ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 563 เจอใครก็เรียกว่าแด๊ดดี้ไปหมด
บทที่ 563 เจอใครก็เรียกว่าแด๊ดดี้ไปหมด
อารมณ์ที่เดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุข บวกเข้ากับตอนค่ำไม่ได้กินข้าว แถมในใจก็เอาแต่กังวลมาหลายคืนติดต่อกัน มันทำให้ร่างกายของเธอฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว
เรี่ยวแรงใช้ไปจนหมด ตอนนี้พอได้ยินว่าเจ้าหนูน้อยไม่เป็นอะไรแล้ว อารมณ์ความรู้สึกจึงผ่อนคลายลง ร่างกายก็ทรุดตัวลงไปด้วย
เธอเดินขาสั่นๆไปสองสามก้าว จากนั้นก็ล้มลงไปกองบนพื้นทันที
“สื้อสื้อ!”
ในตาฝู้จิงเหวิน เจียงสื้อสื้อราวกับขนนกที่ร่วงตกลง
ใจก็กระตุกขึ้นมาอย่างแรง เขารีบพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วประคองเจียงสื้อสื้อเอาไว้
“สื้อสื้อ คุณเป็นอะไรไป?”
เขามองหน้าของเจียงสื้อสื้อ สีหน้าวิตกกังวล มือไม้ทำอะไรไม่ถูก
แม่ฝู้ที่อยู่ข้างๆก็เข้าไป ดึงลูกชายของตัวเอง พร้อมกับพูดขึ้นอย่างทันที“จิงเหวิน มัวแต่ยืนอึ้งอะไรอยู่ รีบพาไปส่งโรงพยาบาลสิ!”
ฝู้จิงเหวินได้ยินแบบนั้นก็ประคองเอวของเจียงสื้อสื้อตรงไปยังรถทันที
พาไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่างรวดเร็ว
หลังจากถึงโรงพยาบาลแล้ว ฝู้จิงเหวินก็วิ่งตามรถเข็นไปพลางพูดตะโกนออกมาพลาง“คุณหมอ เธอเป็นอะไรไป ทำไมถึงเป็นลมไปได้?”
คุณหมอถูกเขาตะโกนใส่จนแก้วหูสั่นไปหมด นึกว่าเจียงสื้อสื้อเป็นโรคอะไรร้ายแรง จึงรีบให้คนเข็นรถให้เร็วหน่อย
หลังจากผ่านการตรวจอย่างละเอียดไปหนึ่งรอบ จนมั่นใจแล้วว่าเจียงสื้อสื้อไม่ได้เป็นอะไรมากมาย คุณหมอก็พูดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้“ผู้ป่วยแค่หิวจนเป็นลมไป ไม่ต้องกังวล แค่ให้สารอาหารทางสายยาง พักผ่อนสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว พวกคุณยังวัยรุ่นขนาดนี้ จะตื่นตระหนกตกใจเกินไปแล้ว”
หลังจากฟังคำตอบของคุณหมอแล้ว อารมณ์ที่ตึงเครียดของฝู้จิงเหวินจึงผ่อนคลายลงไปจนหมด
เขาทิ้งตัวลงไปบนเก้าอี้ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
พอเห็นท่าทางที่ตกอกตกใจของลูกชายตัวเอง แม่ฝู้ก็เดินเข้ามา พร้อมกับส่ายหัว
นึกได้ว่าเถียนเถียนยังคงอยู่ที่คนอื่น ก็รีบเข้าไปเตือนเขา“เอาล่ะ จิงเหวิน ตอนนี้สื้อสื้อก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ลูกรีบไปรับเถียนเถียนกลับมาจากที่บริษัทอะไรนั่นเถอะ จะปล่อยให้ยืดเยื้อนานกว่านี้ไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นถ้าสื้อสื้อฟื้นขึ้นมา เธอจะรู้สึกเป็นห่วงกังวลขึ้นมาอีก”
ฝู้จิงเหวินพอได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกว่าที่แม่ฝู้พูดก็มีเหตุผล จึงพยักหน้าตอบรับ“ครับแม่ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ฝู้จิงเหวินจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเองสักพัก ก่อนจะเดินออกจากโรงพยาบาลไป
รถแล่นอยู่บนทางหลวง มุ่งตรงไปยังJSกรุ๊ป……
ทางด้านของJSกรุ๊ป จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองเจ้าหนูน้อยที่กำลังเล่นอย่างดีอกดีใจ ในตาแฝงไปด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์
เขาชอบเจ้าหนูน้อยคนนี้มาก ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ เขาอยากจะเก็บเธอไว้ให้อยู่กับเขาตลอดไป
แต่ยังไงนี่มันก็เป็นลูกของคนอื่น
ตอนนี้พ่อแม่ของเด็กจะมาแล้ว เขาก็ต้องคืนเด็กกลับไป มองดูเด็กน้อยที่น่ารักขนาดนี้ เขาไม่อยากปล่อยให้จากไปเลยจริงๆ
หลังจากยับยั้งอารมณ์ที่อยู่ในตาของตัวเองไว้แล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ยื่นมือออกไปหาเถียนเถียนพร้อมกับพูดขึ้น“มามะ”
เจ้าหนูน้อยยื่นมือออกไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย มือน้อยๆวางลงบนฝ่ามือที่ใหญ่โตและแสนอบอุ่น
จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา เถียนเถียนมองจิ้นเฟิงเฉินอย่างยิ้มแย้ม
จิ้นเฟิงเฉินมองใบหน้าเล็กๆของเธอ หยุดชะงักไปสักพัก
จากนั้นก็ยื่นมืออีกข้างออกมา ลูบผมที่นุ่มๆนิ่มๆของเธอ
จูงมือที่นุ่มของเจ้าหนูน้อย พาเธอลงไปข้างล่าง
เลขชั้นของลิฟต์เลื่อนลงไม่หยุด จิ้นเฟิงเฉินก้มหัว จ้องมองเจ้าหนูน้อย ไม่อยากที่จะขยับสายตาไปไหน
อารมณ์ความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ผุดขึ้นมา จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก
แต่มันก็แปลกอยู่เหมือนกัน ทั้งที่พวกเขาเพิ่งจะอยู่ด้วยกันในเวลาอันสั้นขนาดนี้
พอลงมาถึงข้างล่าง ก็เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่กำลังรออยู่อย่างที่คิดไว้ สีหน้าดูกระวนกระวายเล็กน้อย แถมยังทำท่าทางเหิดมองเข้ามาข้างใน
อย่างไม่หยุดหย่อน
คนคนนี้คงจะเป็นพ่อของเจ้าหนูน้อยแน่ๆ
พอมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของจิ้นเฟิงเฉินก็ผุดขึ้นมาอยู่ในใจ
เดินตรงเข้าไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนบอกไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้น“คุณคือคนในครอบครัวของเถียนเถียน?”
ฝู้จิงเหวินเข้ามา พอเห็นเจ้าหนูน้อย ก็รู้สึกตื่นเต้นสุดๆ พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
“ใช่ครับๆ ผมเป็นคนที่โทรศัพท์มาหาคุณนั่นแหละครับ ผมเป็นพ่อของเถียนเถียน ต้องขอบคุณคุณที่อุส่าช่วยดูแลเธอในช่วงสองวันมานี้มากๆเลยนะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินมองดูฝู้จิงเหวิน เขาดูหล่อเหลา แต่เจ้าหนูน้อยหน้าตาดูไม่เหมือนเขาเลยสักนิด
เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย เขาก้มตัวลง ไปถามเถียนเถียน“นี่เป็นแด๊ดดี้ของหนูเหรอ?”
พูดจบ เจ้าหนูน้อยก็ราวกับมีปฏิกิริยาตอบกลับมา รีบพุ่งเข้าไป
เรียกด้วยเสียงที่อ่อนหวานน่ารัก“แด๊ดดี้!”
ฝู้จิงเหวินอ้าแขนมากอดเธอไว้แน่น ราวกับกำลังกอดของล้ำค่าที่ทำสูญหายไปอย่างไรอย่างนั้น“ไม่ต้องกลัวแล้วนะ แด๊ดดี้มาแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้ามองฝ่ามือที่ว่างเปล่าของตัวเอง ในใจก็ว่างเปล่า จิ้นเฟิงเฉินไม่อยากมองต่อไปแล้ว
“ในเมื่อพวกคุณสองพ่อลูกได้เจอกันแล้ว ผมก็ขอตัวก่อนแล้วกัน”
ฝู้จิงเหวินราวกับตื่นขึ้นมาจากความฝัน วางลูกสาวลง แต่มือหนึ่งยังคงจูงเธอไว้อยู่ รีบพูดขอบคุณอย่างไม่หยุดหย่อน
“ต้องขอบคุณคุณมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่คุณ ป่านนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเจ้าหนูน้อยจากที่ไหน”
เถียนเถียนในตอนนี้ใบหน้ายิ้มแย้ม ร่างกายดูสะอาดเรียบร้อย
เห็นได้ว่าไม่ได้รู้สึกตกใจแล้วก็ไม่ได้เจอกับเรื่องที่ไม่ดีอะไรมา คุณผู้ชายตรงหน้านี้ต้องดูแลเธออย่างดีมากแน่ๆ
จิ้นเฟิงเฉินโบกๆมือ“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เถียนเถียนน่ารักขนาดนี้ เสี่ยวเป่าของผมชอบเธอมาก”
หยุดไปสักพัก ก่อนจะพูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค“ผมเองก็ชอบเธอมากเหมือนกัน”
ฝู้จิงเหวินพูดยิ้มๆ“เธอซนมากๆ ลำบากคุณมากแล้ว ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ ผมขอเชิญคุณไปทานอาหารสักมื้อ เพื่อเป็นการขอบคุณ”
“ไม่ต้องหรอกครับ คุณพาเธอกลับไปเถอะครับ”จิ้นเฟิงเฉินพูดยิ้มอย่างนิ่งๆ สายตาหันมองไปยังเจ้าหนูน้อย อยากที่จะบอกลากับเธอสักหน่อย
ใครจะไปรู้ จู่ๆเจ้าหนูน้อยพุ่งเข้ามา กอดขาของจิ้นเฟิงเฉินเอาไว้
เงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน“ลาก่อนแด๊ดดี้”
ฝู้จิงเหวินที่อยู่ข้างๆพอได้ยินคำพูดของเถียนเถียนตอนแรกก็อึ้งตะลึง จากนั้นก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อย
เจ้าหนูคนนี้ เมื่อก่อนไม่เคยเรียกใครว่าแด๊ดดี้ตามอำเภอใจแบบนี้มาก่อนเลย
กลัวว่าจิ้นเฟิงเฉินจะโกรธ ฝู้จิงเหวินจึงพูดขึ้นทันที“ขอโทษด้วยครับ เด็กไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร คุณอย่าสนใจเลยนะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินลูบๆหัวของเจ้าหนูน้อยเบาๆ ใบหน้าที่เย็นชาดูอ่อนโยนลงไปไม่น้อย ราวกับมีลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านมาก็ไม่ปาน
“ไม่เป็นไร เจ้าหนูน้อยน่ารักมาก เหมือนกับคนที่ผมรู้จักคนหนึ่งมาก”คำพูดของจิ้นเฟิงเฉินเต็มไปด้วยความหวนคิดถึง ในตาเผยให้เห็นถึงความเศร้าเสียใจอยู่เล็กน้อย
ฝู้จิงเหวินอึ้งตะลึง คนที่ดูเป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จแบบนี้ ดูเหมือนจะมีอดีตที่ยากจะพูดออกมาเหมือนกัน
แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องไปเป็นกังวลอะไร
หลังจากที่ขอบคุณอยู่หลายครั้งหลายคราว ฝู้จิงเหวินก็อุ้มเจ้าหนูน้อยจากไป
จิ้นเฟิงเฉินยืนมองดูอยู่ตรงมุมสักพัก ก่อนจะกลับไปที่ห้องทำงาน
มองไปรอบๆหนึ่งรอบ ห้องทำงานก็ยังคงเป็นห้องทำงานเหมือนเดิม แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนว่ามันขาดอะไรไป
ไม่มีเจ้าหนูน้อยคนนั้นแล้ว ภายในห้องทำงานเงียบเหงาลงไปไม่น้อย
จิ้นเฟิงเฉินจากความไม่เคยชินที่มีคนอื่นมารบกวน ก็เริ่มรู้สึกไม่ชินขึ้นมาบ้างแล้ว
หลังจากเหม่อไปสักพัก ก็กลับมาทำงานต่อ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง มีเงาเล็กๆพุ่งตรงเข้ามา
พอเข้ามาก็พูดถามขึ้นทันที“แด๊ดดี้ น้องสาวล่ะ?”
เสี่ยวเป่าไม่เห็นเธอ น้ำเสียงสงสัยไม่น้อย
จากนั้นเขาก็ตกใจ เห็นว่าแด๊ดดี้ของเขาหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน
ตอนที่กำลังจะจุดบุหรี่นั้น ก็ราวกับนึกขึ้นมาได้ว่าเขาอยู่ด้วย จึงวางไฟแช็กลง
เสี่ยวเป่าวิ่งตรงเข้ามาที่จิ้นเฟิงเฉิน ก่อนจะถามเขาอย่างรีบร้อน“แด๊ดดี้ น้องสาวล่ะ น้องสาวไปไหนแล้ว?”