ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 578 เธอกลับมาแล้ว
บทที่ 578 เธอกลับมาแล้ว
มีเสียงดังเพล้งเกิดขึ้น เศษแก้วกระจายไปทั่ว
จิ้นเฟิงเฉินกลับไม่รู้สึกตัว สายตาเอาแต่จดจ้องอยู่ที่ผู้หญิงที่เดินเข้ามา
แววตามีความเจ็บปวด ตกใจ ยินดี ยากจะเชื่อปะปนอยู่ในนั้นเต็มไปหมด
มือกำเป็นหมัดแน่น สั่นเล็กน้อย
กระทั่งคุณท่านฉินยังรู้สึกว่าผิดปกติ จิ้นเฟิงเฉินวางตัวเยือกเย็นมาตลอด เคยแสดงอารมณ์แปรปรวนแบบนี้ที่ไหนกัน
ความผิดหวังที่อยู่บนใบหน้า แทบจะแพร่ขยายออกมา
คุณท่านฉินทำหน้าประหลาดใจ จึงมองไปทางนั้นตามสายตาเขา จากนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
นั่น นั่นมัน……
ทำไมบังเอิญขนาดนี้ บนโลกนี้มีคนที่หน้าตาเหมือนกันขนาดนี้เลยหรือ
เวลาเดียวกันนี้ จิ้นเฟิงเหราที่กำลังสนทนากับแขกอยู่นั้น ก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
เขามองไปที่หน้าประตู ฉับพลันรอยยิ้มก็แข็งค้าง ตามหาส้งหวั่นชีงไปทั่วอย่างงงงัน
“หวั่นชีง ผมตาลายใช่หรือเปล่า?” จิ้นเฟเหราพูดราวกับละเมอ
เวลานี้ส้งหวั่นชีงก็ตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน ไม่ว่างสนใจเขาโดยสิ้นเชิง
เสียงวิจารณ์โดยรอบ จู่ๆ ก็ดังขึ้นมากะทันหัน
“นั่นใครกัน ทำไมเพิ่งจะมาเวลานี้ พิธีเสร็จสิ้นไปแล้วนี่ ไม่มีมารยาทบ้างเลย”
“ไม่ถูกต้อง ทำไมฉันรู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนั้นจัง”
“จริงด้วย ฉันยังนึกว่ารู้สึกอยู่คนเดียวเสียอีก ดังนั้น พวกเขาเป็นใครกันแน่ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เลวเลยนะ ดูสุภาพอ่อนโยน”
……
สายตาของทุกคนต่างมุ่งไปยังคนสองคน ตามมาด้วยเสียงซุบซิบที่ได้ยินไม่ค่อยชัดนัก เจียงสื้อสื้อหยุดฝีเท้า ระวังตัวขึ้นมา
ค่อยๆ รู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง
เกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนมองแต่พวกเขา มีอะไรไม่ถูกต้องงั้นหรือ
เธอก้มหน้ามองชุดตัวเองโดยสัญชาตญาณ เรียบร้อยดีนี่นา
เพื่อเป็นการให้เกียรติ ชุดราตรีนี้เธอเลือกเฟ้นมาเป็นพิเศษ คงจะไม่มีปัญหาหรอกมั้ง
แต่สายตาของทุกคน ดูแปลกจัง
เธอแค่มาขอบคุณครอบครัวหนึ่งที่ช่วยเถียนเถียนเท่านั้นเอง ทำไมเอาแต่จ้องพวกเขากันล่ะ
เจียงสื้อสื้อมือเท้าเกร็งไปหมด แทบอยากหนีไปจากที่นี่เหลือเกิน
เธอรู้สึกเสียใจภายหลังอยู่นิดๆ ไม่ได้ เป็นไปได้ว่างานเลี้ยงเช่นนี้ไม่ใช่ที่ที่เธอควรมา หรือควรเลือกมาเวลาอื่น ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องตกที่นั่งลำบากเหมือนอย่างตอนนี้
เจียงสื้อสื้อฉีกยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ รอยยิ้มจึงดูทื่อๆ อยู่บ้าง
เวลานี้เอง มีเสียงเรียกอย่างประหลาดใจดังขึ้น
เจียงสื้อสื้อมองไปตามเสียง
เห็นเพียงเงาร่างสูงใหญ่กำลังก้าวเท้ายาวๆ เดินมาทางนี้
เขามีรูปร่างสูงโปร่ง แต่งกายด้วยชุดสูทพอดีตัวราคาแพง
ผมยุ่งเล็กน้อย หน้าตาหล่อเหลาอย่างยิ่ง
แต่ตอนนี้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ถึงดูดุดันอยู่บ้าง
คนข้างๆ สองคนขยับหลบโดยอัตโนมัติ เพราะจิ้นเฟิงเฉินในเวลานี้ ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายไม่น่าเข้าใกล้ออกมา
เสียงวิจารณ์ในฝูงชนพากันหัวเราะ เสียงฝีเท้าของจิ้นเฟิงเฉินมุ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว ดูชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ในสายตาเจียงสื้อสื้อ ทุกคนราวกับหยุดนิ่ง มีเพียงผู้ชายคนนี้ที่เดินเข้ามา มีเขาที่ขยับอยู่คนเดียว
เธอเอียงศีรษะเล็กน้อย มองชายหนุ่ม สายตาเจือแววงุนงงและแปลกใจ
จิ้นเฟิงเฉินเดินมาอย่างรวดเร็ว บนใบหน้ามีหลายอย่างปนเปกันไปหมด
ทั้งตกตะลึง ดีใจเจียนคลั่งราวกับได้ของที่หายไปกลับคืนมา หวั่นวิตก หวาดกลัว
เขาเอาแต่จ้องคนที่อยู่ตรงหน้า กลัวว่าหากกะพริบตา คนตรงหน้าก็จะหายไป
พระเจ้า หากนี่เป็นความฝัน ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้เขาอยู่ในฝันไปตลอดกาล อย่าตื่นขึ้นมาอีกเลย
จิ้นเฟิงเฉินโห่ร้องยินดีอยู่ในใจ เร่งฝีเท้ามากขึ้น
จนสุดท้ายเกือบจะกลายเป็นวิ่ง
เวลาเดียวกันนี้เอง เสี่ยวเป่าก็เห็นเจียงสื้อสื้อแล้วเช่นกัน
เขาคงบ้าไปแล้ว พูดพึมพำว่า “หม่ามี้ นั่นมันหม่ามี้……”
น้ำตาค่อยๆ ไหลรินลงมาตามแก้มขาวผ่องอย่างไม่รู้ตัว
ส้งหวั่นชีงใช้มือข้างหนึ่งจับไหล่เสี่ยวเป่าไว้ มืออีกข้างปิดปาก ดวงตาแดงเรื่อ
“ฉันไม่ได้ตาฝาดสินะ……”
นั่นคือพี่สื้อสื้อ ใช่ไหม
ทั้งตระกูลจิ้นต่างนิ่งงัน ไม่มีใครกล้าขยับ ได้แต่มองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย
แขกเหรื่อที่อยู่โดยรอบก็มึนงงเช่นกัน เพราะท่าทีของจิ้นเฟิงเฉินกับคนตระกูลจิ้นผิดปกติเกินไป
จิ้นเฟิงเฉินจ้องผู้หญิงตรงหน้าอยู่ตลอดเวลา ไม่ละสายตาสักวินาที ในสายตานอกจากเธอแล้ว ก็มองไม่เห็นอะไรอีก
เจียงสื้อสื้อก็ตกตะลึงอย่างยิ่ง ในสมองเกิดเสียงดังปังขึ้น
นี่คือผู้ชายที่เคยปรากฏอยู่ในฝันของเธอบ่อยๆ เธอจำไม่ผิดแน่
ตอนอยู่ในฝัน เธอเห็นหน้าของชายหนุ่มไม่ชัดนัก แต่เงาร่างเช่นนี้ เธอกลับจำได้แม่น
ที่แท้ เงาร่างแบบนั้น หน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง
แต่ ทำไมเธอถึงไม่มีภาพจำต่อคนคนนี้สักนิดเลยล่ะ เขาเป็นใครกันแน่?
ทำไมเขาถึงดูเป็นทุกข์ขนาดนั้น
เจียงสื้อสื้อยืนอึ้งงัน
สุดท้ายชายหนุ่มก็เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ มองจ้องใบหน้าเธออย่างละโมบ
แววตาเช่นนั้น ราวกับสลักเข้าไปในเลือดเนื้อและกระดูกทั่วกายเธอ ห้ามลืมเลือนตลอดชีวิต
จิ้นเฟิงเฉินจ้องเขม็งไปที่ใบหน้านั้นราวกับคนบ้า ใบหน้านี้ หายไปเมื่อหลายปีก่อน แต่เขาก็ไม่เคยลืมสักวินาที
คิ้ว จมูก ตา เหมือนกับในความทรงจำทุกประการ
เป็นสื้อสื้อของเขา
จิ้นเฟิงเฉินค่อยๆ ยื่นมือออกไป มันสั่นเล็กน้อย
ก่อนที่จะสัมผัสถึงเจียงสื้อสื้อ ก็หดมือกลับมา
ทำอยู่หลายครั้ง คนก็มองเห็นอยู่ตรงหน้า พอเวลาจะเข้าไปสัมผัส กลับสัมผัสไม่ถึง
เขาหวาดกลัวมาก ว่านี่จะเป็นภาพมายา
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว กันมือเขาไว้ เมื่อกี้เขาสังเกตเห็นว่า จิ้นเฟิงเฉินดูไม่ค่อยปกตินัก
สายตาของคนผู้นี้ ไม่ละออกจากใบหน้าของเจียงสื้อสื้อเลย นี่ทำให้เขาไม่สบายใจนัก
“คุณจิ้น คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” ฝู้จิงเหวินพยายามเก็บกดความไม่พอใจเอาไว้ในใจ ส่งเสียงถามออกมา
จิ้นเฟิงเฉินเหมือนกับมองไม่เห็นเขาอย่างไรอย่างนั้น ปัดมือเขาออก ดวงตายังคงมองอยู่ที่ใบหน้าเจียงสื้อสื้อเหมือนเดิม
แต่ สัมผัสนั้นของฝู้จิงเหวินเมื่อสักครู่ ทำให้เขารู้สึกได้ว่า นี่ไม่ใช่ภาพมายา นี่เป็นความจริง
คนที่อยู่ตรงหน้า คือเจียงสื้อสื้อตัวเป็นๆ
ความดีใจเจียนคลั่งที่อยู่ในใจเขายากระงับ สุดท้ายมือหนาก็สัมผัสถูกแก้มของเจียงสื้อสื้อจนได้
ผิวที่อบอุ่นและเกลี้ยงเกลา อุณหภูมิที่ชวนให้คนน้ำตาไหล
“สื้อสื้อ!” จิ้นเฟิงเฉินร้องเรียกอย่างแผ่วเบา กอดคนที่อยู่ตรงหน้าไว้ในอ้อมแขน
เกิดเสียงสวบสาบดังขึ้น คนตระกูลจิ้นทั้งหมดต่างรุมล้อมเข้ามา
แม่จิ้นน้ำตารื้น อยากจะมองคนทั้งสองใกล้ๆ พูดพึมพำว่า “เหล่าจิ้น นั่นคือสื้อสื้อใช่ไหม สื้อสื้อกลับมาแล้วใช่ไหม?”
เธอถามซ้ำแล้วซ้ำอีก พ่อจิ้นก็ตอบทุกครั้งเช่นกัน
หลายปีมานี้ เพราะการหายตัวไปของเจียงสื้อสื้อ ลูกชายคนโตจึงราวกับคนไร้วิญญาณ
แม้จะมีชีวิตอยู่ กลับเป็นเพียงอยู่ไปเท่านั้นเอง
แม่จิ้นถึงกับสงสัยว่า หากไม่มีเสี่ยวเป่า จิ้นเฟิงเฉินจะทำเรื่องบ้าระห่ำออกมาหรือเปล่า
เธอได้แต่ภาวนา ขอให้เจียงสื้อสื้อกลับมา
มีเพียงทำเช่นนี้ ลูกชายถึงจะเป็นปกติ
เหตุการณ์ในตอนนี้ สวรรค์คงจะได้ยินคำภาวนาของเธอสินะ
เจียงสื้อสื้อถูกกอดไว้ในอ้อมกอดอันอบอุ่นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างกายล้วนแข็งทื่อไปหมด
ผู้ชายคนนี้กอดเธอแน่นมาก ราวกับอยากจะยัดเธอเข้าไปในทรวงอก
ฝู้จิงเหวินมองภาพนี้อย่างตกตะลึง
สมองว่างเปล่าขาวโพลน จิ้นเฟิงเฉินเรียกชื่อเจียงสื้อสื้อออกมา แถมยังเรียกอย่างเป็นธรรมชาติขนาดนั้น
ทำไมกัน เขารู้จักชื่อเจียงสื้อสื้อได้ยังไง?!