ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 564 เธอเหมือนกับน้องสาวแท้ๆของผม
บทที่ 564 เธอเหมือนกับน้องสาวแท้ๆของผม
จิ้นเฟิงเฉินมองเสี่ยวเป่า พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น“เธอกลับบ้านไปแล้ว”
เสี่ยวเป่าถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก จู่ๆก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ“แต่ในบ้านไม่มีใครเลยนะฮะ เธอกลับไปทำอะไร ไหนบอกว่าจะอยู่รอผมที่นี่ไม่ใช่เหรอ?”
รู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว จิ้นเฟิงเฉินจึงพูดย้ำขึ้นมาอีกที“ไม่ใช่ เธอกลับบ้านของตัวเองไปแล้ว”
เสี่ยวเป่าสบถออกมาหนึ่งคำ มองจิ้นเฟิงเฉินด้วยความสับสนมึนงง
“น้องสาวไม่ใช่ว่าพลัดหลงมา ที่แท้เธอก็มีแด๊ดดี้หม่ามี๊อย่างนั้นเหรอฮะ?”
เขาเกือบจะนึกแล้วว่า น้องสาวจะอยู่ด้วยกันกับเขาที่นี่ตลอดไป
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว วนๆนิ้วชี้บนโต๊ะ พร้อมกับพูดออกมาเบาๆ“ทุกคนก็มีแด๊ดดี้หม่ามี๊ทั้งนั้น ทำไมน้องสาวจะไม่มีล่ะ?”
พูดจบ เสี่ยวเป่าก็ก้มหัวพูดพึมพำอย่างผิดหวัง“ผมรู้สึกว่าเธอเหมือนกับน้องสาวแท้ๆของผม เธอควรจะอยู่ที่บ้านผมสิถึงจะถูก”
จิ้นเฟิงเฉินชำเลืองมองเขานิ่งๆหนึ่งที พร้อมกับพูดเตือนขึ้น“เธอเป็นแค่คนที่ลูกพามาจากข้างนอกเท่านั้นนะ”
“ผมรู้”
เสี่ยวเป่าจิตใจตกต่ำถึงขีดสุด
นึกว่ากลับมาถึงบ้านแล้วจะมีน้องสาวมาอยู่เป็นเพื่อน ตอนนี้ทุกอย่างมันพังทลายไปหมด
เขาคิดถึงน้องสาว คิดถึงหม่ามี๊มากๆ……
หม่ามี๊จากไปนานมากแล้ว เสี่ยวเป่าคิดถึงเธอมากๆ
เสี่ยวเป่าที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เขาทำได้แค่แอบคิดเงียบๆ เพราะว่าถ้าเขาพูดออกมา จะทำให้แด๊ดดี้รู้สึกเสียใจได้
แต่วันนี้เขาทนไม่ได้แล้วจริงๆ จึงถามออกมาหนึ่งคำ“แด๊ดดี้ ถ้าหม่ามี๊ยังอยู่ ก็จะคลอดน้องสาวออกมาแล้วเหมือนกันใช่ไหม?”
เสี่ยวเป่าแววตาเต็มไปด้วยความหวัง
ในสายตาของเสี่ยวเป่า แด๊ดดี้เป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำได้ทุกอย่าง
ที่เขาถามคำถามนี้ออกไป แค่หวังว่าจะได้รับคำตอบที่แน่นอนสักคำตอบหนึ่งจากแด๊ดดี้
แต่ว่า สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินกลับนิ่งลงอย่างรวดเร็ว มือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ขดเป็นกำปั้นอย่างช้าๆ
เสี่ยวเป่าไม่ได้สังเกตเห็น พูดพึมพำออกมาตามประสาตัวเอง“ถ้าน้องสาวของผมเกิดออกมา ก็คงจะโตพอๆกับน้องสาวที่ผมเจอแล้วสินะฮะ”
ใช่ ถ้าสื้อสื้อยังอยู่ ลูกของพวกเขา คงโตพอๆกับเจ้าหนูน้อยคนนั้น
จะต้องน่ารักสดใสมากๆแน่นอน
เพราะว่าสื้อสื้อดีขนาดนั้น เด็กที่เธอคลอดออกมา ก็จะต้องดีที่สุดกว่าใครทั้งนั้น
แต่น่าเสียดาย……
นิ้วของจิ้นเฟิงเฉินกำแน่น ในตาเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ
สื้อสื้อ คุณอยู่ที่ไหน?
จิ้นเฟิงเฉินเผลอลืมตัวไปไม่ถึงหนึ่งนาที ก็รีบกลับมาสงบนิ่งตามเดิมอย่างรวดเร็ว
เขาพยักหน้า แสร้งทำเป็นจัดการเอกสาร พร้อมกับพูดกับเสี่ยวเป่า“สองสามวันนี้ พวกเรากลับไปหาคุณปู่คุณย่ากัน”
การเปลี่ยนเรื่องคุยนี้ดูไม่ฉลาดเลยสักนิด แต่ถึงยังไงเสี่ยวเป่าก็เป็นเด็ก ไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกอะไร
เขาเม้มปาก เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะปรบมือพูดขึ้น“ดีจังเลยฮะ ได้กลับไปหาคุณปู่คุณย่าแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก
ใครจะไปรู้ ว่าเสี่ยวเป่าจะพูดออกมาอีกหนึ่งประโยคด้วยความตื่นเต้นดีใจ“ไม่แน่ว่าหม่ามี๊อาจจะกลับบ้านแล้วก็ได้ พวกเรากลับบ้านก็ได้เจอกับเธอแล้ว ใช่ไหมฮะแด๊ดดี้?”
จิ้นเฟิงเฉิน“……”
เขาทำได้เพียงแค่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
แต่เพราะว่าคำพูดนี้ของเสี่ยวเป่า ในใจของเขาจึงเกิดความหวังขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับว่าเจียงสื้อสื้อกำลังรอเขาอยู่ที่บ้านจริงๆ
พอเขาเปิดประตู ก็จะได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ เหมือนกับช่วงวันเวลาสมัยก่อน
หวังว่าครั้งนี้เขาคงจะไม่ได้คาดหวังไปคนเดียวอีกแล้ว
……
ณ โรงพยาบาล
เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมา ไม่นาน ก็มีร่างกายที่หอมนุ่มพุ่งกระโจนเข้ามา
“หม่ามี๊!”เสียงน่ารักน่าเอ็นดูของเจ้าหนูน้อย
ฝู้จิงเหวินพูดกำชับขึ้นมาจากข้างหลัง“หม่ามี๊ร่างกายยังอ่อนแออยู่ ลูกช้าๆหน่อยสิ”
แต่เจียงสื้อสื้อกลับไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย กอดร่างกายน้อยๆในในอ้อมแขนไว้แน่น
ได้ยินเสียงนุ่มนวลที่คุ้นเคยนั้น ตาก็เริ่มแดง น้ำตาร่วงหยดลงทีละเม็ดๆ
“ไม่เป็นไรๆ ลูกรัก ในที่สุดลูกก็กลับมาแล้ว หม่ามี๊เป็นห่วงแทบแย่”
เจียงสื้อสื้อร้องไห้โฮ
ช่วงสองสามวันมานี้ที่เจ้าหนูน้อยหายตัวไป เธอราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไป กินไม่ได้นอนไม่หลับ ขนาดตอนนอนยังฝันถึงแต่ลูกรักของเธอ
ในที่สุด ในที่สุด เธอก็กลับมาแล้ว
น้ำตาอุ่นๆของเจียงสื้อสื้อร่วงตกลงบนคอของเจ้าหนูน้อย ทำให้เธอหดไหล่ลง แต่ก็ไม่ได้หันตัวหลบอะไร กลับยิ่งกอดคอของเจียงสื้อสื้อไว้แน่นกว่าเดิม
“หม่ามี๊ อย่าร้องไห้เลย ตอนนี้หนูสบายดีแล้ว ไม่เป็นอะไรเลยสักนิด”
น้ำเสียงที่ไร้เดียงสาของเจ้าหนูน้อยปลอบประโลมจิตใจของเจียงสื้อสื้อ
เธอสูดๆลมหายใจ ปล่อยมือออกเล็กน้อย
“ให้หม่ามี๊ดูหน่อย ว่าที่ลูกหายไปมีหิวบ้างไหม บาดเจ็บตรงไหนไหม?”
เจ้าหนูน้อยออกจากอ้อมกอดของเจียงสื้อสื้อ หมุนตัวอยู่สองสามรอบ ก่อนจะพูดอย่างยิ้มแย้ม“หม่ามี๊ ดูหนูสิ”
เจียงสื้อสื้อเอาเธอมาอยู่ข้างๆทั้งน้ำตา ลูบใบหน้าที่ขาวนวลของเธอ พร้อมกับพูดพึมพำ“ไม่ได้ดูซูบผอมลง ค่อยยังชั่วหน่อย”
ฝู้จิงเหวินพูดยิ้มๆ“ตอนที่ผมไปรับเธอ เธอยิ้มแย้มมีความสุขดี ถ้าไม่รู้มาก่อนก็จะนึกว่าเธอไปหยุดพักผ่อนมาเสียอีก เจ้าหนูน้อยคนนี้ ช่างใจจืดใจดำจริงๆ”
เจ้าหนูน้อยทำหน้ามุ่ยมองฝู้จิงเหวิน“ไม่มีสักหน่อย หนูคิดถึงหม่ามี๊กับแด๊ดดี้จะตาย”
“จ้า ลูกคิดถึงมากๆ แด๊ดดี้พูดผิดเอง”ฝู้จิงเหวินพูดตอบรับอย่างยิ้มๆ
จากนั้นก็พยายามอุ้มเธอไปนั่งที่ริมๆ พยายามไม่ให้ไปกระทบกับเจียงสื้อสื้อ
เจ้าหนูน้อยกลับแนบชิดติดกับเจียงสื้อสื้อ รักและหวงแหนเธอสุดๆ
“ลูก หม่ามี๊ไม่มีเรี่ยวแรง ลูกมานั่งตรงนี้มามะ”ฝู้จิงเหวินพูดกับเธอด้วยเหตุผลอย่างใจเย็น
เจ้าหนูน้อยเงยหน้าขึ้นมา มองเจียงสื้อสื้อ“หม่ามี๊เป็นอะไรคะ ป่วยแล้วเหรอ ทำไมถึงอยู่ที่โรงพยาบาล?”
ตั้งแต่เล็กๆ เธอรู้ว่าโรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่น่ากลัวมากๆ
ต้องฉีดยา เจ็บมาก แถมยังต้องกินยาที่ขมมากๆอีก
แล้วหม่ามี๊ก็ต้องฉีดยา ต้องกินยาขมๆเหมือนกันเหรอ?
เจียงสื้อสูดๆจมูก ยิ้มออกมา“หม่ามี๊ไม่เป็นไร ก็แค่คิดถึงลูกรักของหม่ามี๊เท่านั้นแหละ”
พูดจบ เจ้าหนูน้อยก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง“ถ้าอย่างนั้นต่อไปหนูจะไม่จากหม่ามี๊ไปไหนแล้ว หนูจะอยู่กับหม่ามี๊ หม่ามี๊ก็จะไม่ต้องป่วยอีกแล้ว ดีไหมคะ?”
พอเห็นท่าทางที่จริงจังของเจ้าหนูน้อยแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“จ้า”
“เกี่ยวก้อย”เจ้าหนูน้อยเอนหัว ยื่นนิ้วออกมา
เจียงสื้อสื้อก็ยื่นนิ้วออกมาเกี่ยวกับเธอ
จากนั้นเจ้าหนูน้อยก็กระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว วิ่งเตาะแตะๆไปที่กาน้ำ
ดูท่าแล้วคิดที่จะรินน้ำ แต่แรงไม่มากพอ
“แด๊ดดี้ ช่วยหนูหน่อยสิ”
ฝู้จิงเหวินเดินตรงไปอย่างยิ้มๆ“ถ้าลูกจะดื่มน้ำ เรียกแด๊ดดี้ก็ได้แล้ว ลูกจะเอาแรงที่ไหนมายก”
เจ้าหนูน้อยเม้มปากไม่พูดอะไร รับแก้วน้ำที่ฝู้จิงเหวินยื่นมาให้อย่างจริงจัง
เดินตรงไปข้างๆเตียง ยื่นให้กับเจียงสื้อสื้อ“หม่ามี๊ ดื่มน้ำค่ะ”
เธอดูจากในโทรทัศน์ ว่าคนป่วยต้องดื่มน้ำ
ดื่มน้ำเยอะๆ ก็จะหายป่วยแล้ว
เจียงสื้อสื้อรับแก้วน้ำมา ดื่มรวดเดียวจนหมดเกลี้ยง รู้สึกว่าหวานอย่างสุดหัวใจ
จากนั้นเจ้าหนูน้อยก็ขึ้นมานั่งข้างๆเจียงสื้อสื้อด้วยความช่วยเหลือจากฝู้จิงเหวิน
มืออวบๆน้อยๆสองข้างจับมือของเจียงสื้อสื้อ บนมือยังมีสายยางที่แปะเทปไว้อยู่
“ฟู่ๆ ฟู่ๆ แค่นี้ก็จะไม่เจ็บแล้ว”เจ้าหนูน้อยตั้งหน้าตั้งตาเป่าอย่างจริงจัง
เจียงสื้อสื้อเห็นแบบนี้ก็ยิ้มออกมา หยิกๆแขนที่เป็นปล้องๆอวบๆของเธอ ในใจรู้สึกสงบลงทันที