีไหม เธอยังเด็กมาก อยู่ที่นี่คนเดียวคงจะกลัว”
เมื่อถูกเสี่ยวเป่าอุ้มขึ้นมา เด็กน้อยก็หยุดร้องไห้ทันที นอนซุกอยู่ที่ไหล่ของเสี่ยวเป่าอย่างน่าเอ็นดู
โจเซฟ เห็นภาพแบบนี้แล้วก็ปฏิเสธไม่ลง ทำได้เพียงอธิบายให้ตำรวจได้เข้าใจ
ตำรวจเห็นท่าทางของเด็กน้อยที่ออดอ้อนออเซาะเสี่ยวเป่า ก็รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนเลว จึงได้ยอมให้พวกเขาพาเด็กน้อยกลับไป
เมื่อได้ยินว่าไม่ต้องรออยู่ที่สถานีตำรวจ แววตาของเด็กน้อยก็ประกายแววเจ้าเล่ห์
เมื่อกลับไปที่รถ เสี่ยวเป่าจ้องดวงตาของเธอ รู้สึกว่าเธอเหมือนใครคนหนึ่งมาก แต่ก็ไม่กล้าคิด
เพราะว่าความน่าเป็นไปได้นั้นแทบจะไม่มี
เสี่ยวเป่าช่วยเด็กน้อยเช็ดคราบบนใบหน้า แล้วก็ถามขึ้น : “เธออายุกี่ขวบแล้ว ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว”
เมื่อเด็กน้อยได้ยินดังนั้น ก็ได้ชูนิ้วอ้วนๆสองนิ้วขึ้น พูดอ้อแอ้ว่า : หนูสองขวบแล้วค่ะ หนูชอบพี่ชาย!”
เมื่อพูดเสร็จก็หอมไปที่แก้มของเสี่ยวเป่าอีกครั้ง เธอที่อยู่วัยนี้ไม่รู้ว่าชอบหมายถึงอะไร
เพียงแต่เคยได้ยินหม่ามี๊บอกว่าถ้าชอบใครคนหนึ่งก็ให้จุ๊บๆ